รอยยิ้มบนใบหน้าซูหย่าหายวับไปทันที เธอมองตรงไปข้างหน้า พอผ่านไปสักพักเธอก็หันไปมองเซียวอู๋ ” คุณพูดว่าอะไรนะ? ”
สีหน้าของชายหนุ่มเย็นชามาก ” คุณป้าบอกว่า คุณทุ่มเทและเสียสละเพื่อผมเยอะแยะมากมาย คุณเองก็ลำบากมาไม่น้อย ในส่วนนี้ ผมรู้สึกขอบคุณคุณมาก แต่คุณเคยบอกว่าคุณไม่ต้องการความซาบซึ้งหรือความรู้สึกขอบคุณ แต่ผมให้คุณได้เท่านี้จริงๆ ซูหย่า ผมไม่มีวันรักคุณ ในเมื่อเป็นแบบนั้น เราก็หย่ากันเถอะ สภาพของผมในตอนนี้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ผมไม่อยากลากคุณให้มาลำบาก ”
เขาพูดเร็วมาก เร็วมากถึงขั้นถ้าซูหย่าไม่ตั้งใจฟังดีดีเธอคงฟังไม่เข้าใจ
ซูหย่าส่ายหน้า ” เสี่ยวหวู่ ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ที่ฉันพูดฉันหมายความว่า……”
” ผมติดต่อคนเอาไว้แล้ว เย็นนี้จะมีคนส่งเครื่องบินพิเศษมารับพวกเรากลับไปยังเมือง C เมื่อกลับไปถึงเราก็ไปจัดการเรื่องหย่ากัน ”
ซูหย่าก้มหน้า เธอเดินเข้าไปแล้วเอื้อมมือไปกอดเซียวอู๋ ” เสี่ยวหวู่ ไม่หย่าได้ไหม? ฉัน…..ที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้เป็นเพราะความโมโห ฉันไม่ได้อยากหย่ากับคุณเลยสักนิด ไม่อยากเลยแม้แต่น้อย ”
เขาหรี่ดวงตาอันงดงามของเขาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาจับไหล่เธอไว้แล้วผลักมันออก ” ฉันไม่อยากติดค้างเธอมากเกินกว่านี้อีกแล้ว ”
ซูหย่าอึ้งไปเล็กน้อย หลังจากนั้น เธอก็ส่ายหน้าอย่างสุดชีวิต ” เสี่ยวหวู่ คุณไม่มีอะไรติดค้างฉันเลย ฉันเต็มใจ จริงๆนะ เสี่ยวหวู่ พวกเขาไม่รักคุณ ฉันจะรักคุณเอง พวกเขาทำร้ายคุณ แต่ฉันไม่มีวันทำร้ายคุณแน่นอน ไม่หย่าได้ไหม? ” พอพูดจบ เธอก็กอดเซียวอู๋ไว้แน่นๆอีกครั้ง
เซียวอู๋รู้สึกเพียงว่าภายในใจเขามีความรู้สึกอบอุ่นที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาก้มมองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนเขา เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอผอมลงมาก สายตาของเขาแฝงไปด้วยความรู้สึกสงสัย
มือที่ถือผักอยู่ จู่ๆก็กำหมัดแน่น ในขณะเดียวกันแววตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกสงสัยนั้นก็หายวับไป และแววตาที่โหดเหี้ยมของเขาก็ปรากฏขึ้นทันที เขาออกแรงผลักซูหย่าออกจากอ้อมแขนตัวเอง เขาเดินออกจากประตูบ้านไปโดยไม่สนใจใยดีว่าซูหย่าจะล้มลงพื้นหรือไม่
ในตอนที่เซียวอู๋กลับมา คุณลุงกำลังเล่นกับเสี่ยวอี้อย่างสนุกสนานอยู่ พอเห็นเขาเดินเข้ามาคุณลุงก็ยิ้มให้เขา ในตอนที่เห็นซูหย่าที่อยู่ด้านหลังตาแดงก่ำ เขาก็อึ้งไปชั่วครู่ เขาอุ้มเสี่ยวอี้เดินเข้ามาต้อนรับพวกเขา ” นี่มันเรื่องอะไรกัน? ”
ซูหย่าขยี้ตาเล็กน้อย ” ไม่เป็นไรค่ะ ก็แค่ดีใจมากไปหน่อยน่ะ ”
ก่อนจะทานข้าวเสร็จ จู่ๆซูหย่าก็พูดขึ้น ” คุณลุงคะ คุณป้าคะ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันอยากถามความคิดเห็นของพวกคุณหน่อยน่ะค่ะ ”
เมื่อคุณลุงและคุณป้าเห็นสีหน้าที่จริงจังของเธอ พวกเขาก็วางตะเกียบในมือลง พวกเขามองหน้ากันแวบหนึ่ง ” มีเรื่องอะไรทำไมต้องขอความคิดเห็นจากเราด้วย? ”
ซูหย่าลุกขึ้นแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของทั้งสองคน หลังจากนั้น เธอก็คุกเข่าทั้งสองข้างลงกับพื้น
ทำให้คนชราทั้งสองต่างก็ตกใจ พวกเขารีบเข้ามาประคองเธอให้ลุกขึ้น ” นี่มันเรื่องอะไรกัน? รีบลุกขึ้นมาคุยกันก่อน ”
” ฉันอยากจะขอให้ท่านทั้งสองเป็นคุณตาคุณยายของเสี่ยวอี้ และเป็นพ่อแม่บุญธรรมของฉัน ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองยินดีไหมคะ? ”
เมื่อทั้งสองคนได้ยินแบบนั้น ทั้งคู่ก็อึ้งไปสักพัก คุณป้าเอามือเช็ดน้ำตาและมองหน้าคุณลุง ” คุณคิดว่านี่เป็นความเมฆตาที่ฟ้าประทานให้กับเราใช่ไหมคะ แก่มากแล้วยังมอบลูกสาวให้กับเราอีก ” เธอพูดพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ประคองซูหย่าให้ลุกขึ้น ” ได้ ลุกขึ้น ลุกขึ้นเร็ว ”
” พวกลูกทั้งสองน่าจะเตรียมตัวจะไปจากที่นี่แล้วใช่ไหม? ” คุณป้าครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็ถามขึ้น
ซูหย่าค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็เงยหน้ามองคุณลุงและคุณป้า ” พวกคุณกลับไปกับพวกเราเถอะค่ะ บ้านเราที่เมือง C นั้นมีฐานะร่ำรวยมาก ถ้าถึงเวลานั้น ”
คุณป้าลุกขึ้น จากนั้นก็อุ้มเสี่ยวอี้ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ” ป้าและลุงเกิดและโตที่นี่ ทั้งชีวิตนี้ยังไม่เคยออกไปจากที่นี่เลย พวกเราคงไม่ได้ไปกับหนูนะ แต่ต่อจากนี้ ที่นี่ก็เปรียบเสมือนบ้านของผู้เป็นแม่ของหนู ถ้าคิดถึงพวกเราก็พาเสี่ยวอี้มาเยี่ยมพวกเรานะ ”
หลังจากนั้น ไม่ว่าซูหย่าจะโน้มน้าวพวกเขาอย่างไร ทั้งคู่ก็ไม่ยอมกลับไปกับเธอ
เธอทำได้เพียงเก็บบ้านหลังนี้ไว้ให้พวกเขา
“ คิดสะว่าพวกท่านช่วยดูแลบ้านหลังนี้ให้หนูก็แล้วกันนะคะ ถ้าพวกเราคิดถึงคุณแล้วเราจะกลับมาหานะ” ประสบการณ์ครั้งนี้ ทั้งชีวิตนี้เธอก็คงลืมไม่ลง
หลังจากที่กลับมาถึงเมือง C เครื่องบินลงจอดบนลานจอดเครื่องบินส่วนตัวที่สถานที่หนึ่ง
ผู้ชายในเครื่องแบบทหารสองสามคนเดินเข้ามากอดเซียวอู๋ ซูหย่ารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขามาก ตอนนั้นครั้งที่เธอกินอาหารแห้งในค่ายทหาร พวกเขาอยู่ที่นั้น หลังจากนั้น ที่โรงพยาบาล ในตอนที่แพทย์แจ้งผลวินิจฉัยพวกเขาก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน
ในตอนนี้ เธอมองดูแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด และเต็มไปด้วยน้ำตาของพวกเขา
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ชายจะหลั่งน้ำตา คนคนนั้นต้องเป็นคนที่กล้าหาญมาก พวกเขาไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ ซูหย่าเองก็ไม่โทษพวกเขา เธอเลยไม่ได้พูดอะไรมาก
ไม่รู้ว่าเซียวอู๋เป็นคนบอกเรื่องนี้กับพ่อซูและแม่ซูใช่หรือไม่
พวกท่านกำลังวิ่งมาทางนี้ เมื่อเห็นหน้าพ่อแม่อีกครั้ง ซูหย่าก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่แก่ชราลงเยอะมาก ซูหย่าก็รู้สึกว่าตัวเองอกตัญญูจริงๆ
“ แค่มีชีวิตอยู่ก็ดีมากแล้ว ” ผู้เป็นแม่กอดเธอไว้ ประโยคสั้นๆนี้ทำให้เธอร้องไห้โฮ
ในตอนที่ทุกคนเดินออกมา ด้านนอกก็รายล้อมไปด้วยนักข่าว การฟื้นคืนชีพของทั้งคู่เป็นประเด็นที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้คนมากจริงๆ
เซียวอู๋ผู้ถือเป็นวีรบุรุษ และการที่เขาพักฟื้นจนร่างกายกลับสู่สภาวะปกติทำให้ผู้คนตกใจมาก ทำให้ผู้นำของสำนักข่าวหลายคนมาพบเขาด้วยตัวเอง
ในชั่ววินาที เขาก็ถูกผู้คนรายล้อมเป็นเสี้ยวพระจันทร์
ในตอนที่เขายิ้มให้กับทุกคน คงมีเพียงซูหย่าที่เข้าใจว่าในใจเขาตอนนี้นั้นเศร้าโศกมากเพียงใด
ทันใดนั้น ผู้คนก็พุ่งเข้าหาเธอ
หลังจากนั้นเซียวอู๋ก็เดินออกไป ท่ามกลางฝูงชน เขาก้มศีรษะลงทักทายพ่อซูและแม่ซู
ซูหย่ารู้สึกอุ่นใจ แต่หลังจากนั้น คำพูดของชายหนุ่มกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนตกเข้าไปในหลุมนรก
” พ่อครับ แม่ครับ ผมอยากจะหย่ากับซูหย่าครับ ”
“ บุ๋ม “แน่นอนว่าประโยคนั้นของเขามันเหมือนกับการโยนก้อนหินก้อนใหญ่ลงไปในแม่น้ำ จากนั้นมันก็ระเบิดทันที
ทุกคนต่างก็โต้เถียงและคาดเดาไปต่างต่างนานาว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงได้ทำให้เซียวอู๋ต้องการหย่าทันทีที่กลับมา
ซูหย่ามองหน้าชายตรงหน้า เธอดึงแขนเสื้อเขาและเอาแต่ก้มหน้าและเงียบ
แม่ซูเรียกเขา ” เสี่ยวหวู่ ”
ทันทีที่เซียวอู๋หันหน้ามา เธอก็ยื่นมือออกไปตบลงบนหน้าเขาเต็มฝ่ามือ การกระทำของเธอเร็วมากและมันกะทันหันมากๆ เมื่อซูหย่ารู้ตัวอีกที ทั้งหน้าและใบหูของเขาก็แดงไปหมดแล้ว
เธอเป็นกังวลมาก ” แม่ แม่ทำอะไร? ”
แม่ซูเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองหน้าเซียวอู๋ ” เธอยอมตัดขาดกับพ่อแม่ได้เพื่อนาย แต่พอนายฟื้นขึ้นมาแล้วกลับมาบอกว่าจะหย่ากับเธอ เสี่ยวหวู่ เกิดเป็นคนจะทำแบบนี้ไม่ได้ ”
เซียวอู๋ตัวสั่นเล็กน้อย เขาหรี่ตาลง จากนั้นก็เงยหน้ามองแม่ซู ” ผมไม่เคยขอให้เธอทำแบบนั้น ทั้งหมดนั้นเธอเต็มใจที่จะทำเอง ” พอพูดจบ เขาก็หันหลังและตรงไปที่ประตูทางออก
แม่ซูโกรธจนแทบหายใจไม่ออก แต่ซูหย่ากลับมองร่างของคนที่เดินจากไปด้วยสายตาที่เป็นห่วง
” เอาเถอะ สุขภาพก็พึ่งจะดีขึ้น อย่าโกรธไปเลย กลับบ้านกันก่อนเถอะ ” พ่อซูพูดขึ้น
เมื่อแม่ซูได้ยิบแบบนั้น ก็จ้องหน้าเขา ” ลูกสาวคุณโดนรังแกถึงขนาดนี้แล้ว คุณจะไม่พูดอะไรหน่อยเลยเหรอ ”
พ่อซูและซูหย่ามองหน้ากันแวบหนึ่ง ทั้งคู่ต่างก็เงียบ
หลังจากกลับถึงบ้าน และจัดการพาแม่ซูให้ขึ้นไปพักผ่อนแล้ว พ่อซูก็ให้ซูหย่าไปเจอกันที่ห้องหนังสือ
” พูดมาเถอะ สรุปว่ากำลังแสดงละครเรื่องไหนกันอยู่ล่ะ? ”
ซูหย่ายักไหล่ และนั่งลงบนโซฟา เธอมองดูต้นบอนไซบนโต๊ะชา เธอใจลอยอยู่สักพัก จากนั้นซูหย่าก็เงยหน้ามองแววตาของผู้เป็นพ่อ หลังจากผ่านไปสักพัก เธอก็พูดขึ้นว่า ” พ่อคะ ในสายตาของพ่อ ตำแหน่งสำคัญกว่าลูกสาวงั้นหรือคะ? ”