เธอไม่ใช่พระแม่มารี จึงไม่สามารถตอบโต้ความเลวด้วยความดีได้ ตลอดปีนั้นความเจ็บปวดที่มีต่อเธอและคนในครอบครัว เธอลืมไม่ลงจริงๆ
ที่เธอยอมรับโม่หาน หนึ่งคือเขาเป็นพ่อของมู่เสี่ยวโยว สองคือ แม้ว่าโม่หานจะเป็นคนไม่ดี แต่เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาไม่ได้ทำร้ายเธอแต่อย่างใด ยกเว้นแต่คำพูดเป็นพิษเป็นภัยเล็กๆน้อยๆ
แต่คนตระกูลโม่ไม่เหมือนกัน ตลอดหนึ่งปีนั้น ถ้าเธอต้านทานแรงกดดันได้ไม่ดีพอ สงสัยว่าเธอคงจะฆ่าตัวตายไปแล้ว
ทั้งมีชู้ ทั้งยุ่งวุ่นวาย ทั้งเจ้าแผนการ การกล่าวโทษต่างๆนานา ทำให้ตลอดชีวิตของเธอลุกขึ้นยืนหยัดไม่ได้
โม่หานลูบหัวเธอ “ขอโทษนะ”
มู่เฉียวกล่าวว่า “ต่อไปอย่าให้พวกเขาให้เงินเสี่ยวโยวอีก เด็กยังเล็กไม่รู้เรื่องอะไร อาจจะขว้างทิ้งตามอำเภอใจได้”
ตอนนี้โม่หานก็ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากมั้งสองคนนั่งอยู่ในรถสักพัก
มู่เฉียวเสนอว่า “ลงจากรถแล้วไปเดินเล่นไหม?”
ที่นี่ถูกรัฐบาลปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นรีสอร์ตแล้ว ไม่ไกลจากหมู่บ้านมีลำธารเล็กๆหนึ่งสาย น้ำในลำธารใสมาก
มู่เฉียวเดินควงแขนโม่หาน เหมือนกับคู่รักอื่นๆที่มาที่นี่ ทั้งสองคนเดินๆหยุดๆ พูดคุยหัวเราะกัน สบายใจอย่างมาก
โชคดีที่ที่นี่อยู่ห่างไกลจากบ้านหน่อย พ่อแม่มักชอบเข้านอนเร็ว จึงไม่สามารถมาที่นี่ได้
“มู่เฉียว”
จู่ๆมู่เฉียวก็ได้ยินว่ามีคนเรียกเธอ หันกลับไปก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอ
ลูกสาวของป้าหลิว? จ้าวเชี่ยน ท้องใหญ่มาก ชายที่อยู่ข้างๆหน้าตาสุภาพเรียบร้อย หลังจากเรื่องวันนั้น ทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันสองสามปี
จ้าวเชี่ยนรู้จักกับโม่หาน
มู่เฉียวปิดบังไม่ทัน ฉะนั้นเธอจึงเอาผมทัดด้วยความเขินอาย ชี้จ้าวเชี่ยนแนะนำกับโม่หาน “โม่หาน คนนี้คือ……”
“ประธานโม่ ไม่ได้เจอกันนานเลย”
โม่หานพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย “ครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย”
มู่เฉียวประหลาดใจ “พวกคุณ……รู้จักกันเหรอ?”
จ้าวเชี่ยนดึงมู่เฉียวเข้ามา “มีครั้งหนึ่ง เขาอยู่ด้วยกันกับดาราสาวคนหนึ่ง ฉันคิดว่าเขาทิ้งคุณแล้ว ก็เลยโกรธนิดหน่อย ในตอนนั้นจึงเขียนให้เขาเกินจริงไปหน่อย ต่อมาเขาก็แทบจะแบนฉันเลย” พูดถึงตรงนี้ จ้าวเชี่ยนมองมู่เฉียวแล้วหัวเราะ “ฉันโกรธมากก็เลยพูดว่า ใครให้คุณทำมู่เฉียวของเราเสียใจล่ะ หลังจากนั้นฉันก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและขึ้นเงินเดือน”
มู่เฉียวหันกลับไปมองโม่หาน เม้มปาก “เดิมทีฉันยังคงมีประสิทธิภาพอยู่”
จ้าวเชี่ยนตีหลังมือเธอ “แสดงให้เห็นว่าเขานังสนใจคุณอยู่ ต่อมาเนื้อหาข่าวในเชิงลึกที่ฉันได้สืบมา หลายๆเรื่องเขาจงใจให้คนถ่าย และให้คนเขียนขึ้นมา ก็รู้สึกว่าพวกคุณยังคงมีความหวัง หึหึ คาดไม่ถึงว่าฉันจะเดาถูกด้วย”
“เสี่ยวเชี่ยน แม่โทรหาพวกเราแล้ว ใช่ไหม……” จู่ๆผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวเชี่ยนก็พูดตัดบทจ้าวเชี่ยน
“แม่คุณ หรือแม่ยายคุณล่ะ?”
“แม่ฉัน”
มู่เฉียวสูดลมหายใจเข้า ก้มลงไปกระซิบข้างๆหูจ้าวเชี่ยน จ้าวเชี่ยนเบิกตาโพลง ชี้ไปที่เธอแล้วก็ชี้ไปที่โม่หาน ทำท่าทางเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง “โอเค ฉันจะเก็บเป็นความลับ ถึงอย่างไร ก็เป็นหนี้ความมีน้ำใจของเขาไม่ใช่เหรอ?”
โม่หานเดินเข้ามาโอบเอวมู่เฉียว “ไปทานข้าวกันก่อนเถอะ”
หลังจากที่กล่าวลากันแล้ว มู่เฉียวจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมถามเรื่องการตั้งครรภ์ของจ้าวเชี่ยน จึงเสียดายเล็กน้อย
หาร้านอาหารเล็กๆที่ไม่สะดุดตาร้านหนึ่ง สั่งอาหารที่โม่หานชอบสองสามอย่าง แล้วสั่งอาหารเย็นอีกหนึ่งจาน
เมื่อตะเกียบของเธอจะยื่นเข้าไป ชายคนนั้นก็คีบตะเกียบไว้ แล้วส่ายๆหัว
“ทำไมเหรอ?”
“สองวันนี้มีประจำเดือนไม่ใช่เหรอ? ทานของเย็นให้น้อยหน่อย” พูดจบ ก็ยกจานผักนั้นไปไว้ข้างๆ แล้วตักซุปให้มู่เฉียว
มู่เฉียวนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ใบหน้าแดงระเรื่อในทันที ก้มหน้า ไม่ได้พูดอะไรมาก
คนคนหนึ่งที่ยุ่งมาก คาดไม่ถึงว่าจะจดจำเรื่องนี้ใส่ใจ ถ้าจะบอกว่าไม่ประทับใจ ก็โกหกแล้ว
หลังจากทานเสร็จ มู่เฉียวช่วยโม่หานหาโรงแรม ที่นี่อาจจะไม่ถือว่าหรูหราที่สุด แต่สะอาดและสงบอย่างมาก
ในโรงแรม คนทั้งสองอยู่ด้วยกันครู่หนึ่ง โม่หานกำลังโทรศัพท์ มู่เฉียวเล่นเกมอยู่ข้างเตียง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มวางสายแล้ว เอนตัวลงนอนข้างๆมู่เฉียวด้วยอารมณ์ที่ดีอย่างมาก แล้วแย่งมือถือจากในมือของเธอ
“เฮ้อ ด่านนี้จะผ่านแล้ว คุณให้ฉันเล่นให้จบก่อนสิ”
“ตรงนี้ ต้องเพิ่มการติดตั้งอุปกรณ์ให้มัน คุณดู แบบนี้ จะเร็วขึ้นอย่างมาก”
มู่เฉียวมองชายหนุ่มอย่างเหลือเชื่อที่เล่นด่านที่ผ่านได้ยากของเธอ ให้ผ่านไปได้โดยง่าย แสดงใบหน้านับถือ “โม่หาน ที่แท้คุณก็เล่นเกมเหมือนกันเหรอ?”
ชายหนุ่มก้มลงไปจูบที่ใบหน้าของมู่เฉียว “บางครั้งความกดดันในการทำงานมากเกินไป ก็จะเล่นนิดหน่อย”
มองผู้ชายที่อยู่ข้างๆคนนี้ มู่เฉียวก็พบว่า ตนเองรู้จักเขาน้อยเกินไปจริงๆ อันที่จริงแล้ว เขาก็เป็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาทั่วไป ที่เล่นเกมได้ เจ็บปวด เหงา และตกหลุมรักได้ เหมือนกับผู้ชายทุกคนในวัยเดียวกัน
แต่ในสายตาของคนทุกคน เขาคือเทพบุตร ไม่มีอะไรที่โม่หานทำไม่ได้ แต่น้อยคนมากที่จะใช้ความคิดอย่างคนธรรมดาทั่วไปมามองเขา
ที่เรียกว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว ก็อาจจะเป็นความหมายนี้
เธออดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปข้างๆชายหนุ่ม โอบกอดเขา “โม่หาน ต่อไปถ้าคุณรู้สึกกดดันมาก ลำบากมาก หรือตอนที่โดดเดี่ยว คุณจำไว้นะว่า ยังมีฉันอยู่”
ชายหนุ่มตกใจเล็กน้อย จากนั้น เมื่อหันกลับมาก็เห็นถึงความรักอย่างสุดซึ้งในสายตาของหญิงสาว
เขาไม่พูดจา ลุกขึ้นนั่ง พิงตัวกับเตียง นำมู่เฉียวมาไว้ในอ้อมกอดของเขา “มู่เฉียว ฉันโชคดีจริงๆที่ได้พบคุณ”
มู่เฉียวยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่พูดจา เธอคิดว่าทำไมจะไม่ใช่ล่ะ
อยู่กับโม่หานจนสามทุ่มแล้ว มู่เฉียวก็บอกว่าตนเองจะกลับแล้ว
ชายหนุ่มโอบกอดเธอเหมือนกับเด็กๆ “ฉันอยู่คนเดียว กลางคืนคงเหงาแย่เลย”
ลูบหัวเขา มู่เฉียวหัวเราะเบาๆ “อย่างนั้น ไปบ้านฉัน กล้าไหมล่ะ?”
‘คุณกล้าไหมล่ะ?”
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ แต่ไม่พูดอีก พวกเขารู้ดีว่า สถานการณ์แบบนี้ ทำได้เพียงแค่พูดคุยเท่านั้น
เช้าวันต่อมา วันขึ้นปีใหม่ หลังจากมู่เฉียวและพ่อแม่ไปอวยพรปีใหม่ให้ญาติในหมู่บ้านด้วยกันแล้ว ก็บอกกับพ่อแม่ว่า จะพาเสี่ยวโยวไปเดินเล่น
“เสี่ยวโยว แม่จะพาคุณไปพบกับคนคนหนึ่ง”
“ใครเหรอ?”
“พ่อ”
แต่เสี่ยวโยวปล่อยมือของมู่เฉียวทันที ยืนอยู่กับที่ แล้วส่ายหน้า
“เป็นอะไรไป?” มู่เฉียวหันกลับไปมอง
“แม่ แม่ของเพื่อฉันบอกว่า คนที่ไปสวรรค์แล้ว ก็คือตายไปแล้ว ฉันไม่อยากให้คุณตาย” พูดถึงตรงนี้ มู่เสี่ยวโยวก็ร้องไห้เสียงดัง
เด็กสองสามขวบ ในสมองไม่สามารถคิดซับซ้อนได้มากนัก
“พ่อไม่ได้ตาย เขามาหาเสี่ยวโยวแล้ว เพียงแต่ ตอนนี้พ่อต้องทำเรื่องที่เป็นความลับเรื่องหนึ่ง ดังนั้น ถ้าคุณไปพบเขาแล้ว ก็ห้ามบอกคนอื่น รวมทั้งคุณตาคุณยายด้วย ได้ไหม? รอให้พ่อทำเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว พวกเราค่อยบอกพวกเขา โอเคไหม?” พามู่เสี่ยวโยวไปเจอโม่หาน เป็นเรื่องที่มู่เฉียวอยากทำมาโดยตลอด
มู่เสี่ยวโยวใช้มือน้อยๆเช็ดน้ำตาบนใบหน้า “แม่ เป็นเรื่องจริงเหรอ?”
มู่เฉียวพยักหน้า
กับมู่เสี่ยวโยวที่จู่ๆก็มา ทำให้โม่หานรู้สึกเกินความคาดหมายอย่างมาก กระทั่งทึ่มทื่อไปเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่มู่เฉียวเห็นหมดหนทางแบบนี้