หลังจากสงบอารมณ์ความตื่นเต้นไปสักพัก เหลิ่งรั่วปิงก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้ หนานกงเยี่ยใช้แค่ฝ่ามือเดียวก็สามารถปิดท้องฟ้าของเมืองหลง ถ้าอยากจะเข้าโรงแรมนี้ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ดังนั้น เธอก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร จากนั้นก็หันไปเปิดสวิตช์ไฟ ทันใดนั้นไฟในห้องก็สว่างขึ้นมาทันที
จังหวะที่เปิดไฟ หนานกงเยี่ยทนไม่ได้กับแสงไฟในห้องที่สว่างขึ้นอย่างกะทันหัน จึงรีบหลับตา แล้วบดบังสายตาที่เย็นชาคู่นั้น หลังจากห้าวินาทีผ่านไป ตอนที่เขาลืมตาอีกครั้ง นัยน์ตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู ทว่าเขายังคงรู้สึกโกรธเหมือนเดิม
“ไปไหนมา” น้ำเสียงของเขาเคล้าด้วยความเย็นชา
เหลิ่งรั่วปิงถอดเสื้อโค้ทไปแขวนบนไม้แขวนเสื้อ ขณะเดียวกันเธอก็พูดขึ้นอย่างผิวเผิน “ไปเจอลั่วเฮิ่ง ไปคุยเรื่องที่เกี่ยวกับโรมแรงอิมพีเรียล” นักสถาปนิกกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างเจอหน้ากันแล้วคุยรายละเอียดเกี่ยวกับงาน นี่ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เธอไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้ว
ใบหน้าของหนานกงเยี่ยจึงเผยความอ่อนโยนออกมา “ทำไมไม่รับสายผม”
รับสาย? เหลิ่งรั่วปิงหยุดชะงักไปทันที เธอจำไม่ได้ว่ามือถือของเธอดังขึ้น และเธอก็รีบค้นมือถือออกจากกระเป๋า แล้วเพิ่งจะเห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับประมาณสิบกว่าสาย เป็นสายที่หนานกงเยี่ยโทรเข้าทั้งหมด เธอก็รู้สึกตกตะลึงไม่น้อย นึกไม่ถึงว่าเขาจะมีความอดทนในการโทรหาเธอแบบนี้ เธอจำได้ว่า แค่เมมเบอร์โทรของคนๆ หนึ่งก็ยังขี้เกียจเลย
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มและเขย่ามือถือ “ตอนคุยงานฉันปิดเสียงไว้ เลยไม่ได้ยิน”
ความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากเรือนร่างของเขาก็ค่อยๆ หายไป จากนั้นก็ลุกขึ้นพลางเดินเข้าไปใกล้เหลิ่งรั่วปิง จู่ๆ เขาก็โอบเอวของเธอแล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด และประจบจูบบนริมฝีปากของเธออย่างดูดดื่มจนเรือนร่างของทั้งสองพลิกกลับไปกลับมา เหมือนอยากจะกลืนกินเธอเข้าไปในท้อง วันนี้เขาตามหาเธอไม่เจอมาทั้งวัน เขารู้สึกแทบจะขาดใจ
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกได้ว่าเขากำลังอดกลั้นความโกรธของตัวเองไว้ ดังนั้นเธอก็ไม่ได้แสดงการขัดขืนใดๆ จะได้ไม่ต้องทำให้เขาโมโห
ทีแรกก็นึกว่าเขาจะจูบเบาๆ เท่านั้น ใครจะไปนึกถึงว่าเขายิ่งอยู่ยิ่งเกินเลย ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาไม่อยากจะรักษาสัญญาที่จะไม่แตะต้องตัวเธอเป็นเวลาสามวัน
เหลิ่งรั่วปิงจึงจับมือที่ลูบไล้ไปเรื่อยเปื่อยของเขาทันที จากนั้นก็หลบจูบของเขา “คุณหนานกง คุณกำลังจะผิดคำพูดใช่ไหม”
หนานกงเยี่ยก้มหน้ามองดูหญิงสาวที่พยายามปกป้องตนเอง มันทำให้เขารู้สึกทรมานมากๆ ทว่าเขาก็ยินดีที่จะทำตามความต้องการของเธอ ดังนั้นเขาเลยพยายามอดกลั้นอารมณ์ที่เร่าร้อนของตัวเอง แล้วยอมทำตามคำสัญญา “ออกไปข้างนอกกับผม”
“ไปไหน8t”
“ถามอะไรเยอะแยะ เดี๋ยวไปก็รู้เอง” ขณะที่พูด เขาไม่ให้เหลิ่งรั่วปิงได้ครุ่นคิด ก็ดึงมือเธอแล้วเดินออกไปข้างนอก ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ลืมที่จะคว้าเสื้อโค้ทของเธอมาด้วย
เหลิ่งรั่วปิงหยุดฝีเท้าลง “จะไปไหนก็ต้องให้ฉันถามให้รู้เรื่องก่อนสิ ไม่งั้นถึงเวลาถ้าคุณเอาฉันไปขาย ต่อให้ร้องขอให้ฟ้าดินช่วย ฟ้าดินก็คงไม่ช่วยฉัน”
หนานกงเยี่ยหยุดฝีเท้าลง แล้วกัดฟันให้แน่น จากนั้นก็คลายยิ้มออกมา นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยรักและเอ็นดูคู่นั้นกำลังจับจ้องเหลิ่งรั่วปิงอยู่ “ผมหนานกงเยี่ยร้อนเงินขนาดถึงกับต้องขายผู้หญิงของตัวเองเลยหรอ”
เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก จู่ๆ ก็อยากจะหัวเราะ เธอรู้สึกว่าไอคิวของตัวเองนั้นต่ำมากๆ ทำไมถึงพูดคำพูดแบบนี้กับเขาล่ะ
หนานกงเยี่ยมองเธอด้วยความรักและเอาใจใส่ จากนั้นก็หันไปใส่เสื้อโค้ทให้เธอ แล้วพาเธอออกจากห้อง จากนั้นก็เข้าไปในลิฟต์ ตลอดทั้งทางเขาก็จูงมือเธอไว้ นอกจากตอนพวกเขามีอะไรกันบนเตียง แต่ก่อนเขาไม่เคยทำตัวสนิทและใกล้ชิดกับเธอมากขนาดนี้มาก่อน
จู่ๆ เหลิ่งรั่วปิงเหมือนจะเห็นภาพลวงตา นี่พวกเขาเหมือนกำลังเดทกันอยู่
เดท? เหลิ่งรั่วปิงรีบส่ายหน้าทันที จากนั้นก็รีบสะบัดความคิดอันน่ากลัวนี้ออก พวกเขาจะคบหาดูใจกันได้ยังไง ยังไม่ต้องพูดถึงเขาที่ไม่มีทางรักผู้หญิงคนไหน แม้กระทั่งเธอเองก็คงไม่ตกหลุมรักผู้ชายแบบเขาหรอก ตอนนี้การกระทำพวกนี้ของเขา ก็แค่ยังรู้สึกสนใจในตัวเธอ แล้วยังไม่ได้รู้สึกเบื่อเธอ แล้วถ้าเขาต้องการเอาใส่ใจผู้หญิงคนหนึ่ง เขายังต้องมีเหตุใดด้วยหรอ และเธอเองก็แค่ฝืนทนอยู่กับเขาเท่านั้น รอให้เธอสามารถออกจากชีวิตเขาได้เมื่อไหร่ ยังไงพวกเขาก็เป็นแค่คนแปลกหน้าขอกันและกันเท่านั้น
หนานกงเยี่ยขับรถเอง และกำลังมุ่งหน้าไปยังไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ
พอเข้าไปในห้องวีไอพี คุณชายทั้งสี่แห่งเมืองหลงต่างก็มาอยู่กันครบแล้ว อวี้ไป่หันยังคงมีสาวสวยติดตรึม ถังเฮ่ายังคงวิจัยเกี่ยวกับยาของเขาอย่างบ้าคลั่ง ทว่ามู่เฉิงซีกลับเปลี่ยนไปมาก เขาไม่นั่งอยู่ตามลำพังอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป ทว่าในอ้อมกอดของเขามีหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง และพวกเขาสองคนกำลังก้มหน้าพูดคุยกันอย่างสวีทหวานแหวว
ม่านตาของเหลิ่งรั่วปิงหดเล็กลงทันที ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของมู่เฉิงซีคือเวินอี๋ ทำไมเธอถึงไม่เชื่อฟังคำพูดของตน สุดท้ายก็ตกไปอยู่ในกำมือที่เหมือนอย่างซาตานอย่างมู่เฉิงซี
พอเห็นเหลิ่งรั่วปิง เวินอี๋ทำสีหน้าที่ตกตะลึงเป็นอันดับแรก จากนั้นก็พูดคุยกับเธอด้วยรอยยิ้ม “พี่รั่วปิง”
เหลิ่งรั่วปิงกำหมัดไว้แน่นๆ แล้วมองใบหน้าเรียวเล็กของเวินอี๋ที่กำลังดูมีความสุขมากๆ เธอรู้สึกเจ็บปวดใจจนแทบจะทนไม่ไหว เธอนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะมีวันที่ถูกคนอื่นทำร้ายจิตใจแบบนี้ ทันใดนั้น เธอเลยหันไปขึงตามองดูมู่เฉิงซีด้วยความโมโห และอยากจะต่อยหัวของเขาให้แตกแทบขาดใจ
มู่เฉิงซีขมวดคิ้วขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเวินอี๋ขอให้เขาอย่าทำตัวไม่มีมารยาทกับเหลิ่งรั่วปิง ตอนนี้เขาก็คงจะชักปืนออกมายิงเธอแล้ว เหลิ่งรั่วปิงนึกว่าตัวเองเป็นใคร ทำไมถึงต้องคอยทำลายเรื่องดีๆ ของเขาด้วย
แน่นอนว่าหนานกงเยี่ยเข้าใจในสีหน้าของเหลิ่งรั่วปิง เขาเลยตบมือของเธอเบาๆ แล้วกระซิบข้างหูเธอ “เอาเถอะน่า ครั้งนี้ผมมองออกว่ามู่เฉิงซีจริงจังจริงๆ เวินอี๋ก็ยอมคบกับเขาแล้ว พวกเขาสองคนรักกันจริง คุณก็อย่าได้กังวลไปเลย”
ขณะที่พูด หนานกงเยี่ยก็จูงมือเธอไปนั่งที่โซฟา เหลิ่งรั่วปิงก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงก้มหน้าแล้วอยู่อย่างเงียบๆ
อวี้ไป่หันจึงผลักสาวสวยในอ้อมกอดออกด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ “ชู่วๆ ไม่ใช่ว่าเลิกกันแล้วหรอ ทำไมถึงมาอยู่ด้วยกันแบบนี้”
หนานกงเยี่ยส่งสายตาอันเลือดเย็นให้เขา ทำให้อวี้ไป่หันถึงกับตัวสั่น ทว่าเขายังคงหยอกล้ออย่างไม่กลัวตาย “คนมักจะบอกว่าแตงที่แข็งกระด้างไม่หวาน หนานกง แกเอาปืนไปจ่อคนอื่น แล้วแย่งรักเก่ากลับมาจากผู้ชายคนอื่น ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าแกไม่ได้เรื่องเลยสักนิด”
“ฮ่าๆๆ…” ถังเฮ่ายิ้มแล้ววางแก้วในมือลง “รั่วปิง ได้ข่าวว่าเมื่อวานคุณยังใส่เสื้อคู่เพื่อแสดงความรักหวานแหววกับแฟนใหม่ นึกไม่ถึงว่าคุณก็มีโมเม้นท์โรแมนติกแบบนี้ด้วย แต่สุดท้ายก็ถูกแฟนเก่าเอาปืนไปจี้ให้พวกคุณต้องเลิกกัน ในใจของคุณคงจะรู้สึกเจ็บใจมากๆ สินะ”
ถึงแม้มู่เฉิงซีกำลังสวีทกับเวินอี๋อยู่ ทว่าเขาก็ยังหาเวลาว่างไปสังเกตมองนัยน์ตาของหนานกงเยี่ย
หนานกงเยี่ยโกรธจนกัดฟันกรอด พวกเขาสามคนกำลังหัวเราะเยาะเขา ที่เขากลายเป็นเสื้อสิ้นลายเพราะเหลิ่งรั่วปิง? แต่เขาก็กลายเป็นเสือสิ้นลายไปแล้วจริงๆ เมื่อก่อนหนานกงเยี่ยสง่าผ่าเผยมากขนาดไหน ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงสำคัญเลย แต่วันนี้เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง เขากลับนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปแย่งผู้หญิงที่เมืองเฟิ่งตอนกลางดึก อีกทั้งยังใช้ปืนขู่ให้คนอื่น เป็นเรื่องที่น่าอับอายจริงๆ
แต่ว่า เรื่องน่าอับอายก็ส่วนของเรื่องน่าอับอาย เขาไม่เคยว่าคิดว่าตัวเองมีอะไรน่าเสียดาย แต่กลับรู้สึกดีใจที่เมื่อวานเขาตัดสินใจทำแบบนั้น ไม่อย่างนั้นวันนี้เธอก็คงจะอยู่ในอ้อมกอดของไซ่ตี้จวิ้นไปแล้ว เช่นนั้นเขาก็ต้องยิ่งเครียดจนเป็นบ้าแน่นอน
พอเห็นหนานกงเยี่ยถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้ เหลิ่งรั่วปิงก็รู้สึกอารมณ์ดีมาก เลยอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดขึ้น “รู้สึกแค้นมากสิ ฉันยังนึกว่าฉันจะสามารถหารักแท้จนเจอ และยังได้รับชีวิตใหม่ที่มีความสุขซะอีก ใครจะไปรู้ว่าคุณหนานกงกลับชอบกินของเก่า แล้วมาทำลายความสุขของฉันแบบนี้”
หนานกงเยี่ยเครียดจนต้องกัดแก้มของเธอแรงๆ ไปหนึ่งที ผิวพรรณที่อ่อนโยนของเหลิ่งรั่วปิงถูกกัดจนเริ่มแดง ทำให้เธอรู้สึกเจ็บจนจนต้องสูดแอร์เย็นๆ เข้าไปในจมูก
หนานกงเยี่ยกลับไม่ได้เอ็นดูเธอ ทว่ากลับเหลือบตามองเธอด้วยความโกรธ สีหน้าเต็มไปด้วยการตักเตือน
คำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกโกรธมาก ทีแรกเขาก็ไม่เห็นด้วยที่เธอไปยุ่งเกี่ยวกับไซ่ตี้จวิ้น สุดท้ายเธอยังพูดคำพูดแบบนี้ออกมา นี่เธอไม่ใช่ว่าตั้งใจทำให้เขาโมโหหรอ ยังบอกว่าเขาทำลายความสุขของเธอ การที่เธอใช้ชีวิตอยู่กับเขาไม่มีความสุขกับอยู่กับไซ่ตี้จวิ้นหรอ
ถ้าก่วนอวี้รู้ความคิดนี้ของเขา งั้นก่วนอวี้ต้องวิจารณ์เขาว่า “คุณชายเยี่ย คุณยังจะคับแค้นใจอีก ความสง่าผ่าเผยของคุณหายไปหมดแล้ว และไม่เหลือแม้แต่เศษซาก”
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกโมโหจนกลอกตามองบนใส่เขา แล้วไม่มองเขาอีก ผู้ชายคนนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งหน้าด้าน!
พอมองท่าทางที่โมโหของเธอ หนานกงเยี่ยจึงคลายยิ้มด้วยความพอใจ
คนเราย่อมรู้คุณค่าของสิ่งๆ หนึ่ง ต่อเมื่อตอนที่สูญเสียมันไปแล้ว ถ้าหากหนานกงเยี่ยไม่ได้คิดจะบอกเลิกเหลิ่งรั่วปิง เขาก็คงไม่รู้ว่าเขาจะคิดถึงเธอมากขนาดนี้ และอยากจะครอบครองเธอมากขนาดนี้
คืนก่อนจะเลิกกัน เขาจำใจกัดไหล่ของเธอให้เป็นแผล เพื่อหวังว่ามันจะทิ้งร่องรอยไว้ และใช้รอยแผลนี้มาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเธอเคยเป็นผู้หญิงของเขา แต่ตอนนี้พอคิดๆ ดูแล้ว ก็รู้สึกตลกตัวเอง นั่นจะสามารถเป็นเครื่องพิสูจน์อะไรได้ นั่นไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้เลย แค่เธออยู่เคียงข้างเขา ถึงจะเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุด
อวี้ไป่หันและถังเฮ่ามองหน้ากันด้วยสายตาที่ลุ่มลึก ในใจของพวกเขาต่างก็รู้ดี หนานกงเยี่ยหวั่นไหวใจไปแล้ว แต่เสียดายที่เขาเองยังไม่รู้สึกตัว
มู่เฉิงซีก็มองหนานกงเยี่ยด้วยสายตาที่ลุ่มลึก สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ก่อนเขามักจะเตือนสติหนานกงเยี่ยให้เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด และจัดการเรื่องของเหลิ่งรั่วปิงไปเสีย จะได้ไม่ต้องเกิดปัญหาในอนาคต แต่ตอนนี้เขารู้สักทีแล้วทำไมหนานกงเยี่ยถึงได้ลังเลใจ ผู้ชายคนหนึ่งถ้าหวั่นไหวกับผู้หญิงคนหนึ่งไปแล้ว ต่อให้เธอจะทำผิดมากขนาดไหน เขาก็ไม่มีทางฆ่าเธออย่างอำมหิตได้หรอก ตอนนี้เขารู้ซึ้งถึงเรื่องนี้ ต่อให้เวินอี๋ใช้มีดแทงเข้ามากลางใจของเขา เขาก็ไม่มีทางฆ่าเธอเด็ดขาด
ตอนแรกทุกคนดื่มเหล้ากันไปและโม้กันไป ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนุก แต่พอคุยๆ กันไปสักพักก็เริ่มไม่มีอะไรจะพูด สุดท้ายก็ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบกริบ
เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนที่คอแข็ง เธอดื่มเหล้าแค่นิดๆ หน่อยๆ ก็คงไม่สะทกสะท้านอะไร ทว่าเวินอี๋ไม่ค่อยดื่มเหล้า พอเหล้าไม่กี่แก้วลงไปในท้อง หน้าของเธอก็เริ่มแดง นัยน์ตาก็ดูมัวพร่าขึ้นมาทันที
พอเห็นเวินอี๋อยู่ในสภาพแบบนี้ เหลิ่งรั่วปิงก็ยิ่งเป็นห่วงเธอ สุดท้ายจึงลุกขึ้นแล้วพูดขึ้น “ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ เวินอี๋ เธอไปกับฉันสิ”
“ได้ค่ะ” เวินอี๋ตอบกลับอย่างดีใจ เธอก็อยากจะคุยอะไรเป็นการส่วนตัวกับเหลิ่งรั่วปิงอยู่เหมือนกัน
หลังจากทั้งสองคนจากไป มู่เฉิงซีก็ขมวดคิ้วเป็นปม เหลิ่งรั่วทำให้เขารู้สึกปวดหัว สุดท้ายเขาก็หันไปคุยกับหนานกงเยี่ย “หนานกง คุมผู้หญิงของแกหน่อยได้ไหม อย่าให้เธอพูดอะไรเรื่อยเปื่อยกับเวินอี๋ ถ้าเธอยังคิดจะยุ่งเรื่องของคนอื่น ฉันจะไม่ให้เวินอี๋ได้เจอเธออีก”
หนานกงเยี่ยเลิกคิ้วขึ้นอย่างตลก “ทำไม แกก็มีวันที่ต้องกลัวอะไรแบบนี้ด้วยหรอ”
มู่เฉิงซีถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “แต่ก่อนฉันไม่เข้าใจแก และก็รู้สึกว่าแกชอบเยิ่นเย้อ ตอนนี้กลับเข้าใจแกแล้ว และฉันก็จะไม่ตักเตือนแกอะไรอีก แต่มีคำๆ หนึ่งที่ฉันยังอยากจะพูด เวินอี๋กับเหลิ่งรั่วปิงไม่เหมือนกัน เวินอี๋กับฉันก็เหมือนผู้ชายที่แกร่งคนหนึ่ง สุดท้ายก็ถูกผู้หญิงทำให้อ่อนแอ และพวกฉันก็รักซึ่งกันและกันจริงๆ แต่แกกับเหลิ่งรั่วปิงนั้น มีแค่แกที่ทุ่มเทอยู่ฝ่ายเดียว ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจที่ด้านชา ฉันกลัวว่าแกจะไม่มีทางทำให้น้ำแข็งในหัวใจของเธอละลายได้”
หนานกงเยี่ยนิ่งเฉยไม่พูดไม่จา
ในใจของเขารู้ดี ต่อให้ทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันอย่าง ยังไงหัวใจของเธอก็ออกห่างจากเขาไปไกลมากๆ เขามองไม่ออกและจับต้องไม่ถูกว่าเธอกำลังรู้สึกยังไง
ทว่าพอมาย้อนถามตัวเอง เขาจำเป็นต้องได้ใจเธอมาไหม
เขาไม่รู้ ตอนนี้เขามีความคิดเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือรั้งให้เธออยู่เคียงข้างเขา และห้ามให้เธอไปใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไซ่ตี้จวิ้นปรากฏตัว ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็คงจะเป็นอย่างนั้นต่อไป ไซ่ตี้จวิ้นมากระตุ้นส่วนลึกในใจที่อยากจะครอบครองเธอ เขาไม่รู้ว่าความอยากครอบครองเธอของตนเองที่รุนแรงแบบนี้ มันโผล่ออกมาตอนไหนเหมือนกัน
เขาจะรักและเอาใจใส่เธอให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องที่ลึกซึ้งและไกลกว่านี้ ตอนนี้เขายังนึกไม่ถึง และยังจัดการกับหัวใจของตัวเองไม่ได้