“นี่คือที่อยู่ของเธอ ข้าวของทั้งหมดฉันย้ายไปให้แล้ว จัดการทุกอย่างตามความคุ้นชินที่คุณบอกแล้ว”
เห็นข้อความนี้ ซูหย่าก็มองเล่อจยา อดไม่ได้ที่จะเบาใจ นี่คือมีเสียก็ต้องมีได้จริงๆ ถึงแม้เธอจะไม่มีพ่อแล้ว แต่เธอก็ได้เกาไห่มา
คิดถึงตรงนี้ ความหนักใจก็เบาลงไปเยอะ เธอเม้มๆ ปาก มองเล่อจยา “ไปเถอะ ฉันจะไปส่งคุณ” พูดจบ ก็ดึงแขนเล่อจยาขึ้นมาอย่างเป็นปกติ
ถึงแม้การกระทำที่สนิทสนมของเธอนี้ เล่อจยาจะไม่คุ้นเคย แต่ความรู้สึกที่ซูหย่ามีให้เธอ เห็นได้ชัดว่าต่างจากในความทรงจำของเธอ
คิดๆ ดูแล้วก็ตามเธอไป
ขึ้นไปนั่งบนรถสปอร์ตสีแดงของซูหย่า เล่อจยาสัมผัสไปทุกๆที่ “คุณเป็นสาวฟุ่มเฟือยจริงๆ ”
คุณเป็นสาวฟุ่มเฟือยจริงๆ! ซูหย่าพูดไม่ออก ในตอนนั้นที่เล่อจยาขึ้นรถคันนี้ครั้งแรก ก็พูดประโยคนี้ นี่……
เห็นอพาร์ตเมนต์โอ่อ่าหรูหราตรงหน้า เล่อจยาก็หันไปมองซูหย่า “คุณ……แน่ใจเหรอ ว่าก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่นี่? ”
เธอเกาหัว พูดกับตัวเองว่า : “หรือว่าหลายปีมานี้ เก็บเงินได้เยอะ จึงได้ร่ำรวยใช่ไหม? ”
ซูหย่ากระแอมเบาๆ ในใจยังแอบบ่นเกาไห่ที่เชื่อถือไม่ได้ แอบส่งข้อความหาเขา “เช่าบ้านแพงขนาดนี้ ประธานเกา กรุณาขึ้นเงินเดือนให้จยาจยาด้วย! ”
ข้อความก็ส่งกลับมาอย่างรวดเร็ว “ถึงแล้วเหรอ? ขึ้นมาก่อนสิ”
ขึ้นมาก่อน? หรือว่า……เกาไห่ยังอยู่เหรอ?
ตอนนี้ซูหย่าตึงเครียดเล็กน้อย เพียงแต่แปลกใจมาก ว่าเกาไห่จะอธิบายกับเล่อจยาอย่างไร
ลิฟต์หยุดที่ชั้น 20 ออกจากลิฟต์ไป เล่อจยาก็ถูกการตกแต่งระดับไฮเอนด์ตรงหน้าทำให้ตกตะลึง พระเจ้า บ้านหลังนี้อยู่ใจกลางเมือง ยังมีการตกแต่งที่สวยงามแบบนี้ ในที่แบบนี้ เช่าอพาร์ตเมนต์ดีๆ อย่างนี้ เธอสงสัยจริงๆ เลยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองถูกลอตเตอรี่ใช่ไหม?
ซูหย่าดึงๆ เล่อจยา “รีบไปเถอะ คุณอยู่202……ทางนี้! ”
ประตูไม่ได้ล็อก ซูหย่าผลักประตูเข้าไป ถึงแม้เธอจะเคยผ่านโลกมามาก แต่ในเวลานี้ก็ถูกการตกตรงหน้าทำให้ตะลึง ไม่ใช่แค่ดูหรูหราเท่านั้น ยังดูสิ้นเปลืองฟุ่มเฟือยอย่างมาก โซฟาชุดนั้น เธอเคยดูในนิตยสาร น่าจะหลายล้าน……
อีกอย่างทีวีเครื่องนั้น อย่างน้อยก็หนึ่งล้าน แล้วก็……
ถึงแม้เล่อจยาจะไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ แต่ยืนจับขอบประตู แล้วส่ายหัวตลอด “เสี่ยวหย่า เรามาผิดที่หรือเปล่า? ”
ซูหย่าสติกลับมา กำลังจะพูด
เสียงชายคนหนึ่งก็ดังออกมาจากในครัว “จยาจยา คุณกลับมาแล้วเหรอ? รีบเข้ามาสิ ฉันทำปลาที่คุณชอบกินไว้ให้คุณด้วยนะ”
น้ำเสียงนั้น การเรียกชื่อนั้น ทำให้ซูหย่าคิดว่าตนเองหูฝาด เธอหันไปมองเล่อจยา ก็เห็นได้ชัดว่าการแสดงออกของเธอไม่ได้ดีไปกว่าตนเองเลย
“จยา คุณยังตกตะลึงอะไรอยู่ เพื่อนคุณมาเป็นแขกที่บ้านเรา คุณยังไม่รีบเชิญแขกเข้ามาอีกเหรอ? ”
“บ้านเรา? ”
“บ้านเรา? ”
ผู้หญิงสองคน ตกใจตะโกนขึ้นพร้อมกัน……
เล่อจยาแปลกใจ เธอกลายเป็นครอบครัวเดียวกันกับเกาไห่ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ซูหย่ามองเกาไห่ ใช่……เธอรับปากกับเขา ว่าจะเล่นละครด้วยกันกับเขา แต่ว่า ในบทไม่มีแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? บ้านของเรา?
เกาไห่เข้าไปหยิบรองเท้าแตะที่ชั้นวางรองเท้ามาให้เล่อจยา รองเท้าแตะคู่นั้นค่อนข้างเก่าแล้ว แต่เล่อจยาเพียงแค่เห็นก็สามารถจำได้ทันที รองเท้าแตะคู่นี้ เธอเป็นคนถักเองตอนอยู่ปีสาม ถึงแม้ฝีมือจะไม่ละเอียดงดงาม แต่ก็ทนใส่ได้ ใส่จนชินแล้ว หลายปีมานี้ เธอตัดใจทิ้งมันไปไม่ได้เลย
ขณะที่เล่อจยาโน้มตัวลงไปสวมรองเท้า เก่าไห่ก็ส่งสัญญาณให้ซูหย่า ความหมายคือ ให้เธอร่วมมือ
ซูหย่าขมวดคิ้ว เธอควรจะร่วมมืออย่างไร ในฐานะที่เล่อจยาเล่าว่าเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดต่อกัน แต่คาดไม่ถึงว่าจะไม่รู้ว่าเธออยู่ด้วยกันกับผู้ชายคนอื่น นี่ก็…….
จู่ๆ สายตาเธอก็เป็นประกาย ผลักเล่อจยาเล็กน้อย “จยาจยา คุณนี่เป็นเพื่อนที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ ฉันเพิ่งพูดว่าคุณจะมาอยู่บ้านที่ราคาแพงขนาดนี้ได้อย่างไร ที่แท้ ที่แท้ก็……” ซูหย่าโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูของเล่อจยา: “ที่แท้ คาดไม่ถึงเลยว่าคุณจะอยู่ด้วยกันกับเกาไห่แล้ว? คุณโกหก ไม่นึกเลยว่าจะไม่ยอมบอกฉัน”
“อยู่ด้วยกัน? ฉัน…..” เล่อจยาอยากจะพูดว่าเธอมาอยู่ด้วยกันกับเกาไห่ได้อย่างไร แต่คิดๆแล้ว ว่าตนเองความจำเสื่อม จำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้ ถ้าหากว่า เธออยู่ด้วยกันกับเกาไห่จริงๆ ตอนนี้ ตนเองจะปฏิเสธ ก็ค่อนข้างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจนเกินไป คิดๆแล้ว จึงไม่พูด เพียงแต่นี่ก็สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ที่แท้ ก็เพราะเกาะคนรวย
คิดถึงตรงนี้แล้ว เธอสวมรองเท้าแตะแล้วเดินไปยังห้องครัว มองเกาไห่ แล้วพูดว่า: “คุณแต่งงานแล้วใช่ไหม? ” ความหมายของเธอคือ ต้องการจะรู้ว่าตนเองเป็นเมียน้อยใช่ไหม?
เกาไห่ผัดผักเสร็จแล้วจึงยกมาวางบนโต๊ะ แล้วก็ปลาหลีฮื้อน้ำแดง คืออาหารที่เล่อจยาชอบทาน
“อืม แต่งแล้ว เราสองคนแต่งงานกันแล้ว”
“แต่งงานแล้ว? ”
“แต่งงานแล้ว? ”
คราวนี้หญิงสาวทั้งสองพูดคำเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
อย่าว่าแต่เล่อจยาเลย ซูหย่าก็ถูกทำให้ตกตะลึง เธอยืนเบิกตาโพลงอยู่ด้านหลังเกาไห่ ชัดเจนว่าเธอก็เป็นนักแสดงนำในละครนี้ แต่ทำไม เธอถึงไม่รู้อะไรเลย?
เพียงแต่คิดแล้ว ถ้าเกาไห่แต่งงานกับเล่อจยาจริงๆ ความฝันของเล่อจยาก็จะกลายเป็นความจริง คิดๆแล้ว เธอก็เลยออกเสียงให้ความร่วมมือ: “ดีจริงๆ เล่อจยา คาดไม่ถึงว่าแม้กระทั่งเรื่องแต่งงานของพวกคุณที่สำคัญขนาดนี้ คุณก็ยังไม่บอกฉัน”
คำตำหนิของซูหย่า ทำให้ใบหน้าของเล่อจยาสับสนงุนงง เธอไม่มีภาพความทรงจำเลยแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่ ในใจก็รู้สึกดีอย่างมาก 7ปีมานี้ของเธอ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น? คาดไม่ถึงว่าจะแต่งงานกับเกาไห่เทพบุตรคนนี้
คิดถึงตรงนี้ เธอก็ปิดหน้า ยิ้มแหยๆ ขึ้นมา เรื่องนี้ทำให้เธอดีใจจนเกินไปจริงๆ อดยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ
ความเพ้อฝันในเวลานั้นของเธอ ที่อนาคตต้องการแต่งงานกับเกาไห่ผู้ชายคนนี้ ไม่นึกเลยว่า เธอจะสมหวัง
ซูหย่าเดินไปยังตรงหน้าเกาไห่ พูดอย่างจริงจังแฝงไปด้วยการกล่าวเตือนเล็กน้อยว่า: “ในเมื่อคุณแต่งงานกับเล่อจยาแล้ว ฉันก็หวังว่า ต่อไป คุณจะสามารถรับผิดชอบต่อเธอ ทำดีกับเธอไปจนชั่วชีวิต”
เกาไห่ถอดผ้ากันเปื้อนออก เดินเข้าไปโอบเล่อจยา โน้มตัวเข้าใกล้ จูบที่หน้าผากของเล่อจยาเล็กน้อย “โอเค ฉันรับปากคุณ”
เล่อจยาอดไม่ได้ที่จะดีใจ
ซูหย่าส่ายหน้า ผู้ชายคนนี้ฉวยโอกาสจริงๆ ใช้ประโยชน์ง่ายๆ จากเล่อจยาอย่างยุติธรรม!
โชคดีที่เธอรู้ว่าเล่อจยาชอบผู้ชายคนนี้ ถ้าไม่เช่นนั้น เธอก็คงระเบิดอารมณ์เข้าไปต่อยเข้าแล้ว
เมื่อทานอาหารได้พักหนึ่ง มือถือของเกาไห่ก็ดังขึ้น มองไปยังหน้าจอ เกาไห่ลุกขึ้นยืนอย่างตึงเครียดเล็กน้อย กดรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล….อืม….โอเค ฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้”
ต่อจากนั้น หยิบเสื้อโค้ตที่พาดไว้บนโซฟา มองเล่อจยาแล้วกล่าวว่า: จยาจยา คุณทานไปก่อนนะ ฉันมีธุระเร่งด่วนนิดหน่อย ต้องไปรับคนคนหนึ่ง ตอนกลางคืน…..นอนเร็วหน่อยนะ ไม่ต้องรอฉัน”
พูดจบ ก็พูดกับซูหย่าว่า: “คุณซู ตอนกลางคืน ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรล่ะก็ อยู่เป็นเพื่อนจยาจยาที่นี่หน่อยนะ”
ซูหย่าพยักหน้า
แต่ซูหย่าลุกขึ้นจากเก้าอี้ มองเกาไห่ พูดโพล่งออกมาว่า: “คืนนี้ฉัน….ฉันจะรอคุณกลับมา”
ซูหย่าแทบจะสำลักข้าว ทางด้านเกาไห่ที่สวมรองเท้าอยู่ก็หยุดชะงัก หันกลับไปมองเล่อจยา ตะลึงงันไปชั่วขณะ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พยักหน้าแล้วกล่าวว่า: “โอเค”