โม่หานกลับตัดสินใจแล้ว
“โม่หาน ลูกลืมไปแล้วเหรอว่าลูกยังมีมู่เฉียว ยังมีเสี่ยวโยว คนอื่นเขารอลูกมานานขนาดนี้ ลูกทำแบบนี้ ลูกจะอธิบายกับครอบครัวเขายังไง โม่หาน……”
โม่หานมองแม่ เรื่องบางเรื่อง คนอื่นไม่เคยสัมผัสและไม่รู้ เขาลืมไม่ลง เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาอยู่กับแม่ในห้องมืดนั้น แม่จับผมของตัวเอง กระแทกเข้ากับกำแพง และยิ่งลืมไม่ลงภาพที่แม่มักจะนอนอยู่บนพื้น นอนทีก็หลายชั่วโมง
พอโตขึ้นหน่อย เขาถามแม่ว่าทำไมถึงไม่ขัดขืน แม่บอกว่า เพราะคนคนนั้นสติฟั่นเฟือน เธอไม่อยากให้เขาและครอบครัวมีอันตราย
หลายปีมานี้ คนอื่นไม่รู้ถึงการเสียสละของแม่ แต่ใจเขารู้ดี
ชายคนนั้นแข็งแกร่งเกินไป ปีกของเขายังไม่แข็งมากพอ
เพราะฉะนั้น เขาเห็นชายคนนั้นกระทำรุนแรงกับแม่ต่อหน้าต่อตาตัวเอง เขาลืมสายตาที่แทบจะสิ้นหวังของแม่ไม่ลง
“สิ่งที่ติดเธอไว้ ผมค่อยคืนในชาติหน้า”
มือของชายหนุ่มที่วางอยู่บนโต๊ะ งอช้าๆ แล้วกำไว้แน่น
วันนั้น ตอนที่เขาไปถึงงานศพ ตำรวจเองก็เพิ่งถึง
เขารับโทษที่แม่ก่อ ต่อหน้าทุกคน เขาไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น เขาแค่ทำในสิ่งที่ลูกชายคนหนึ่งควรทำ
เขารักมู่เฉียว และต้องการใช้ชีวิตต่อไปกับเธอ แต่ เขารู้ว่าแม่ของเขาต้องทนทุกข์ทรมานมากมายในช่วงครึ่งแรกของชีวิต จนได้หลุดพ้น แต่กลับต้องเฝ้าดูเธอติดคุก เขาทำไม่ได้
มู่เฉียวใช้ความพยายามอย่างมาก ในการตัดสินใจมาดูโม่หาน แต่ยังไม่ทันได้เดินเข้าใกล้ ก็ได้ยินคำนี้ของโม่หาน
เธอกำเสื้อผ้าที่หน้าอก ปิดปากไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตมีรสหวาน แต่แค่แป๊บเดียวก็ต้องตกนรกอีกครั้ง
แต่เรื่องนี้ ก็ยังดีกว่า การที่แม่และภรรยาตกลงไปในแม่น้ำพร้อมๆกัน คุณช่วยใครก่อน มันคือเหตุผลหนึ่ง ในฐานะคนรักของโม่หาน เธอไม่มีทางไปโทษการกระทำของเขา ยิ่งไม่สามารถพูด ว่าไม่ให้เขาทำแบบนี้
เพียงแต่ โม่หาน คุณเสียสละเพื่อเธอ และแม่ของคุณแบบนี้ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าพวกเขาก็รู้สึกปวดใจเหมือนกัน?
ความโกรธก่อนหน้านี้ ณ เวลานี้ ได้หายไปแล้ว เพียงแค่คิดว่า เขาจะถูกพิพากษา เธอก็ปวดใจจนแทบหายใจไม่ออก
เธอวิ่งเหยาะๆ ออกจากประตูศูนย์กักกัน
เธอโทรหาทนายความคนก่อนหน้านี้ ทั้งสองนัดพบกัน
“คุณบอกฉันหน่อย ยังมีวิธีอะไรบ้าง ที่เขาจะไม่ต้องติดคุก มีใครช่วยเขาได้บ้าง เพียงแค่คุณบอกฉัน ฉันจะไปหาวิธีมา ได้ไหม?” เธอเหลือเพียงแค่คุกเข่าให้ทนายคนนั้นแล้ว
ขอให้เป็นผู้หญิงสวย ทุกคนก็จะรู้สึกสงสารมากขึ้น
ทนายขมวดคิ้ว ดูลำบากใจเล็กน้อย แต่เมื่อมองสายตาของเขา
“คุณมู่ คุณไปหาเหอเจี๋ย บางที ขอความช่วยเหลือจากพ่อเขา เรื่องนี้อาจจะพลิกกลับได้”
“เหอเจี๋ย?”มู่เฉียวขมวดคิ้ว เหอเจี๋ยเป็นลูกสาวของนายกเทศมนตรีเหอ
แต่…….โม่หานและเหอเจี๋ยยกเลิกการหมั้นแล้ว
“เธอกับโม่หานไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว พ่อของเขาจะยอมช่วยไหม?”เธอถามทนาย
ทนายพยักหน้าให้เธอ “ช่วยหรือไม่ช่วย ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับคุณมู่ ไม่ใช่เหรอครับ?”
มู่เฉียวเข้าใจอะไรบางอย่างจากสายตาของเขา
เธอหลับตา สูดหายใจเข้า ที่หมายถึงคือแลกเปลี่ยนเรื่องการแต่งงานกับโม่หานใช่ไหม?
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเหอเจี๋ยจะตกลงหรือเปล่า ต่อให้เป็นโม่หาน เขาก็คงไม่ดีใจที่เธอทำแบบนี้
เธอล้มลงบนเก้าอี้แล้วจ้องไปที่พื้นอย่างว่างเปล่า “ฉันไม่อยากทำแบบนี้ ถ้าโม่หานรู้ ต่อให้เขาออกมา เขาก็คงไม่ดีใจ”
“คุณหนูมู่เสียดายความร่ำรวย หรือคิดแทนโม่หานจริงๆ?”
มู่เฉียวรู้สึกเพียงว่าทัศนคติของทนายคนนี้น่าเกลียดมากเท่านั้น
“คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะประเมินการกระทำของฉัน”น้ำเสียงของเธอไม่ค่อยดี
“แต่ก็ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางอื่น”ทนายนั่งลงตรงที่นั่งตรงข้ามเธอ
มู่เฉียวขมวดคิ้ว เกลียดวิธีพูดของทนายคนนี้จริงๆ มีอะไรจะพูดก็พูดมา อย่ามาลีลา รู้ทั้งรู้ว่าเธอร้อนรน ยังจะพูดอ้อมไปมาอยู่ได้
“โม่หาน ช่วยตัวเองได้” เดิมทีเขาต้องการทดสอบผู้หญิงคนนี้ แต่ในตอนนี้ เขารู้สึกว่าบางทีเขาอาจเหมารวมผู้หญิงทั้งหมดไว้ในประเภทเดียวกัน
“คุณพูดว่าอะไรนะ?”มู่เฉียวลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว
“แล้วเขา……”
“เขากำลังรับโทษแทนแม่ของตัวเอง เขารู้สึกว่าตัวเองอยู่ในนั้น ใจของแม่เขาอาจจะสบายขึ้น”ทนายพูดถึงตรงนี้ เงยหน้ามองมู่เฉียว มองดูการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าเธอ “ด้วยความสามารถของโม่หานกับตระกูลโม่ เขาสามารถหาวิธีเอาตัวรอดได้ แต่ เรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับเขา ถ้าเขาไม่เต็มใจที่จะช่วยตัวเอง ต่อให้นายกเทศมนตรีออกหน้าให้ ผมคิดว่ามันก็คงไม่มีประโยชน์”
เห็นได้ชัดว่าคำตอบนี้ทำให้มู่เฉียวอึ้งอีกครั้ง
เธอหลับตาลง ปวดหัวเหมือนจะแตก คว้ากระเป๋าบนเก้าอี้ “ฉันมีเรื่องต้องทำ ฉันจะติดต่อหาคุณอีกครั้ง รบกวนคุณแล้ว”
ทนายเห็นว่าเธอจะไป หันตัวไป พูดกับแผ่นหลังของเธอ “ผมจะพยายามชะลอการพิพากษา แต่ ด้วยฝีมือของโม่หานแล้ว หากเขาละทิ้งตัวเอง ผมเกรงว่าเขาจะเร่งความเร็วในส่วนนี้ คุณต้องรีบแล้ว”
มู่เฉียวหยุดฝีเท้า คิดๆแล้ว เธอก็หันกลับมา หยิบบัตรที่โม่หานให้ไว้กับเธอ
ที่เขาบอกว่า ‘ไว้ซื้อกับข้าว’ เธอตบมันลงตรงหน้าทนายความ “บอกฉันมาสิ สรุปว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ คุณถึงจะยอมช่วย”
ทนายคนนี้ เห็นได้ชัดว่ามีประสบการณ์ และมีกำลัง ยิ่งกว่านั้นยังมีคนที่รู้วิธี แต่เขาคอยชี้แนะทีละนิดแบบนี้ คาดว่าถ้าไม่ใช่โม่หานเป็นคนสั่งเขาไว้ ไม่ให้เขาได้ใช้ความสามารถ ก็คงจะเป็นการที่เขาอยากได้รับผลประโยชน์มากขึ้น
ทนายลุกขึ้นยืน คนที่สูงประมาณร้อยแปดสิบเซนติเมตร ทำให้มูเฉียวรู้สึกกดดันเล็กน้อย เขามองมู่เฉียวตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าที่บอบบางขาว แดงเล็กน้อย เพราะความโกรธของเธอ ไม่น่าแปลกใจที่โม่หานใส่ใจเธอขนาดนี้ สวยจริงๆ
“ผม…..เป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขา”เขาพูดจบ ก็หยิบบัตรที่อยู่บนโต๊ะคืนไปที่มือของมู่เฉียว จากนั้น เขาก็นั่งลงอีกครั้งและหยิบถ้วยชาที่อยู่ตรงหน้าอย่างสบายๆ จิบไปหนึ่งคำ
“คุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขา? แล้วคุณจะทำเพียงแค่ดูเขาเข้าคุกเหรอ?”
“เหอะๆ”ทนายเพื่อนร่วมชั้นส่งเสียง “ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้ดี ดังนั้น เขาเข้าคุก ผมดีใจมาก”
มู่เฉียวแทบจะทนไม่ได้ที่จะหยิบชาบนโต๊ะสาดใส่หน้าเขา แต่คิดๆแล้ว ก็อดทน เธอไม่อยากผิดใจกับคนที่สามารถช่วยโม่หานได้ตอนนี้
“ตกลงคุณจะเอายังไง? ถึงจะยอมช่วยเขา?” ตอนที่มู่เฉียวพูดคำนี้ ก็ยกมือขึ้นมาทาบหน้าผาก ปิดบังน้ำตาที่ไหลลงมา เธอร้อนรนมากจริงๆ
ชายคนนั้นหันไป สายตาจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ “ผมคิดว่าคนที่โม่หานรักจะเป็นแค่แจกันใบหนึ่ง แต่กลับคิดไม่ถึง ว่าเขาจะเจอกับรักแท้”
น้ำเสียงนี้เต็มไปด้วยความอิจฉา
“ไม่อย่างนั้น คุณนอนกับผมสักคืน? แล้วผมจะช่วยเขา?”