เมื่อเห็นมู่เฉียว ชายคนนั้นก็ตะโกนว่า “คุณบ้าไปแล้วเหรอ มานั่งอยู่ที่นี่ รถเร็วขนาดนี้ คุณไม่กลัวจะเกิดอุบัติเหตุหรือไง”
ชายคนนั้นเห็นมู่เฉียวจึงตะโกนเสียงดัง มู่เฉียวเงยหน้ามองโม่หาน ในตาเต็มไปด้วยน้ำตา ในแสงไฟที่สลัว เดิมทีเธอไม่จำเป็นต้องมอง ก็ฟังออกว่าเป็นเสียงใคร เธอลุกขึ้น เช็ดน้ำตา ทั้งร้องไห้ทั้งยิ้ม “โม่หาน คุณยังไม่ตาย ฮือๆ……โม่หาน……”
ชายคนนั้นถอนหายใจหนักๆ ไม่ได้พูดอะไร ดึงเธอเข้ามานั่งในรถ แล้วปิดประตู มู่เฉียวนั่งอยู่ข้างคนขับ อดไม่ได้ที่จะเอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้โฮออกมา “ฮือ……”
เธอสะอื้นไห้ออกมา “ฉัน……ฉันคิดว่า……คิดว่าคุณ……คุณเกิดอุบัติเหตุ” เธอร้องไห้เหมือนเด็กๆ สะอึกสะอื้นอย่างแรง
ชายคนนั้นยื่นมือใหญ่ออกไปตบๆหลังเธอ สงสารแล้วก็ไม่รู้จะรับมืออย่างไร
หลังจากรู้เหตุการณ์นั้น เขาก็รีบร้อนจนลืมมือถือไว้ที่โรงแรม ต่อมาเมื่อรู้ว่าเธอมาที่นี่ เขาจึงรีบตามมาทันที
ไม่นานรถก็ลงจากทางด่วน
เมื่อมาถึงเมืองเล็กๆ พวกเขาก็เข้าพักที่โรงแรม
หลังจากปิดประตูห้องลง ชายคนนั้นก็นำมู่เฉียวมากอดไว้แน่นๆ
“ท้ายที่สุดแล้วเกิดอะไรขึ้น? พวกเขา……พวกเขาบอกว่าคุณเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์”
โม่หานดึงทิชชูมาสองสามแผ่น เช็ดน้ำตาให้มู่เฉียวอย่างอ่อนโยน “ครั้งหน้า อย่าทำเรื่องที่อันตรายแบบนี้อีก รู้ไหม?”
มู่เฉียวสูดหายใจเข้า แล้วพยักหน้า
“บางทีก็ควรจะขอบคุณคุณนะ”
“หมายความว่าอย่างไร?” เสียงขึ้นจมูก แล้วก็แหบพร่า บอกโม่หานได้ว่า ผู้หญิงคนนี้น่าจะร้องไห้มานานแล้ว
“อุบัติเหตุทางรถยนต์เขาเป็นคนทำ” หลังจากโม่หานพูดคำนี้ มู่เฉียวได้ยืนก็ตกตะลึง จากนั้นเธอก็ปิดปาก มองโม่หานอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณ……คุณบอกว่าเป็นเขาอย่างนั้นเหรอ? ที่สร้างสถานการณ์ให้คุณเกิดอุบัติเหตุ?”
ความหวาดกลัวบนใบหน้าของเธอ ทำให้โม่หานรู้สึกผิดที่บอกความจริงกับเธอไป
โลกของเธอ ก็ไม่ควรจะยุ่งเหยิงและนองเลือดขนาดนั้น
อันที่จริงมู่เฉียวถูกทำให้ตกใจ เพราะเดิมทีเธอไม่คาดคิดว่า นี่คือเรื่องที่พ่อคนหนึ่งจะกระทำต่อลูกชายของตนเอง
“เขาไม่ได้อยากให้คุณรับช่วงต่อธุรกิจเหรอ? แล้วทำไม?”
โม่หานเงยหน้าขึ้นมองมู่เฉียว ยิ้มอย่างโล่งอก “ก็เพราะว่าเขาไม่มีธุรกิจให้ฉันรับช่วงต่อได้แล้วไง”
มู่เฉียวขมวดคิ้ว “ถึงกับ……ไม่มีเลยเหรอ?”
โม่หานพูดไม่ชัด แต่มู่เฉียวเห็นคำตอบในดวงตาของเขา
แต่นั่นคือลูกชายของเขา ถึงเสือจะร้ายก็ไม่กินลูกตัวเองนะ? แล้วนี่ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?
โม่หานลุกขึ้น หยิบขวดน้ำแร่บนตู้ส่งให้มู่เฉียว “ไปอาบน้ำก่อน ดูตัวคุณสิ” พูดจบก็ก้มลงมา ถอดเสื้อคลุมเธอออก เขย่าๆฝุ่นออกมา
มู่เฉียวลูบๆจมูก ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยื่นสองมือออกไปกอดเอวโม่หาน ศีรษะแนบอยู่ที่หน้าอกของเขา “โม่หาน คุณยังไม่บอกฉันเลย ว่าคุณหนีออกมาได้อย่างไร?”
โม่หานผลักเธอออกเบาๆ แล้วก้มลงไปจูบริมฝีปากเธอ จากนั้นก็หยิบกล่องผ้าเล็กๆหนึ่งอันออกมาจากกระเป๋ากางเกง “เดิมทีฉันเตรียมจะขับรถกลับมา แต่เพื่อไปรับของสิ่งนี้ ก็เลยตัดสินใจนั่งเครื่องบินกลับ”เพชรถูกประกอบเป็นคำว่าMM ถ้าไม่ได้สังเกตก็จะเป็นเหมือนกับคลื่นน้ำ
“นี่สั่งจองให้คนที่เก่งๆทำเลยนะ อยากเอามาให้คุณเอง ไม่อยากให้ใครรับแทน”
โม่หานพูดจบ ก็สวมสร้อยให้มู่เฉียว “สุขสันต์วันเกิดนะ”
มู่เฉียวประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด ใช่สิ เธอลืมว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตนเอง
เขาพูดต่อว่า : “แล้วก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ฉันจะไม่มีวันตาย”
มู่เฉียวโผเข้าอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ “ไปอาบน้ำก่อนเถอะ”
มู่เฉียวไม่ขยับ
“จะอาบด้วยกันเหรอ?” ชายหนุ่มจงใจยั่วเย้าเธอ
หญิงสาวปล่อยเขาอย่างรวดเร็ว แล้วหันเดินเข้าห้องน้ำไป
โรงแรมในเมืองเล็กๆ ถึงเป็นระดับสูง ก็มีเพียงมาตรฐาน มู่เฉียวปวดหัวเล็กน้อย รีบร้อนออกมา ไม่ได้เอาอะไรมาเลย
อาบน้ำเล็กน้อย พอออกมา โม่หานกำลังสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงด้านนอก เพราะเธอแพ้กลิ่นบุหรี่ ตอนที่คนทั้งสองอยู่ด้วยกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นโม่หานสูบบุหรี่ ท่าทางของผู้ชายคนนั้น ยังคงทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย
ได้ยินเสียง ชายหนุ่มก็ดับบุหรี่ครึ่งตัวที่อยู่ในมือ ยืนอยู่ด้านนอกครู่หนึ่ง จึงเข้ามา
มู่เฉียวเดินเข้าไป โอบกอดเขา “ไม่สบายใจมากเลยใช่ไหม?”
“นอนไปก่อนนะ ฉันจะไปอาบน้ำ” ชายหนุ่มพูดจบ ก็จูบบนศีรษะเธอเล็กน้อย
มองภาพด้านหลังของชายหนุ่ม ในดวงตาของมู่เฉียวก็รู้สึกเจ็บปวดใจ เธอเดินไปที่ระเบียง มองลงไปด้านล่าง เมื่อตอนที่เข้ามา เธอเห็นชั้นล่างมีร้านบะหมี่
คิดๆแล้ว ก็ออกจากห้องไป
เธอเดาว่าโม่หานคงยังไม่ได้ทานข้าวเย็นแน่ๆ
บะหมี่เสร็จแล้ว กำลังจะใช้มือถือชำระเงิน ก็เห็นว่าโม่หานโทรมาหาเธอ เธอกำลังเตรียมจะรับ ก็เห็นชายหนุ่มเดินอยู่หน้าประตูร้านบะหมี่ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
จึงกดวางสาย จ่ายเงินแล้ว ออกจากร้าน เธอยืนอยู่ด้านหลังของเขา ส่งเสียงเรียกว่า: “โม่หาน”
ชายหนุ่มหันกลับมา เห็นเธอและบะหมี่ในมือของเธอ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ผมของเขายังมีหยดน้ำอยู่ เขาน่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ออกมาแล้วไม่เจอเธอ จึงรีบตามออกมา
คิดๆแล้ว เธอก็เดินเข้าไป จูงมือของเขา “ไปกันเถอะ กลับไปทานบะหมี่กัน”
ชายหนุ่มปล่อยให้เธอจูงมือไปอย่างว่าง่าย เวลานี้ เขาเหมือนกับเด็กที่อ่อนแอ ทำให้มู่เฉียวเจ็บปวดใจอย่างมาก
“รีบทานบะหมี่เถอะ”
พอมาถึงห้อง เธอก็นำบะหมี่วางบนโต๊ะ แกะถุงออกไปพลาง กล่าวไปพลาง
ชายหนุ่มโอบเอวเธอจากด้านหลัง หยดน้ำที่หยดลงบริเวณคอ เย็นเล็กน้อย แต่หัวใจอบอุ่นอย่างมาก
ชื่อเสียงเกียรติยศอะไร อำนาจอิทธิพลอะไร ถ้าคนไม่อยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้ จะไปมีประโยชน์อะไร?
“โม่หาน ต่อไปคุณต้องใช้ชีวิตให้ดี เพื่อฉันและเสี่ยวโยวนะ”
ชายหนุ่มตอบอืมคำหนึ่ง
“ฉันหวาดกลัวอย่างมาก ฉันคิดว่า ถ้าคุณเกิดเรื่องจริงๆ ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร จะต้องตายตามไปไหม” เธอแกะตะเกียบออกเป็นสองอัน
มือใหญ่ๆจับเอวไว้แน่นอย่างมาก “อย่าคิดไร้สาระแบบนี้อีก เรื่องนี้ ใกล้จบสิ้นแล้ว”
มู่เฉียวพยักหน้า ดึงมือของเขาออก “มา รีบทานเถอะ เดี๋ยวบะหมี่อืดหมด”
“ทานด้วยกันสิ”
“ฉันไม่ทานหรอก ฉันทานข้าวเย็นมาแล้ว”
ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ทานบะหมี่อย่างเชื่อฟัง มู่เฉียวไปห้องน้ำเอาไดร์เป่าผมออกมา เป่าผมให้โม่หาน เสียงหนวกหูอย่างมาก แต่ในใจของคนทั้งสองสงบอย่างมาก
คืนนี้ พวกเขานอนหลับด้วยกัน คนทั้งสองไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
เมื่อท้องฟ้าใกล้สว่าง มู่เฉียวก็รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวเบาๆจากข้างๆ พอลืมตาก็พบว่า โม่หานนอนเอามือประสานกันรองศีรษะ ลืมตา เหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ชัดเจนว่า เขาไม่ได้นอนมาทั้งคืน
“โม่หาน คุณไม่นอนเหรอ?”
โม่หานเอียงตัวมา หยิกเบาๆที่แก้มของเธอ “ทำให้คุณตื่นเหรอ?”
มู่เฉียวยืดตัวขึ้น นำหมอนมารองด้านหลังศีรษะ “ถ้าคุณอารมณ์ไม่ดี คุณสามารถคุยกับฉันได้นะ โม่หาน สามีภรรยา ควรจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน”
“มีคนรับโทษแทนเขา เขาหลบหนีไปแล้ว”