หนานกงเยี่ยผิดหวังเล็กน้อย เขาขมวดคิ้ว “คุณไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับผมตลอดไปหรอ” ถ้าหากเป็นผู้หญิงคนอื่น เวลานี้คงจะดีใจมาก พวกเธอคงจะพูดว่าไม่มีวันแยกจากกันไปทุกชาติทุกภพ แต่เหลิ่งรั่วปิง เธอมักจะทำให้เขาแปลกใจตลอดเวลา
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม สีหน้าของเธอกำลังบอกกับเขา เธอไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ “ถ้าทั้งชีวิตของฉันต้องพัวพันกับคุณ ฉันก็เหมือนกับดอกไม้ไฟ ส่วนคุณหนานกงก็เหมือนกับคนที่คอยจ้องมองดูดอกไม้ไฟ ความงดงามของฉันเป็นเพียงแค่ทางผ่านในชีวิตคุณเท่านั้น วินาทีที่ฉันดับลง ยังจะมีดอกไม้ไฟอีกหลายดอกที่พร้อมจะจุดประกายเพื่อคุณ ส่วนฉันกลับวอดดับไปแล้ว ดังนั้น ฉันไม่อยากมีชีวิตแบบนั้นค่ะ” เงียบไปสองวินาที “ความงดงามของฉัน ฉันขอเก็บให้คนที่คู่ควรกับมัน”
หนานกงเยี่ยรู้สึกมีลมเย็นๆ พัดอยู่หลังซอกคอ ลมเย็นนั้นพัดผ่านเข้ามาในร่างกายของเขา “ผมไม่คู่ควรหรอครับ” ความงดงามของเธอจะเก็บเอาไว้ให้คนอื่น! คิดถึงความเป็นไปได้นี้ หัวใจของเขาเจ็บปวดขึ้น
“คุณหนานกงคู่ควรให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้ ทิ้งช่วงเวลาผลิบานของตนเองเพื่อคุณ แต่ว่าผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้ ไม่นับรวมฉัน” ชีวิตครึ่งแรกของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธออยากให้ชีวิตที่เหลือของตนเองมีความสุข เธอไม่อยากแผดเผาตนเองเพื่อใคร หัวใจของเธอต้องเป็นของเธอตลอดไป
หนานกงเยี่ยกัดฟันกรอด นัยน์ตาฉายความเจ็บปวด เขายิ้มด้วยความเศร้า “เหลิ่งรั่วปิง หัวใจของคุณทำมาจากน้ำแข็งหรือไง ทำไมไม่เคยมีความรู้สึกอะไรเลย”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้รู้สึกกลัวความเย็นชาของเขาแม้แต่น้อย เธอจ้องมองไปยังดวงตาของเขา “หลังจากที่ฉันหวั่นไหวแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นคะ”
“…” หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปม เขาไม่รู้ว่าตนเองควรจะตอบคำถามเธอยังไงดี
“คุณหนานกง คุณคือราชาที่อยู่เหนือทุกคน คุณมีทุกสิ่งที่คนทั่วไปปรารถนาและไม่มีวันได้รับ ดังนั้นคุณอย่าโลภให้มากเลยค่ะ ตอนนี้คุณสนใจในตัวฉัน คุณก็เลยขังฉันเอาไว้ให้อยู่ข้างๆ คุณ ทว่าถ้าวันหนึ่งคุณเบื่อฉันขึ้นมา คุณก็สามารถทิ้งฉันโดยไม่ต้องคิดอะไรมากมาย คุณยังต้องการอะไรอีก”
“ผมต้องการหัวใจของคุณ”
ราวกับเธอได้ฟังเรื่องตลก เหลิ่งรั่วปิงยิ้มร่า “ถึงแม้ฉันจะต้อยต่ำ แต่หัวใจของฉันแพงมาก คุณหนานกงคิดจะใช้เงินเท่าไหร่ในการซื้อมันคะ”
มองดูรอยยิ้มของเธอ หัวใจของหนานกงเยี่ยรู้สึกเจ็บปวด ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะฉีกรอยยิ้มจอมปลอมนี้ทิ้งจริงๆ เขาคว้าจับมือของเหลิ่งรั่วปิง ทาบเอาไว้ที่หน้าอก “ใช้หัวใจของผมเข้าแลก!”
เหลิ่งรั่วปิงตกใจ เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะตอบกลับแบบนี้ ถึงแม้มีเสื้อกันหนาวขนเป็ดตัวหนากั้นเอาไว้ แต่มือของเธอสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของเขา ดวงตาของเขาเป็นประกาย คล้ายกำลังจ้องมองลึกเข้ามายังส่วนลึกในนัยน์ตาของเธอ หัวใจของเธอเต้นแรง วินาทีนี้ เขาเกือบจะสูบเอาเรี่ยวแรงของเธอไปหมดแล้ว เธอเกือบจะซบลงในอ้อมกอดของเขา
ทว่าสุดท้าย เธอฝืนใจตนเองแล้วก้าวถอยหลัง ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มบางๆ “คุณหนานกงพูดแบบนี้หมายความว่า คุณชอบฉัน?”
“ครับ” หนานกงเยี่ยมองมาที่เธอด้วยสายตามุ่งมั่น
เหลิ่งรั่วปิงซ่อนความว้าวุ่นใจของตนเองเอาไว้ เธอคลายยิ้ม “เช่นนั้น หัวใจของคุณหนานกง เก็บไดว้ได้นานแค่ไหนคะ”
หนานกงเยี่ย “…”
เขาไม่สามารถตอบได้ เพราะเขาก็ไม่รู้คำตอบ เขาไม่รู้ว่าตนเองจะรักเธอแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน อาจจะแค่หนึ่งเดือน สองสามเดือน หนึ่งปี สิบปีหรืออาจจะตลอดไป ทว่าถ้ายังไม่ถึงวันนั้น เขายังคงไม่รู้ว่าคำตอบมันคืออะไร คำว่าตลอดไปมันไกลตัวเขาเกินไป
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม เธอตบที่หน้าอกของหนานกงเยี่ยเบาๆ แล้วดึงมือกลับ “หัวใจของฉันไม่ได้ให้ใครง่ายๆ แต่ถ้ายกให้ใครแล้วฉันจะไม่เอากลับมาอีก หัวใจของคุณหนานกงไม่สามารถรักใครได้ตลอดไป ดังนั้นหัวใจของฉัน คุณไม่สามารถรับมันไว้ได้”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงเอียงศีรษะคลายยิ้มหวาน รอยยิ้มของเธอสวยมาก สวยจนทำให้คนรู้สึกว่าไม่ใช่ของจริง จากนั้น เธอหมุนตัวเดินกลับเข้าไปยังรีสอร์ต แผ่นหลังของเธอที่อยู่ภายใต้แสงไฟมันงดงาม บริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า ราวกับมีลมพัดผ่านมา เธอก็พร้อมสยายปีกบินขึ้นบนท้องฟ้า ละลายกลายเป็นแสงสว่าง
หนานกงเยี่ยมองดูแผ่นหลังของเธอจนหายไป เขารู้สึกว่าเธออยู่ไกลจากตนเองมาก ระยะห่างนี้เหมือนไม่ได้อยู่ในชีวิตจริง เขาเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าที่เมื่อกี้ดาวตกทั้งสองดวงชนกัน ภายในใจของเขายากที่จะสงบลง
เธอบอกว่า หัวใจของเธอ เขาไม่สามารถรับมันเอาไว้ได้!
*****
ณ วิหารซีหลิงที่ห่างไกล คืนวันส่งทายปี ทุกอย่างเป็นเหมือนกับที่เหลิ่งรั่วปิงคิดเอาไว้ ซือคงอวี้นั่งอยู่ในวิหารที่กว้างใหญ่ ฟังรายงานจากทางรัฐบาล
เขาหลับตาลงด้วยความสงบ ขนตางอลยาวของเขาเหมือนเส้นหมึก มือของซือคงอวี้จับหน้าผากเอาไว้ เขานั่งพิงบนเก้าอี้ทองคำตัวใหญ่ อารมณ์ของเขาในตอนนี้นิ่งสงบ ถ้าไม่ได้ตั้งใจมองคงคิดว่าเขาหลับไปแล้ว
ผ่านไปนานครู่หนึ่ง การรายงานจบลง ซือคงอวี้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาหงส์คู่สวยของเขาเปล่งประกาย ทำให้ทั่วทั้งวิหารดูสว่างขึ้นมามากกว่าเดิม พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งงัน “ออกไปเถอะ”
เจ้าวิหารไม่มีคำสั่งใดๆ ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาประหลาดใจเล็กน้อย นิ่งงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้าวถอยหลังเดินออกไปด้วยความเคารพ
หลังจากผู้ใต้บังคับบัญชาออกไป วิหารขนาดใหญ่นี้ก็เหลือเพียงสุญญตาวี้คนเดียว ทำให้ดูว่างเปล่าและเงียบเหงามากกว่าเดิม เมื่อครู่เขาไม่ได้ฟังรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาแม้แต่น้อย เขากำลังนึกถึงสิ่งที่เหลิ่งรั่วปิงบอกกับเขา ความหวาดกลัวแผ่ซ่านในใจของเขา เขารู้สึกว่าเธอกำลังจะไปจากเขา
นั่งเงียบอยู่นานครู่หนึ่ง เขาค่อยๆ เหยียดตัวลุกขึ้น เดินลงบันได แล้วเดินวนไปมาในวิหาร
สุดท้าย ฝีเท้าของเขาหยุดลง หันไปบอกกับคนที่อยู่ด้านนอก “ไปตามอาเธอร์กับกุหลาบพิษมาให้ฉันที”
ผ่านไปครู่หนึ่ง หญิงสาวและชายหนุ่มคู่หนึ่งแต่งกายด้วยความเรียบร้อย เดินเข้ามาในวิหารด้วยความรวดเร็ว พวกเขาโน้มตัวลงทำความเคารพ “เจ้าวิหาร”
ผู้ชายที่เดินเข้ามา เขาคืออาเธอร์เพื่อนที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกับเหลิ่งรั่วปิง ดวงตาของเขากลมโตคิ้วดกดำ ร่างกายกำยำ มีความแข็งแกร่งอย่างชายชาติทหาร นอกจากจะแม่นยำด้านการยิงปืนแล้ว เขายังต่อสู้เก่งมาก เหมาะแก่การต่อสู้ระยะประชิด
ผู้หญิงที่เดินเข้ามาคือหลินมั่นหรู เธอเป็นคนสำคัญของวิหารซีหลิง ฉายาของเธอคือกุหลาบพิษ สาเหตุที่เธอมีฉายาว่ากุหลาบพิษนั้น เป็นเพราะเธอมีความสามารถด้านการใช้ยา ทักษะการต่อสู้ที่น่ากลัวของเธอไม่ใช่การใช้มือและไม่ใช่มีดบิน แต่เป็นการวางยา ยาพิษของเธอทำให้ศัตรูตายโดยไม่รู้ตัว เธอสนใจเรื่องวิจัยยาไม่น้อยไปกว่าถังเฮ่า
หลินมั่นหรูเป็นผู้หญิงที่สวยมาก หุ่นของเธอเซ็กซี่และร้อนแรง ริมฝีปากแดงตัดกับฟันขาว คิ้วโก่งสวย เธอเหมือนสายลับในภาพยนตร์เรื่องนางฟ้าชาร์ลี ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็โดดเด่น
เธอกับเหลิ่งรั่วปิงและอาเธอร์เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกัน พวกเธอเข้ามาในวิหารตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ ได้รับการฝึกฝนอย่างหนัก เคยทำภารกิจร่วมกับเหลิ่งรั่วปิงและอาเธอร์หลายครั้ง
แววตาเย็นชาดุจหงส์ของซือคงอวี้กวาดมองอาเธอร์และหลินมั่นหรู สุดท้ายเขาสูดลมหายใจเข้า “ตอนนี้ฉันมีภารกิจสำคัญให้พวกนายทำ”
อาเธอร์และหลินมั่นหรูโค้งตัวลงฟังคำสั่ง อาเธอร์ซื่อสัตย์และเคารพซือคงอวี้เป็นอย่างมาก ทางด้านหลินมั่นหรูเธอนับถือและหลงใหลในตัวซือคงอวี้ หลินมั่นหรูอายุน้อยกว่าเหลิ่งรั่วปิงสองปี เธออยู่ในวิหารมานานสิบปี รูปลักษณ์ที่งดงามของซือคงอวี้ ความเย็นชาและเหี้ยมโหดของเขาทำให้เธอหลงใหล เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนเก่งเท่ากับซือคงอวี้ เขาคือคนที่เธอใฝ่ฝัน
สุญญตาวี้ไม่สนใจแววตาเร่าร้อนที่มองมาของหลินมั่นหรู สีหน้าของเขาเคร่งขรึม น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกไร้ความรู้สึก “ฉันจะให้พวกนายสองคนแอบเข้าไปเมืองหลง ไปหานางฟ้ารัตติกาล ถ้าเธอพบเจอกับปัญหา พวกนายลอบช่วยเธอแก้แค้นให้สำเร็จ แต่ถ้าเธอไม่ต้องการความช่วยเหลือ ก็รีบกลับมาวิหารซีหลิง จำเอาไว้ว่าเรื่องนี้อย่าให้ถึงหูเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อสุญญตา” เงียบไปครู่หนึ่ง เขาพูดเสริมขึ้นอีก “สืบเรื่องที่เธอทำในเมืองหลงมาอย่างละเอียด แล้วรายงานฉัน”
“ครับ” อาเธอร์โน้มตัวลงรับคำสั่ง เขารู้ดีว่าซือคงอวี้คิดถึงเหลิ่งรั่วปิงแล้ว จึงสั่งให้พวกเขาไปดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง ความเป็นจริงเขาเองก็คิดถึงเธอ เขาเข้าร่วมการฝึกฝนกับเหลิ่งรั่วปิงมานานหลายปี ทำภารกิจด้วยกันมาหลายภารกิจ ผ่านความเป็นความตายร่วมกันมามากมาย ความสัมพันธ์ที่ได้จากการเสียเลือดเสียเนื้อทำให้พวกเขาสนิทกันยิ่งกว่าคนที่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเสียอีก
ทว่าหลินมั่นหรูกลับไม่ยอมขานรับคำสั่ง ภายในใจของเธอมีความอิจฉาริษยา
ตั้งแต่เล็กจนโต เธอตั้งใจฝึกฝน พยายามพัฒนาทักษาของตนเอง ตั้งใจทำภารกิจทุกภารกิจให้ออกมาสมบูรณ์แบบ แต่เจ้าวิหารกลับไม่เคยชายตามองเธอ ความเป็นจริงนี่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญอะไร ยิ่งเขาเย็นชามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งดึงดูดเธอมากเท่านั้น ยิ่งเขาเพิกเฉยมันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นเทพที่เธอไม่สามารถล่วงเกินได้
ทว่าตั้งแต่เจ้าวิหารพาเหลิ่งรั่วปิงกลับมา หัวใจของเขาก็อยู่ที่เหลิ่งรั่วปิงแล้ว มันเป็นครั้งแรกที่เธอรู้ว่าเขายิ้มเป็น เขามีด้านที่อบอุ่น เขาสอนทักษะการต่อสู้ให้กับเหลิ่งรั่วปิงด้วยตนเอง ฝึกฝนเธอด้วยตนเอง อีกทั้งยังให้โอกาสเธอกลับไปแก้แค้นที่เมืองหลง
เมื่อเทียบกับเหลิ่งรั่วปิง เธอรู้สึกว่าตนเองเป็นเด็กกำพร้าอีกครั้ง
“กุหลาบพิษ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ซือคงอวี้มองไปทางหลินมั่นหรูด้วยแววตาเย็นชา ดวงตาคมกริบของเขามองเข้าไปในตาของเธอ
หลินมั่นหรูรู้สึกหวาดกลัว หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เธอรีบก้มหน้าลง “ค่ะ เจ้าวิหาร กุหลาบพิษน้อมรับคำสั่ง”
ซือคงอวี้ดึงสายตากลับมา เขาหมุนตัวหันหลังเดินไปยังเก้าอี้ทองคำ “ไปเถอะ”
“ครับ ค่ะ” อาเธอร์และหลินมั่นหรูโน้มตัวลงแล้วก้าวถอยหลังออกไป
*****
วันที่แปดหลังจากเทศกาลปีใหม่ เป็นวันเริ่มงานวันแรกของปี เหลิ่งรั่วปิงออกแบบแลนด์มาร์คของเมืองหลงเสร็จพอดี
คืนวันส่งท้ายปี ทั้งสองฉลองวันส่งท้ายปีด้วยความโรแมนติก ทว่าเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย เธอทำตัวให้เข้มแข็งไม่กระวนกระวาย และพูดความคิดของตนเองออกไปว่าเธอไม่มีวันยกหัวใจให้กับเขา
ตอนแรกเธอคิดว่าเขาจะโมโห เขาจะเย็นชาและลงโทษเธอ ที่ทำลายศักดิ์ศรีของเขา แต่หนานกงเยี่ยกลับไม่ทำแบบนั้น เขาไม่เพียงแต่ไม่โมโห แต่กลับยิ่งดูแลเอาใจใส่เธอมากกว่าเดิม เขาคอยอาบน้ำและเป่าผมให้เธอทุกวัน เวลากินข้าวก็คอยตักอาหารให้เธอ เวลาพูดคุยกับเธอก็พูดด้วยความอ่อนโยนมากกว่าเดิม เรื่องบนเตียงก็เคารพความรู้สึกของเธอมากกว่าเดิม
เธอเชื่อแล้วว่าตอนนี้เขารักเธอ การดูแลเอาใจใส่ของเขามาจากใจ แต่เธอไม่รู้ว่าความดูแลเอาใจใส่นี้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ถึงแม้ตัวเธอจะรู้สึกซาบซึ้ง และปรารถนาความอบอุ่นของเขา แต่เธอไม่กล้าเปิดใจ
ตอนเที่ยง เธอทำงานออกแบบจนเสร็จทั้งหมด รีบวิ่งไปที่ห้องทำงานของประธานก่อนจะถึงเวลาเลิกงาน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเป็นฝ่ายไปหาเขาที่ห้องทำงานด้วยตนเอง
เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา หนานกงเยี่ยเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร ริมฝีปากเย็นเฉียบคลายยิ้มบางๆ “คุณมาได้ยังไง คิดถึงผมหรอครับ”