เหลิ่งรั่วปิงส่งยิ้มให้หนานกงเยี่ยด้วยความขอบคุณ เธอรู้ดีว่าสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือความคิดสกปรกของพวกผู้หญิง เหลิ่งรั่วปิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมให้เธอทำแบบนี้
ลั่วซูเยียงเหมือนเด็กที่ได้ลูกอม เธอเดินตามหลังเหลิ่งรั่วปิงอย่างมีความสุข ใบหน้าแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ทว่านัยน์ตาของเธอกลับแฝงความริษยาเอาไว้ ลั่วซูเยียงคิดอยากจะแย่งตำแหน่งของเหลิ่งรั่วปิง ต้องการเหยียบเธอให้จมดิน เธอเกลียดคนที่มีหน้าตาคล้ายกับเจียงหน่วนซิน และยิ่งเกลียดที่ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่หนานกงเยี่ยรัก ครั้งแรกที่ตนได้เจอกับหนานกงเยี่ย เธอก็หลงรักเขาเข้าเต็มเปาแล้ว เธอสัญญากับตัวเองว่าจะต้องเป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ยให้ได้ ต้องเป็นคุณผู้หญิงตระกูลหนาน
หนานกงเยี่ยเลือกที่จะนั่งตรงริมสระว่ายหน้า เขานิ่งเงียบไม่ยอมพูดจา
ลั่วซูเยียงเห็นแบบนี้จึงรีบวิ่งแจ้นไปเอาค็อกเทลให้กับเขา แล้วยื่นไปตรงหน้าหนานกงเยี่ย เธอคลายยิ้ม “คุณชายเยี่ย”
หนานกงเยี่ยให้เกียรติเธอมาก เขาปรายตามองลั่วซูเยียง จากนั้นรับค็อกเทลจากเธอ “นั่งสิครับ”
หนานกงเยี่ยผายมือไปที่นั่งข้างๆ ที่นั่งตรงนี้อยู่ริมสระว่ายน้ำ หากนั่งไม่ระวังนิดหน่อยก็พร้อมจะตกลงไปทันที
ลั่วซูเยียงดีใจมาก เธอไม่สนใจว่าที่นั่งตรงนั้นอันตรายแค่ไหน กระชับชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินไปนั่ง เธอนั่งข้างๆ หนานกงเยี่ย รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก เงยหน้าขึ้นปรายตามองเหลิ่งรั่วปิง สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความดูถูก
เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก จากนั้นนั่งลงตรงข้ามหนานกงเยี่ย หัวใจของเธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จากนิสัยของหนานกงเยี่ยเขาทนให้ลั่วซูเยียงมาอยู่ใกล้ตัวได้ยังไง อีกทั้งยังรับค็อกเทลจากยัยนี่ด้วย
คิดจินตนาการว่าหากหนานกงเยี่ยคว้าลั่วซูเยียงมากอด แล้วจุมพิตลงบนรอยแผลเป็นทั้งสองบนหน้าของผู้หญิงคนนี้ เหลิ่งรั่วปิงขนรุกไปทั้งตัว น่ารังเกียจมาก
คล้ายรับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร หนานกงเยี่ยชำเลืองตามองมาที่เธอ ทำให้เหลิ่งรั่วปิงตกใจเหมือนขโมยที่ถูกจับได้ เธอรีบก้มหน้าลง
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วด้วยความไม่สบอารมณ์ รู้ไหมว่าเขารังเกียจแค่ไหน ตอนที่รับแก้วค็อกเทลมาจากลั่วซูเยียง เขาอยากจะรีบโยนแก้วค็อกเทลทิ้งแล้ววิ่งไปล้างมือแทบบ้า แต่ที่เขาต้องอดทนทำแบบนี้ก็เพื่อเธอ แต่ดูสีหน้าของเธอสิ มันหมายความว่าอะไร
เหลิ่งรั่วปิงปรับอารมณ์ของตนเอง เธอคลายยิ้มแล้วมองไปที่ลั่วซูเยียง “คุณหนานกงชอบกินเค้กดอกบ๊วยมาก เดี๋ยวฉันไปหยิบก่อนนะคะ”
แน่นอน ลั่วซูเยียงไม่มีวันพลาดโอกาสเอาใจหนานกงเยี่ย เธอยิ้มแล้วรีบพูดขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะๆ ฉันไปเอง” เหมือนกลัวว่าเหลิ่งรั่วปิงจะได้หน้า
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้ว นัยน์ตาของเขาฉายรอยยิ้มบางๆ ผู้หญิงคนนี้ กล้าใช้เขาเป็นเครื่องมืออย่างโจ่งแจ้งแบบนี้แล้วหรอ เขาชอบกินเค้กดอกบ๊วยตั้งแต่เมื่อไหร่
ขณะที่ลั่วซูเยียงกำลังลุกขึ้น มือของเหลิ่งรั่วปิงที่อยู่ใต้โต๊ะขยับเล็กน้อย ลูกปัดขนาดเล็กที่อยู่ในมือของเธอถูกดีดออกไป ปลายลูกปัดมีเข็มแหลม มันแทงเข้าที่ขาของลั่วซูเยียงพอดี
“โอ๊ย” ลั่วซูเยียงร้องเสียงหลง เธอรู้สึกเจ็บข้อเท้ามาก จากนั้นเซล้มลงไปในสระว่ายน้ำ
ด้วยเหตุนี้ บริเวณสระว่ายน้ำจึงเสียงดังขึ้นมาทันที ลั่วซูเยียงว่ายน้ำไม่เป็น เธอเหมือนปลาที่ดิ้นไปมาเพราะกำลังขาดอากาศหายใจ ร้องเรียกให้คนช่วย
หนานกงเยี่ยยืนนิ่งไม่ขยับ เขาโยนแก้วค็อกเทลทิ้งด้วยความรังเกียจ จากนั้นหยิบกระดาษมาเช็ดมือ
เหลิ่งรั่วปิงแสร้งยืนตะโกนอยู่ริมสระว่ายน้ำ “คุณลั่วคะ ทำไมคุณถึงไม่ระวังตัวขนาดนี้ อดทนเอาไว้นะคะ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ก็มาแล้วค่ะ”
มุมปากของหนานกงเยี่ยกระตุกยิ้ม ผู้หญิงคนนี้แสดงละครเก่งมาก ที่ผ่านมาเขาดูถูกเธอเกินไปแล้ว
ทุกคนต่างวิ่งมาที่ริมสระว่ายน้ำ พวกเขามองดูลั่วซูเยียงตะเกียกตะกายในน้ำ ทว่าไม่มีใครคิดไปช่วยเธอ สังคมชั้นสูงก็เป็นแบบนี้แหละ ทุกคนพากันเลียแข้งเลียขาคนที่มีเงินมีอำนาจ ในทางกลับกันเวลาตกที่นั่งลำบากก็ทำเพียงแค่ยืนมอง แค่พวกเขาไม่เหยียบซ้ำก็ถือว่าเป็นคนดีแล้ว
อีกทั้ง ลั่วซูเยียงเอาแต่ไปอยู่ใกล้หนานกงเยี่ย เธอตกลงไปในน้ำตอนที่นั่งอยู่ข้างหนานกงเยี่ย แต่เขากลับไม่มีท่าทีอะไรสักอย่าง ใครจะไปรู้ว่าการกระโดดลงไปช่วยลั่วซูเยียงจะทำให้ผิดใจกับหนานกงเยี่ยรึเปล่า ไม่มีใครอยากยุ่งเรื่องของหนานกงเยี่ยหรอก
เจี่ยนชิวรีบพุ่งตัวเข้ามา เธอคุกเข่าแล้วร้องตะโกนเสียงดัง “ช่วยด้วย ช่วยลูกสาวฉันด้วย!”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ลั่วเฮิ่งเองก็วิ่งเข้ามา เมื่อเห็นลั่วซูเยียง แววตาของเขาฉายความรังเกียจ จากนั้นบอกกับผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ “ไปช่วยคุณหนูขึ้นมา”
ตอนที่ลั่วซูเยียงถูกช่วยขึ้นมา เธอหายใจรวยริน สภาพของเธอในตอนนี้เหมือนลูกหมาตกน้ำ รองพื้นที่โบกมาถูกน้ำล้างไปจนหมด เผยให้เห็นรอยแผลที่อยู่บนใบหน้า
“อี๊ ผีหรอเนี่ย”
“น่าเกลียดที่สุด”
“หน้าตาน่ารังเกียจขนาดนี้ยังกล้ามายุ่งกับคุณชายเยี่ย ไม่เจียมตัวเลยสักนิด”
“ใช่ น่าอายมาก”
คำพูดของแต่ละคนที่พูดออกมานั้น ไม่มีประโยคไหนน่าฟังเลยสักประโยค ลั่วเฮิ่งรู้สึกขายหน้ามาก เขาก้มหน้าลงต่อว่าเจี่ยนชิว “รีบพาลูกกลับบ้าน อย่ามาขายขี้หน้าตรงนี้”
เจี่ยนชิวร้องไห้แล้วกล่าวโทษลั่วเฮิ่ง “คุณมันไม่มีหัวใจ ลูกเกือบตายแล้วแท้ๆ แต่คุณกลับไม่เป็นห่วงเธอเลยสักนิด”
ลั่วเฮิ่งขมวดคิ้ว หันไปพูดกับผู้ช่วย “พาคุณหนูไปโรงพยาบาล”
เจี่ยนชิวช่วยผู้ช่วยพยุงลั่วซูเยียงขึ้นมา ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินไป เสียงโทรศัพท์ของลั่วเฮิ่งดังขึ้น
ลั่วเฮิ่งรับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เขาหัวร้อนขึ้นมาทันที ใครบางคนส่งรูปมาให้กับเขา เป็นรู้ที่เจี่ยนชิวกำลังจูบกับดาราหนุ่ม
“ผู้หญิงสารเลว” ลั่วเฮิ่งผลักเจี่ยนชิวจนล้ม จากนั้นทุบตีเธออย่างหนัก ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ เขาสามารถมีผู้หญิงคนอื่นได้ แต่กลับไม่ยอมให้ผู้หญิงของตนเองสวมเขา ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะเป็นคนวางแผนทำให้เธอได้แต่งงานกับเจียงเฉิง ทว่านับตั้งแต่นั้นเขาก็รังเกียจเจี่ยนชิวและไม่แตะต้องเธออีกเลย แต่เธอกลับต้องซื่อสัตย์กับเขา
เจี่ยนชิวถูกทุบตีอย่างหนัก เธอร้องไห้โวยวายเสียงดัง ใช้เวลาไม่นานเธอก็ไม่เหลือเคล้าคุณนายอีก หน้าของเธอเขียวช้ำบวมปูดไปหมด
เจี่ยนชิวไม่เข้าใจ ถึงแม้ลั่วเฮิ่งไม่เคยเป็นห่วงเธอ แต่เขากลับให้เงินเธอใช้และไม่เคยทำร้ายเธอมาก่อน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงทุบตีตน มันต้องเป็นเพราะข้อความเมื่อกี้แน่ๆ หรือว่าเรื่องของเธอกับดาราหนุ่มคนนั้นถูกจับได้แล้ว?
ลั่วซูเยียงที่ได้สติขึ้นมามองดูสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นหันไปมองเหลิ่งรั่วปิง เหลิ่งรั่วปิงแสยะยิ้มให้เธอ อีกทั้งยังยกนิ้วขึ้นด้วย
ลั่วซูเยียงตกใจจนหมดสติไป เธอคุ้ยเคยกับท่าทางนี้เป็นอย่างดี ตอนเด็กๆ เจียงหน่วนซินชอบทำมือแบบนี้ เหตุที่เธอเป็นลมหมดสติไป เป็นเพราะคิดว่าตนเองเจอผี วิญญาณของเจียงหน่วนซินกำลังกลับมาแก้แค้น
ลั่วเฮิงเอาแต่ทุบตีเจี่ยนชิว ทุบตีทำร้ายเธอยังไงเขาก็ยังคงไม่หายโกรธ ผู้ช่วยรีบเข้ามาห้าม “ประธานลั่วครับ อย่าทำร้ายคุณผู้หญิงเลยครับ ขืนทุบตีคุณผู้หญิงแบบนี้เธอต้องตายแน่ๆ ครับ อีกทั้งตอนนี้คุณหนูหมดสติไปแล้ว เราช่วยชีวิตคนกันก่อนเถอะครับ?”
ลั่วเฮิ่งเตะเจี่ยนชิวอีกหนึ่งครั้ง เขาพูดเสียงเย็นยะเยือก “พาสองแม่ลูกกลับไป ห้ามตามหมอมาดูอาการเด็ดขาด”
พูดจบ ลั่วเฮิ่งสาวเท้าเดินออกไปลำพัง ทุกคนต่างดูออกว่าเขาจะกลับไปทำร้ายทุบตีภรรยาที่บ้าน ดูท่าเจี่ยนชิวคงต้องเจ็บตัวแล้ว ทุกคนพากันแปลกใจ ถึงแม้ลั่วเฮิ่งจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยมากมาย แต่เขาเป็นผู้ชายที่ไม่เคยทุบตีภรรยา เพราะบริษัทของเขาในตอนนี้เป็นบริษัทสามีเก่าของภรรยา ท่าทีโมโหคิดจะทุบตีภรรยาให้ตายของเขาในวันนี้ เป็นเพราะอะไรกันแน่ หรือว่าภรรยาของเขามีชู้?
หลังจากครอบครัวของลั่วเฮิ่งออกไปจากงาน ทุกคนพากันซุบซิบ
เหมือนจะตอบข้อสงสัยของทุกคน หนึ่งในคนเหล่านั้นร้องตะโกนขึ้น “รีบมาดูเร็วเข้า ภรรยาของคุณลั่วเฮิ่งแอบไปมีอะไรกับดาราหนุ่ม”
ทุกสายตาหันไปมองตามต้นเสียง ท่ามกลางผู้คนมากมายมีผู้หญิงคนหนึ่งชูโทรศัพท์ขึ้นมา หน้าจอโทรศัพท์กำลังเปิดไปที่เว็บไซต์ ซึ่งเว็บไซต์นั้นมีภาพตอนที่เจี่ยนชิวแอบไปมีอะไรกับดาราหนึ่ม
“หึๆๆ ไม่แปลกที่ทุบตีภรรยาหนักขนาดนี้ ที่แท้ก็ถูกสวมเขานี่เอง เรื่องนี้ว่อนไปทั้งอินเทอร์เน็ตแล้ว”
“คิดไม่ถึงจริงๆ ภรรยาของคุณลั่วเฮิ่งอายุมากแล้วแต่หัวใจยังสาว ฮ่าๆๆ…”
“ดูท่าคุณลั่วเฮิ่งคงไม่สามารถทำให้ภรรยาของเขาพอใจได้ ฮ่าๆๆ…”
ทุกคนพากันพูดสนุกปาก ชีวิตนี้ลั่วเฮิ่งไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
เวลานี้ลั่วเฮิ่งกำลังนั่งอยู่ในรถ เขาเองก็เห็นข่าวในอินเทอร์เน็ตแล้ว ลั่วเฮิ่งโมโหจนอยากเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง เขากระชากตัวเจี่ยนชิวขึ้นมาแล้วทุบตีทำร้ายเธออีกครั้ง
เหลิ่งรั่วปิงกระตุกมุมปากด้วยความพอใจ เธอเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ก่อนที่จะตีหมา ปล่อยให้หมามันกัดกันก่อน สะใจจริงๆ
หนานกงเยี่ยมองดูเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ ตอนที่ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้ม เขาเองก็คลายยิ้มไปด้วย เขาเดินเข้าไปหาเธอ “เล่นสนุกพอรึยังครับ”
“คะ” เธอนึกว่าเขาหมายถึงงานเลี้ยง
หนานกงเยี่ยไม่ได้พูดอะไร เขายิ้ม “ถ้าเล่นสนุกพอแล้ว เรากลับวิลล่ากันเถอะ”
“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงอารมณ์ดีมาก เธอปล่อยให้หนานกงเยี่ยใส่เสื้อกันหนาวให้ จากนั้นปล่อยให้เขาพาตนเองออกจากงานตามอำเภอใจ
ลู่หวาหนงที่คอยสังเกตเหลิ่งรั่วปิงมาโดยตลอด กระตุกยิ้มชั่วร้าย
ขณะที่หนานกงเยี่ยพาเหลิ่งรั่วปิงเดินออกไป ก่วนอวี้รีบวิ่งมาหาด้วยความร้อนใจ แต่กลับไม่ยอมพูดอะไร เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่จะพูดไม่อยากให้เหลิ่งรั่วปิงได้ยิน
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม หันไปพูดกับหนานกงเยี่ย “ฉันไปรอคุณที่รถนะคะ”
หนานกงเยี่ยพยักหน้า เหลิ่งรั่วปิงเดินไปที่รถเพียงลำพัง
“คุณชายเยี่ยครับ คุณอวี้ได้รับบาดเจ็บครับ” สีหน้าของก่วนอวี้เต็มไปด้วยความเป็นห่วง สำหรับอวี้หลานซีแล้ว นอกจากความเป็นห่วง เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ผู้หญิงคนหนึ่งถ้าหลงรักใครไปแล้ว แม้แต่พระเจ้าก็ยังช่วยไม่ได้
หนานกงเยี่ยขมวดค้ว “เกิดอะไรขึ้น”
ก่วนอวี้ขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพูดเสียงเบา “หลังจากเกิดเรื่องที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถในวันนั้น คุณอวี้กลับไปที่คฤหาสน์แล้วขอให้บอดี้การ์ดสอนทักษะการต่อสู้กับเธอครับ อีกทั้งยังเรียนยิงปืน คุณอวี้โหมฝึกหนักไม่ยอมกินไม่ยอมนอน จนวันนี้ด้วยความไม่ระมัดระวังจึงหกล้ม โชคดีที่ขาไม่หักครับ”
หนานกงเยี่ยถอนหายใจ สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือการต้องคอยกังวลเรื่องต่างๆ ของผู้หญิง เมื่อก่อนเขารู้สึกว่าอวี้หลานซีเป็นคนที่รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ เขาจึงไม่ต้องกังวลอะไรมากมาย แต่ตอนนี้เธอกลับทำให้คอยต้องเหนื่อยใจ เขาควรทำยังไงกับการดื้อดึงของเธอดี
หนานกงเยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินออกไปจากวิลล่าตระกูลจั่ว บนรถ เขาพูดกับเหลิ่งรั่วปิง “ผมส่งคุณกลับวิลล่าหย่าเก๋อก่อน เดี๋ยวผมต้องกลับไปที่คฤหาสน์”
เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก คนฉลาดอย่างเธอ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับอวี้หลานซี หนานกงเยี่ยไม่ค่อยกลับไปที่คฤหาสน์สักเท่าไหร่ การที่เขากลับไปกะทันหันแบบนี้ ต้องเป็นเพราะอวี้หลานซี
เมื่อถึงหน้าประตูวิลล่าหย่าเก๋อ เหลิ่งรั่วปิงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวฉันเข้าไปเองค่ะ”
แต่ตอนที่เธอกำลังจะลงรถ หนานกงเยี่ยกลับคว้าตัวเธอมาก่อน เขาลงจากรถ แล้วอุ้มเธอไปที่ชั้นสอง
“คุณจะกลับไปคฤหาสน์ไม่ใช่หรอคะ”
“ใช่ แต่ผมอาบน้ำให้คุณก่อน หลังจากคุณนอนหลับแล้วผมค่อยกลับไป” การอาบน้ำให้เธอกลายเป็นงานที่เขาต้องทำในทุกวัน
เหลิ่งรั่วปิงรู้ดีว่าตนเองไม่สามารถห้ามเขาได้ เธอจึงไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เขาถอดเสื้อผ้าของตนเองแล้วอาบน้ำให้กับเธอ หลังจากใส่ชุดนอน เขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นเดินไปยังเตียง วางเธอลงช้าๆ แล้วห่มผ้าให้กับเธอ
หานกงเยี่ยจูบหน้าผากเธอเบาๆ “ฝันดีครับ”
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม เธอหลับตาลง ไม่นานก็ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอ
เมื่อเห็นเธอหลับไปแล้ว หนานกงเยี่ยจึงปิดไฟในห้องนอน เขาเดินออกไปจากห้อง แล้วปิดประตูด้วยความระมัดระวัง จากนั้นกลับไปที่คฤหาสน์พร้อมกับก่วนอวี้
หลังจากหนานกงเยี่ยออกไป เหลิ่งรั่วปิงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาในความมืด