เขานั่งยองๆลงตรงหน้าของมู่เสี่ยวโยวอย่างประหม่า “เสี่ยวโยว”
มู่เฉียวมองมู่เสี่ยวโยวที่มุดเจ้ามาในอ้อมกอด แล้วเงยหน้าขึ้น “แม่” เห็นได้ชัด ว่าเด็กคนนี้ก็ประหม่า
“อุ้มเธอหน่อยเถอะ” มู่เฉียวพูดคำนี้กับโม่หาน
โม่หานทำเสียงอืมตอบรับ “เสี่ยวโยว ให้……”
ยังไม่ทันพูดจบ มู่เสี่ยวโยวก็โผเข้าไปในอ้อมกอดของโม่หาน “พ่อ……”
คำคำนี้ถูกเรียกออกมา มู่เฉียวก็เห็นได้ชัดว่าโม่หานตัวสั่นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กอดมาเสี่ยวโยวไว้แน่น “ขอโทษนะเสี่ยวโยว ที่ตลอดมาพ่อไม่ได้อยู่ข้างๆคุณ” น้ำเสียงของเขาสะอื้นเล็กน้อย ทำให้มู่เฉียวที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
มู่เสี่ยวโยวร้องไห้เสียใจอย่างมาก น้อยใจ แล้วก็ดีใจด้วย
จากนั้นก็เอาอกเอาใจโม่หาน เรียกพ่อๆอยู่ตลอด
ตอนเที่ยงกลัวว่าพ่อแม่จะสงสัย มู่เฉียวจึงบอกว่าจะพามู่เสี่ยวโยวกลับไปทานข้าว แต่เด็กคนนั้นไม่ค่อยเต็มใจ
“ฉันจะจัดการเรื่องทางด้านนั้นให้เร็วที่สุด” โม่หานให้คำสัญญากับมู่เฉียว
มู่เฉียวเดินเข้าไปกอดเขา “โม่หาน ฉันกับเสี่ยวโยวไม่ใช่ภาระของคุณ แล้วก็ไม่อยากให้กลายเป็นความกดดันของคุณด้วย เราจะรอคุณ อย่ารีบร้อนเกินไปเลย”
“พ่อ ฉันก็จะรอคุณ ฉันไม่ต้องการพ่อใหม่”
คนทั้งสามมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
โม่หานกลับไปเมืองAในบ่ายวันนั้น มู่เฉียวและพ่อแม่เที่ยวอยู่ที่นี่จนถึงก่อนวันที่จะกลับไปทำงาน
หลังจากหยุดยาววันแรกของการทำงาน ทุกคนยังคงไม่เข้าที่เข้าทาง
อารมณ์ของเสี่ยวโหรวดูหม่นหมองเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็ยังวัยรุ่น มีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าเล็กน้อย “ทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าหน่อย เรื่องครั้งที่แล้ว ไม่สามารถเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองนะ” มู่เฉียวยิ้มแล้วเอ่ยเตือน
“อืม ขอบคุณพี่เสี่ยวเฉียวที่เตือน”
นิสัยของเสี่ยวโหรว มู่เฉียวชอบมาก ชอบหัวเราะ น่ารักมาก เรียนรู้ได้ดี เรื่องอะไร บอกแค่รอบเดียว โดยพื้นฐานแล้วก็สามารถเข้าใจได้ พบอะไรที่ไม่มีสมเหตุสมผล ก็ไม่เคยบ่นว่าอะไรเลย
เริ่มต้นปีโครงการและเอกสารสัญญาต่างๆนานา งานก็ยุ่งมากขึ้นในชั่วพริบตา
แต่เมื่อเทียบกับการทำงานกับโม่หานเป็นครั้งที่สามแล้ว มู่เฉียวก็รู้สึกว่าพวกเขาดูผ่อนคลายลง
วันก่อนที่จะกลับมาหนึ่งวัน โม่หานต้องไปทำงานนอกเมือง มู่เฉียวจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ส่งข้อความไปให้โม่หาน “คิดถึงคุณแล้ว”
สองชั่วโมงต่อมาจึงตอบข้อความกลับ “คิดถึงมากไหม?”
“คิดถึงมาก คุณไม่คิดถึงฉันเหรอ?”
ชายคนนั้นตอบกลับว่า “อืม”
จากนั้นก็พูดเสริมว่า “ซะที่ไหนล่ะ?”
มุมปากผู้หญิงคนนั้นยกยิ้มขึ้น
“พรุ่งนี้ตอนบ่ายน่าจะได้กลับไป”
“โอเค อยู่ข้างนอกก็ระมัดระวังความปลอดภัยด้วย”
หลังจากวางมือถือลง มู่เฉียวก็หมกมุ่นอยู่กับการทำงาน วันต่อมา เธอตื่นแต่เช้า ไปที่บ้านโม่หานช่วยจัดเก็บในบ้านของเขาให้เป็นระเบียบ แล้วจึงไปทำงาน
เพียงแต่ว่าตลอดคืนนี้ มู่เฉียวไม่ได้รับข่าวคราวเลย เธอส่งข้อความไปหาเขา ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ
“พี่เสี่ยวเฉียว คุณรู้แล้วหรือยัง? ว่าประธานโม่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์”
ดินสอเขียนงานที่อยู่ในมือมู่เฉียว หลังจากได้ยินคำพูดของเสี่ยวโหรว เธอก็นิ่งอึ้งไป ออกแรงที่มี จนปลายดินสอหัก
เธอรู้สึกไม่สบายใจ แต่แสร้งทำเป็นกล่าวอย่างนิ่งๆว่า: “ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ คุณรู้ได้อย่างไร?”
“เมื่อกี้ฉันไปส่งเอกสารที่แปลเสร็จแล้วที่แผนกจัดซื้อ ได้ยินผู้จัดการแผนกจัดซื้อพูด ผู้บริหารระดับสูงหลายคนต่างก็รีบเข้ามา”
มู่เฉียวก้มหน้า ไม่พูดจา
“พี่เสี่ยวเฉียว คุณไม่สบายเหรอ?”
“ฉัน….ฉัน ฉันปวดหัว เสี่ยวโหรว วันนี้ไม่ทำโอทีแล้วนะ คุณจัดการส่วนนี้สักเล็กน้อย แล้วก็เลิกงานได้” น้ำเสียงของเธอสั่นจนเกินบรรยาย
เสี่ยวโหรวรู้สึกว่าอารมณ์ของมู่เฉียวผิดปกติเล็กน้อย แต่เธอก็ยังรู้ว่าอะไรควรไม่ควร จึงไม่ได้ถามอะไรทั้งนั้น
มู่เฉียวเดินมาถึงทางเข้า โบกแท็กซี่คันหนึ่ง “พี่คนขับ รบกวน…..รบกวนไปที่…..” เธอเพิ่งรู้ว่า เธอไม่รู้ว่าสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุอยู่ที่ไหน?
เธอกุมหัว ทันทีก็ตัดสินใจ เปิดเว็บBaidu เธออยากจะค้นหาว่ามีข่าวอุบัติเหตุทางรถยนต์อะไรบ้างไหม แต่ก็พบว่าไม่มี
เพียงแต่ คิดแล้วก็เข้าใจว่า ด้วยสถานะของโม่หาน ถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องจริงๆ พวกเราก็ไม่สามารถเปิดเผยมันออกมาได้
“คุณผู้หญิง ตกลงคุณต้องการไปที่ไหนครับ?”
มู่เฉียวมองเขา “พี่คนขับ คุณรู้ไหมว่าบนถนนของเมืองY มีที่ไหนที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์?” เธอรู้สึกว่าตนเองกระวนกระวายใจจนทำอะไรวุ่นวายไปหมด
คนขับนิ่งอึ้งเล็กน้อย “ไปเมืองYเหรอ? นั่นมันไกลมากเลยนะ เกรงว่าคุณคงต้องนั่งรถไฟไปแล้วล่ะ”
มู่เฉียวมองนอกหน้าต่าง นำมือถือกดเบอร์โทรศัพท์ต่อสายไปที่โม่หาน แต่ไม่มีคนรับ
“บางทีฉันอาจจะช่วยคุณถามดูได้ ฉันมีเพื่อนอาชีพเดียวกันที่ขับรถอยู่ที่นั่น คุณผู้หญิง คุณอย่าร้อนใจไปเลย”
มู่เฉียวพยักหน้า ไม่ร้อนใจ ไม่ร้อนใจได้อย่างไร โม่หาน คุณจะต้องไม่เป็นอะไร คุณจะมา”ล้อเล่น”กับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ หลายปีก่อนฉันก็ต้องตกใจมาครั้งหนึ่งแล้ว พอแล้วนะ
คนขับพูดพลาง นำรถเข้าจอดข้างทาง แล้วโทรศัพท์ออกไปโดยตรง พวกเขาพูดภาษาบ้านเกิดกัน มู่เฉียวฟังไม่รู้เรื่อง
ผ่านไปครู่หนึ่ง คนขับก็หันมามองมู่เฉียว สีหน้าเศร้าเล็กน้อย “คุณผู้หญิง สถานที่ ฉันถามให้แล้ว แต่…..คุณอย่าไปดีกว่า ได้ยินว่ารถหลายคันชนกันด้วยความเร็วสูง มีรถหรูคันหนึ่ง พลิกคว่ำคาที่ ความเร็วขนาดนั้น ฉันว่า คนอาจจะไม่รอดแล้ว”
มือถือในมือของมู่เฉียวลื่นตกลงพื้น
ในทันใด เธอก็ส่ายหน้า “พี่คนขับ คุณสามารถ…..บอกสถานที่ฉันได้ไหม?” เธอไม่เชื่อว่าสวรรค์จะล้อเล่นกับเธอแบบนี้ มีชีวิตก็อยากเห็นคน ตายก็อยากเห็นศพ เธอต้องการที่จะไป
คนขับคนนั้นหยิบกระดาษจากในกล่องที่อยู่ตรงกลางออกมา แล้วเขียนที่อยู่ให้มู่เฉียว
มู่เฉียวรับมาด้วยความซาบซึ้งใจ
เพราะสถานที่ที่คนทั้งสองอยู่ค่อนข้างห่างกัน เมื่อมาถึงเมืองY ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว
มู่เฉียวเรียกรถคันหนึ่ง มาถึงถนนของทางหลวง มีอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ไหนกัน ถนนได้ถูกทำความสะอาดจนหมดแล้ว
เธอนั่งยองๆลงกับพื้น กุมศีรษะ “โม่หาน ตกลงคุณอยู่ที่ไหน?”
“หาเรื่องตายเหรอ? ถึงมานั่งข้างๆทางด่วน” รถผ่านไปมา คนในรถก็ลดกระจกลง แล้วตะโกนมายังเธอ
เธอเม้มริมฝีปาก กอดเข่านั่งยองๆข้างทางถนนทางด่วน เธอนำมือถือในมือ โทรไปยังเบอร์ของโม่หานไม่หยุด ความหวาดกลัวในจำอย่างไรก็จนปัญญาที่จะระงับได้
“เอี๊ยด” เสียงล้อยางกระทบกับพื้น ในทันทีก็มีรถคันหนึ่ง มาจอดลงที่ตรงหน้าของเธอ
พอเปิดประตู ชายคนหนึ่งก็ลงมาจากรถ