เสียงหัวใจของเธอดัง‘ตึกตัก’ วิ่งตามคนคนนั้นไป
เบียดเข้าไปในกลุ่มคน ที่เกิดเหตุวุ่นวายมาก ตอนนี้ผู้หญิงที่แต่งตัวทันสมัยคนนั้นใช้มือกุมหัวตัวเองไว้ เห็นได้ชัดเจนว่าเลือดยังคงไหลออกมาจากระหว่างนิ้วมือ เห็นเพียงเธอกำลังพูดกับชายสามคนในที่เกิดเหตุว่า “จัดการมัน เอาให้หนัก”
จากนั้นซูหย่าก็จ้องมองไปที่กลุ่มคน บุคคลที่คุ้นเคยนั่นไม่ใช่เซียวอู๋แล้วจะเป็นใครอีก
เธอร้อนรน เตรียมจะตะโกน แต่เมื่อเห็นเขารับมือกับสามคนนั้นได้อย่างเชี่ยวชาญ คำพูดที่ติดอยู่ที่ปาก ก็กลืนลงคอไป
การเคลื่อนไหวของเขาดูชำนาญ ทุกท่วงท่านั้นโหดเหี้ยมและรวดเร็ว แม้ว่าสามคนนั้นจะมีทักษะ แต่ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ฝึกฝนมาอย่างดีอย่างเซียวอู๋แล้ว กลับไม่สามารถสะกิดเขาได้เลยด้วยซ้ำ
ซูหย่ากล่อมเสี่ยวอี้ แล้วรู้สึกโล่งใจไปด้วย โชคดีที่ถึงเขาจะโง่ไปแล้ว แต่ยังคงมีความสามารถบางอย่างอยู่
ทันใดนั้น ในกลุ่มคนมีคนตะโกนขึ้น “ตำรวจมาแล้ว”
ซูหย่าขมวดคิ้ว รีบร้องขึ้น “เสี่ยวหวู่ พอได้แล้ว ตำรวจมาแล้ว”
เซียวอู๋ได้ยินเสียงของซูหย่า ความสนใจของเขาก็ถูกแยกประสาทออก ดังนั้น จึงหลบไม่พ้นการโจมตีจากข้างหลัง เขาถูกคนข้างหลังเตะเข้าอย่างแรง จนล้มลงไปกับพื้น หัวกระแทกกับพื้นอย่างแรง
ซูหย่าเห็นแบบนี้ก็รู้สึกกังวล รีบเดินเข้าไปใกล้ อุ้มเสี่ยวอี้ คุกเข่าอยู่บนพื้น “เสี่ยวหวู่ นายเป็นยังไงบ้าง?”
เซียวอู๋กุมหัวไว้ ลุกขึ้นช้าๆ มองซูหย่า ขมวดคิ้วพูด “เจ็บ”
เห็นว่าเขายังสามารถพูดได้ ซูหย่าก็โล่งใจ กำหมัดข้างหนึ่ง ทุบไปที่ตัวเขา “นายยังรู้จักเจ็บอีกเหรอ? ใครบอกให้นายหนีมาคนเดียวกัน? ถ้านายหลงขึ้นมา จะทำยังไง?”ยิ่งพูดยิ่งหงุดหงิด แรงในมือก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเสี่ยวอี้ที่อยู่ในอ้อมแขนร้องไห้ เธอถึงได้คลายมือ แต่กลับมีน้ำตาคลอ
ตั้งแต่ต้นจนจบ เซียวอู๋ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับมองย้อนกลับไปยังคนเหล่านั้น “คนเลว”
ซูหย่าพยักหน้า “คนเลวก็ต้องมีกรรมของเขาอยู่แล้ว ครั้งหน้า นายห้ามหนีไปไหนคนเดียวอีกนะ”เธอนิ่งไปสักพัก “ฉันเป็นห่วง”
เซียวอู๋มองไปที่เธอ ดูเหมือนจะเข้าใจ
สุดท้ายพวกเขาถูกพาไปที่สถานีตำรวจพร้อมกัน
ฝ่ายตรงข้ามได้รับบาดเจ็บหนักต่างไม่เท่ากัน เซียวอู๋นอกจากหัวกระแทกแล้ว ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย สิ่งนี้ทำให้ซูหย่ารู้สึกสบายใจขึ้นมา
ผู้หญิงคนนั้น เดิมทีคิดว่า วันนี้เซียวอู๋คงหนีความผิดไม่พ้นแน่นอน เพราะสุดท้าย ทางพวกเธอนั้นเจ็บหนักไม่เบา แต่กลับคาดไม่ถึง พวกเขาเพิ่งจะเข้าไปได้ไม่นาน ซูหย่าก็พาเซียวอู๋ออกไปทันที
ผู้หญิงคนนั้นพุ่งไปถามตำรวจ “ทำไมพวกเขาถึงกลับไปแล้วล่ะ?”
ตำรวจมองเธออย่างว่างเปล่า “ไม่อย่างนั้นจะทำยังไงล่ะ? จับเขาเหรอ? เขาเป็นบ้า พวกคุณก็มีปัญหาทางสมองเหรอ? ถึงได้ไปมีเรื่องกับคนที่มีปัญหาทางระบบประสาท พวกคุณเนี่ยนะ สมควรแล้วที่โดนเขาตี”
ออกจากที่นั่น โบกรถคันหนึ่งกลับบ้าน
ตลอดทาง ซูหย่าไม่สนใจเซียวอู๋ เซียวอู๋เห็นเธอไม่พอใจ จึงไม่กล้าพูด
พอถึงบ้าน ลงรถ เขาดึงเสื้อของซูหย่า
ซูหย่ากลับตบหัวตัวเอง“โอ้ย นมผงของฉัน”
หันหน้าไปมองเซียวอู๋ “นายอยู่บ้าน ห้ามไปไหนทั้งนั้น ฉันไปเอานมผงของเสี่ยวอี้ก่อน”
พูดไป ก็อุ้มเสี่ยวอี้ออกบ้านอย่างรีบร้อน
พอถึงที่นั่น เอานมผงเรียบร้อยแล้ว เธอก็ไม่วางใจที่เซียวอู๋อยู่บ้านคนเดียว จึงรีบกลับมา
พอกลับมาถึงบ้าน ประตูบ้านล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย
คุณลุงอยู่นอกกลุ่มคน เดินไปเดินมา เห็นว่าเธอกลับมาแล้ว ก็รีบเข้าไปหา “สาวน้อย รีบไปดูเร็ว” เบียดผู้คนเข้าไป ก็เห็นเซียวอู๋นอนอยู่บนพื้น น้ำลายฟูมปาก
“นี่เป็นอะไรน่ะ?”
“เมื่อกี้ป้าของเธอขอให้ฉันเอาผักดองมาให้เธอ ฉันเห็นว่าประตูล็อคอยู่ กำลังจะกลับ แล้วก็ได้ยินคนทุบประตูอยู่ข้างใน ฉันคิดว่ามีเรื่องอะไร ก็เลยใช้หินพังประตูเข้าไป ก็เห็นเขานอนอยู่แบบนี้นี่แหละ”
ซูหย่านำเสี่ยวอี้ที่อยู่ในอ้อมแขนให้คุณลุง
“คุณลุงคะ คุณช่วยดูเสี่ยวอี้แทนฉันหน่อย ฉันพาเขาไปโรงพยาบาลก่อน”หันกลับไปมองผู้คนที่ล้อมรอบ “มีใครช่วยได้ไหมคะ?”
ผู้หญิงช่วยไม่ไหว ผู้ชายอยากจะช่วย แต่ถูกผู้หญิงจ้องเขม็ง ชายคนนั้นจึงสับสน ซูหย่าถอนหายใจ เกิดมาสวย ก็เป็นความผิดแบบหนึ่ง
“มาผมช่วย”ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งเบียดผู้คนเข้ามา
ดวงตาสว่างใส หน้าตาหล่อเหลา นี่ถือว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีที่สุด ตั้งแต่ที่ซูหย่ามาที่เมืองนี้
ถึงโรงพยาบาล
ชายคนนั้นสั่งการปฐมพยาบาลกับคนอื่นๆอย่างคุ้นเคย ซูหย่าถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา ที่แท้ เขาเป็นหมอ
ตอนใกล้จะเข้าห้องฉุกเฉิน ชายคนนั้นหันมามองซูหย่า “รีบไปทำตามขั้นตอนการเข้ารับการรักษา เสร็จแล้ว มารอที่นี่”
ซูหย่าพยักหน้า จ่ายเงินเสร็จ เธอก็กลับมารอหน้าห้องฉุกเฉิน
เธอกังวลทั้งเรื่องของเซียวอู๋ กังวลทั้งเรื่องของเสี่ยวอี้ด้วย เธอรู้สึกว่าหัวจะระเบิดแล้ว เธอถูกเลี้ยงมาแบบตามใจตั้งแต่เด็ก เรื่องใหญ่มีครอบครัวคอยช่วยเหลือ เรื่องเล็ก เธอก็ไม่ต้องสนใจอะไรมาก แต่ช่วงนี้ ก็ถือว่าเป็นการฝึกของเธอแล้วกัน เธอกุมหัวใจตัวเอง แล้วหลับตา ซูหย่าพยายามพูดกับตัวเองว่าต้องใจเย็น ใจเย็น
ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง
ผู้ชายที่เข้าไปก่อนหน้านี้ เดินออกมาในชุดคลุมสีขาว
มองซูหย่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ บางทีอาจจะเพราะหัวโดนฟาด แต่ มีเรื่องหนึ่ง ต้องบอกกับคุณ ในสมองของคนไข้มีเลือดคั่งอยู่ก้อนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุของความผิดปกติทางประสาทของเขาด้วย คุณลองคิดดู ว่าจะทำการผ่าตัดหรือเปล่า?”
ซูหย่าตกใจจนอึ้งอยู่กับที่ “คุณ……คุณว่าอะไรนะคะ?”
“เขามีเลือดคั่งในสมอง ไปกดทับเส้นประสาทของเขา ผมดูสถานการณ์โดยรวมแล้ว เพราะก่อนหน้านี้มีการกระทบการเทือน ดังนั้น จึงก่อให้เกิดปัญหาทางสมอง”นิ่งไปสักพัก แล้วมองซูหย่า “คุณอย่าบอกผมนะ ว่าสมองเขายังดีอยู่?”
ซูหย่าส่ายหน้า ก่อนที่ผู้ชายคนนี้จะเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เธอยังคิดอยู่เลยว่ายังหนุ่มขนาดนี้เชื่อถือได้แน่เหรอ? แต่ในเวลานี้เมื่อไม่ได้ยินเขาถามคำถามเธอเลยสักคำ ก็สามารถบรรยายสรุปอาการของเซียวอู๋ได้ เธอจึงมั่นใจ
ชายคนนั้นมองซูหย่า หรี่ตา “ก่อนหน้านี้คุณไม่เคยพาเขาไปตรวจเหรอ?”
“เขา ไม่ใช่เพราะใช้ยาสลบเกินขนาดถึงได้ทำให้สมองเขาไม่ดีหรอกเหรอ?”ซูหย่าถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ชายคนนั้นขมวดคิ้ว “ใช้ยาสลบเกินขนาด?”เขาส่ายหน้า “ถ้ามองจากประสบการณ์ของผม เลือดคั่งก้อนนั้นเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุด”
พูดถึงตรงนี้ ผู้ช่วยคนหนึ่งก็เข้ามาและยื่นแฟ้มเอกสารให้เขา
เขาดูมันและลงนาม
“อืม คนไข้ถูกย้ายไปที่ห้องพักฟื้นแล้ว คุณตามไปดูได้ เรื่องการผ่าตัด ถ้าคุณมีเวลา คุณก็มาหาผม”
หลังจากพูดจบ ชายคนนั้นก็พยักหน้าให้เขาและหันหลังเดินจากไป
“ว้าว หมอไป๋หล่อมาก”
“ใช่ ทักษะทางการแพทย์ดี บุคลิกดี แถมยังหล่ออีก”
……
พยาบาลที่อยู่รอบตัวซูหย่าเกิดอาการบ้าผู้ชายขึ้นมา แต่ความคิดของซูหย่านั้นยังคงอยู่ที่คำว่า “ก้อนเลือดคั่ง”
เธอหายใจเข้าลึกๆ ใจของเธอสงบไม่ได้อยู่นาน เธอเข้าใจดี ถ้าหากหมอไม่ได้ดูอาการผิดพลาด ถ้าอย่างนั้น เรื่องนี้ ก็ซับซ้อนขึ้นมาแล้ว