มู่เฉียวอาบน้ำเสร็จแล้ว นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ช่วงนี้เธอกำลังเรียนภาษารัสเซียอยู่ ปวดหัวเล็กน้อย
ได้ยินเสียง ‘แกร๊ก’จากข้างนอก เธอก็ลุกลงจากเตียง
“โม่หานคุณกลับมาแล้วเหรอ?”
โม่หานกำลังเปลี่ยนรองเท้าอยู่ ได้ยินเสียงที่กระฉับกระเฉงของเธอแล้ว อารมณ์กดดันจากบริษัทก็ดีขึ้นมามาก เดินเข้าไป กอดเอวเธอไว้ “อื้ม ยังไม่นอนเหรอ?”
มู่เฉียวจุ๊บที่หน้าของเขา “ฉันเตรียมน้ำอาบให้คุณแล้ว คุณไปอาบน้ำก่อน อาบเสร็จแล้ว ออกมามีเรื่องคุยกับคุณหน่อย”
โม่หานกอดเธอไว้ นิ้วมือบีบเบาๆเข้าที่แก้มเนียนของเธอ “พูดก่อน ค่อยอาบ”
“รีบไป เปิดน้ำอุ่นหน่อยก็ได้แล้ว”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ชายหนุ่มนอนอยู่ข้างมู่เฉียว ดมกลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเธอ พลิกตัว มากดทับร่างของหญิงสาวไว้ “พูดมา มีเรื่องอะไร?”
มู่เฉียวผลักเขา “มันหนักนะ คุณลงไปก่อน”
ชายหนุ่มทับลงมาทั้งตัว มู่เฉียวขมวดคิ้ว กึ่งผลักกึ่งปล่อยวางแล้วพูดว่า “โม่หาน วันนี้แม่นัดฉันไปคุย บอกว่าให้เรามีลูกอีกคน ฉันคิดดีๆแล้ว ฉันคิดว่าพวกเราควรพิจารณาได้แล้วหรือเปล่า?”
พูดจบ ไม่มีการตอบรับอยู่นาน จากนั้น มู่เฉียวก็ได้ยินเสียงหายใจข้างหูของเธอ
มู่เฉียวหลับตา โกรธจนจะอ้วกเป็นเลือด
แต่ว่า ช่วงนี้โม่หานดูเหนื่อยมาก เท่าที่เธอรู้ MYรับโครงการใหญ่ๆมาหลายโครงการ คิดแล้ว ก็ปล่อยมันไปก็แล้วกัน
ตอนเช้าเธอตื่นขึ้นมา ก็ไม่เจอเงาของโม่หานแล้ว
เธอรู้สึกแพ้ ยิ่งกว่านั้นคือผิดหวังเล็กน้อย
พอถึงบริษัท เธอหาข้ออ้างไปส่งเอกสารที่ชั้นบน
เลขาคนอื่นเห็นเธอมา ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมาก มีแต่เลขาคนที่รู้สถานการณ์รีบยืนขึ้น “คุณมาแล้วเหรอคะ”
มู่เฉียวพยักหน้า ชี้ไปที่ออฟฟิศของโม่หาน “ฉันมาส่งเอกสาร”
จู่ๆเลขาก็เข้ามาขวางเธอไว้ “หรือว่า ให้ฉันเทน้ำอุ่นให้คุณสักแก้วไหมคะ? ประธานโม่คุยธุระอยู่ข้างใน”
มู่เฉียวคิดว่าโม่หานคุยเรื่องธุรกิจอยู่ คิดๆแล้ว เธอก็ส่งเอกสารในมือให้กับเลขา “ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณช่วยเอาให้เขาหน่อย ฉันไม่รอเขาแล้ว”
กำลังจะหันหลัง ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจากด้านหลัง
หลินซานเดินออกมาจากข้างใน วันนี้เธอใส่ชุดเดรสยาวเปิดไหล่สีดำ สวมเสื้อคลุม ยิ่งมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น สีหน้าแดง เดินผ่านเธอไปเบาๆ
“เห็นไหม เข้าไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเพิ่งจะออกมา”
“พวกเธอว่า ทำอะไรกันอยู่ข้างในหรือเปล่า……”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? ภาพลักษณ์ประธานโม่ของพวกเรา ไม่ใช่ว่าพวกเธอจะไม่รู้ ไม่อย่างนั้น ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสอง หนึ่งชั่วโมงกว่า จะทำอะไร?”
…….
มู่เฉียวหันหลังไปมองหลินซานที่กำลังรอลิฟต์อยู่ ผู้หญิงคนนี้ไร้ที่ติ360องศาจริงๆ แต่ เธอจะไม่เชื่อคำพูดของคนอื่นแน่นอน
รับเอกสารมาจากมือของเลขา “ขอโทษที ฉันนำไปให้เองดีกว่า”
มู่เฉียวไม่ได้เคาะประตู ดังนั้น เธอผลักประตู ก็เห็นโม่หานกำลังติดกระดุมเสื้อของเขาพอดี เห็นว่าเธอมา โม่หานตกใจเล็กน้อย
“มู่เฉียว คุณมาได้ยังไง?”
ดีๆอยู่ ทำไมถึงติดกระดุมเสื้อล่ะ? โอเค มู่เฉียวรู้สึกว่าตัวเองมีอคติเล็กน้อย แต่ ในใจมีเสียงหนึ่งบอกเธอว่า ต้องเชื่อใจผู้ชายของตัวเอง
เธอล็อคประตูด้านหลัง
“ฉันมาหาผู้ชายของฉัน ต้องแจ้งด้วยเหรอ?”เธอเก็บความสงสัยในตา วางเอกสารในมือของเธอไว้บนโต๊ะของโม่หาน
โม่หานยิ้มมุมปาก พยักหน้า “แน่นอนว่าไม่ต้อง ต้อนรับเสมอ”
จากนั้น มู่เฉียวก็อ้อมไปข้างหน้าโม่หาน เอนตัวเข้าใกล้ นั่งลงบนตักของชายหนุ่ม นิ้วมือขาวนั้นสอดเข้าไปในเสื้อโดยตรง
เธอรู้สึกว่าดวงตาของชายหนุ่มดูขุ่นลงเล็กน้อย เธอเข้าใกล้พูดขึ้นที่ข้างหูเขา “โม่หาน คุณไม่แตะต้องฉันมาหลายวันแล้ว”
เธอยอมรับว่าเธอตั้งใจ ทั้งๆที่รู้ ว่าช่วงนี้ทั้งสองคนต่างก็ยุ่ง
เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของชายหนุ่มก็ถี่ตาม จากนั้น ข้างใต้ก็มีบางอย่างบวมขึ้น
เธอสูดหายใจเข้าและดูเหมือนพอใจกับผลลัพธ์มาก คิดแล้ว ก็รีบลุกขึ้น แต่ว่า ชายหนุ่มจะปล่อยเธอไปง่ายๆได้ยังไง
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำข้างใน มัดผม จ้องเขม็งไปที่โม่หาน ยู่ปาก โอเค นี่เป็นผลของความสงสัย เธอสมควรแล้ว
ชายหนุ่มเดินเข้ามา เอนตัวเข้ามาจูบที่ริมฝีปากแดงของเธอ กดหลังคอเธอไว้ รวบเธอเข้ามาในอ้อมกอด “พูดมาซิ ว่าเห็นอะไรมา? ถึงได้กระตุ้นคุณนายรองโม่ของเรา ให้รุกขนาดนี้”
มู่เฉียวเขินเล็กน้อย ยิ่งกว่านั้นคือทำตัวไม่ถูก เธอรู้อยู่แล้วว่าความคิดเล็กน้อยของเธอ ปิดบังโม่หานไม่ได้
เธอเกาะอ้อมกอดของเขา“คุณไม่ต้องทำเป็นใสซื่อหลังจากได้ผลประโยชน์แล้วนะ”
ชายหนุ่มกัดที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ “คุณนายรองโม่ ไม่ควรเป็นทำนองเดียวกันเหรอ?”
หญิงสาวได้ยินแบบนั้น บีบเข้าที่เอวของชายหนุ่ม ทำให้โม่หานหัวเราะขึ้นเบาๆ เสียงหัวเราะของเขาเห็นได้น้อยมาก แต่กลับมีเสน่ห์พิเศษ ทำให้จิตใจของมู่เฉียวดีขึ้นมาก
“ฉันเพิ่งเข้ามา ก็เห็นสาวสวยคนหนึ่งเดินออกจากห้องของคุณ มีคนบอกว่าเธออยู่ในห้องกับคุณมาหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว”
โม่หานพยักหน้า มุมปากแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีมาก แต่เขาจงใจพูดด้วยเสียงต่ำ “อ๋อ คุณหมายถึงเธอเหรอ เฮ้อ ไม่มีทางเลือก มีคนบางคนไม่อยากเปิดเผย ผมจึงต้องใช้ประโยชน์จากมันโดยวิธีแบบนี้”
มู่เฉียวทุบเบาๆที่อกของชายหนุ่ม “คุณยังกล้าพูดไร้สาระอีก”
ชายหนุ่มรวบมือเธอไว้ วางไว้ตรงหัวใจ “คุณจับดูสิ หัวใจดวงนี้ไม่เคยเต้นแรงเพื่อใครนอกจากคุณ”
เขาพูดคำหวานน้อยมาก แต่ทุกครั้งที่พูด มู่เฉียวก็รู้สึกเขินมากจนทำตัวไม่ถูก
“ใครจะรู้ว่าเคยหรือไม่เคย? เป็นถึงเพื่อนวัยเด็กด้วยนี่……”
ปล่อยเธอออก ชายหนุ่มไปเทน้ำให้เธอ ส่งให้มู่เฉียว “ถ้าหากเพื่อนวัยเด็กมีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าอย่างนั้นเพื่อนสมัยประถม คงพากันมาหมดแล้ว”
พูดจบ ไม่รอให้มู่เฉียวรู้สึกตัว ก็ขยี้ที่หัวเธอเบาๆ อธิบายว่า“เพื่อนสมัยเด็ก ทักษะทางวิชาชีพแข็งแกร่งมาก ครั้งนี้บริษัทเข้าร่วมงานอัญมณีระหว่างประเทศ ในฐานะผู้อำนวยการออกแบบ เธอเข้ามาขอความคิดเห็นของผม เพราะโครงการที่เกี่ยวข้องมีมากและค่อนข้างซับซ้อน ส่วนพวกเรา นี่ก็เป็นครั้งแรก ดังนั้น ถึงได้คุยกันนานหน่อย”
ส่วนข้างหลัง มู่เฉียวไม่ได้ตั้งใจฟัง ความสนใจเธออยู่ที่คำนั้น เพื่อนสมัยเด็ก
“ถ้าหากเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก ทำไมถึงได้มีรูปคู่ที่ดูสนิทสนมขนาดนั้น?”เธอถาม เรื่องบางเรื่อง เธอไม่อยากเก็บสะสมอะไรไว้ในใจ ทั้งสองคนเดินมาถึงทุกวันนี้ก็ไม่ง่าย เธอไม่อยากให้ความเดาไปเรื่อยของเธอทำลายสิ่งที่กว่าทั้งสองคนจะมีในวันนี้