ตอนที่ 1057: ทารก
โหยวเยว่อธิบายคร่าว ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่นางเจอในโถงศักดิ์สิทธิ์ให้กับเจี้ยนเฉิน เพื่อที่เขาจะได้เข้าใจมากขึ้นเช่นกัน เขารู้สึกยินดีกับเรื่องโชคดีที่โหยวเยว่เผชิญมาก
โหยวเยว่เป็นเซียนสวรรค์เท่านั้นในตอนนี้ แต่มันก็มีน้อยคนมากที่เป็นเซียนสวรรค์ที่อายุเท่ากับนางในทวีปเทียนหยวน ความสามารถในการฝึกฝนของโหยวเยว่ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก ดังนั้นความเร็วในการผึกฝนของนางจึงเพิ่มขึ้นมาด้วยเช่นกัน
จอมยุทธหลายคนจากตระกูลโบราณและตระกูลสันโดษที่อยู่ด้านหลังก็เข้ามาหาพวกเขาทั้งสองเพื่อแสดงความยินดี พวกเขายิ้มอย่างกันเองและเสียงยินดีต่อเนื่องก็ดังออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาพยายามจะอยู่ข้างเจี้ยนเฉิน และแม้แต่จอมยุทธ 2 คนจากตระกูลผู้พิทักษ์ก็มาแสดงความยินดีกับพวกเขา และต้องการที่จะดึงเจี้ยนเฉินไปเข้ากับฝ่ายพวกเขากลาย ๆ ด้วย
แม้ว่าตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบจะอิจฉาที่พยัคฆ์ปีกเทวะติดตามเจี้ยนเฉินและต้องการที่จะเอามันมาเป็นของตัวเอง แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เขาแข็งแกร่งเพียงพอที่แม้แต่พวกเขายังจำเป็นต้องระมัดระวังและแข็งแกร่งพอที่พวกเขาไม่กล้าที่จะไปยั่วยุได้ง่าย ๆ การที่พยัคฆ์ปีกเทวะติดตามเจี้ยนเฉินนั้นเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ปรารถนาที่จะเป็นศัตรูกับเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินค่อนข้างมีมารยาท เขาขอบคุณผู้ที่เข้ามาแสดงความยินดีกับเขาอย่างสุภาพแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักก็ตาม ในอีกมุมหนึ่งโหยวเยว่ที่เคยเป็นองค์หญิง นางจึงมีมารยาทที่ดีด้วยเช่นกัน นางขอบคุณพวกเขาด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
ในตอนนี้ที่โถงศักดิ์สิทธิ์มีเจ้านายแล้ว ความวุ่นวายที่เกิดเพราะโถงศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นอันสิ้นสุด จอมยุทธทั้งหมดที่รวมกันอยู่ด้านนอกก็ได้กระจายตัวกันออกไปพร้อมทั้งอารมณ์ต่าง ๆ ในไม่ช้าก็มีเพียงกลุ่มของเจี้ยนเฉินเท่านั้นที่ยังอยู่ที่เดิม
“เยว่เอ๋อ พวกเรากลับกันก่อนเถอะ” เจี้ยนเฉินพูดกับโหยวเยว่ก่อนที่จะยื่นมือไปโอบเอวบางของโหยวเยว่ เสือขาวและซี่หวังก็ได้เข้าไปในวัตถุเซียนเพื่อที่จะรักษาตัว
โหยวเยว่ไม่ได้ห้ามเจี้ยนเฉิน นางยิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่นางถูกโอบรอบเอว และนางพิงไปที่ไหล่ของเจี้ยนเฉินอย่างนุ่มนวล โถงศักดิ์สิทธิ์ได้หายไปอย่างเงียบ ๆ ในมือของนาง
เจี้ยนเฉินออกไปพร้อมกับรุยจินและโหยวเยว่ พวกเขาลดระดับลงเหนือแม่น้ำน้ำหอม เม้ว่าจะผ่านไปเดือนกว่าแล้วตั้งแต่ที่โถงศักดิ์สิทธิ์ปรากฎขึ้นมา แต่ผลกระทบของมันก็ยังกระจายอยู่ในทุกคน หลายคนอยู่ที่แม่น้ำและหลายคนยังกางกระโจมว้ที่ริมฝั่งด้วย พวกเขาจ้องไปที่ท้องฟ้าและคอยดูว่าโถงศักดิ์สิทธิ์จะเป็นอย่างไรในตอนท้าย
เจี้ยนเฉินไม่ได้ชักช้าในตอนที่เขากลับไปที่เมืองแห่งเทพเจ้า เขาพบกวานหยูไค่และหยางหลิง และล่ำลากันด้วยประโยคสั้น ๆ เขาจากไปพร้อมกับหยางหลิง
หงเหลียนและเฮยยู่ยังอยู่ในมิติวัตถุเซียนเพื่อฟื้นฟูกำลังของพวกเขา ดังนั้นมีเพียงรุยจินเท่านั้นที่เดินทางกับพวกเขากลับไป เขาเปิดประตูมิติออกเพื่อกลับไปที่ตระกูลเจียงหยางในเมืองลอร์
ซาร์ วีมอสยืนอยู่บนหลังคาของอาคารของตระกูลซาร์ เขาจ้องไปในทิศทางที่เจี้ยนเฉินหายไป “คารา ลอทของตระกูลคาราและคาซด้า เจียนฉงของตระกูลคาซด้าทั้งคู่สูญเสียพลังไป พวกเขาอ่อนแอมาก และเมื่อไม่มีพวกเขาทั้งสอง ตระกูลคาราและตระกูลคาซด้าต้องเปราะบางอย่างมาก ช่างเป็นโอกาสที่ดีอะไรเช่นนี้ แย่จริงที่ไคยุน… เฮ้อ ข้าเสียดายเรื่องในอดีตจริง ๆ ข้าเสียดายจริง ๆ ” ซาร์ วีมอสเต็มไปด้วยความเสียดาย
..
เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยกำลังนั่งอยู่ที่หินก้อนใหญ่ที่อยู่อยู่บนเกาะสามเซียนที่ห่างไกลออกไป พวกเขาหันหน้าไปที่มหาสมุทรกว้างใหญ่ตรงที่ที่ท้องฟ้ากลมกลืนกับทะเล และพวกเขาก็กำลังนั่งเล่นพิณอย่างสงบอยู่
ความสามารถในทางพิณของพวกเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ แต่พวกเขาก็มีความสามารถมาก ไม่เพียงแต่พิณของพวกนางจะมีเสียงที่สง่างามและทำให้ผู้คนสงบลงได้ มันยังมีความสวยงามในแบบธรรมชาติอยู่
มีหญิงชุดขาวนั่งอยู่ที่ด้านหลังพวกนาง นางเป็นคุณหนูของตระกูลเทียนฉิน ฉินฉิน
นางไม่ได้กำลังเล่นพิณ แทนที่กัน นางนั่งหลับตาที่อยู่ที่หน้าผาและกำลังฟังเพลงที่เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยเล่นอย่างตั้งใจ พิณของนางที่มีต้นแบบมาจากพิณปีศาจร่ำไห้วางอยู่แน่นบนขาของนาง
เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยหยุดเล่นในที่สุดหลังจากที่เล่นมากนาน พวกเขาวางพิณของพวกเขาลงช้า ๆ และยืนขึ้นเพื่อจ้องไปที่ฉินฉินอย่างสงบ สักพักต่อมา เสี่ยวเยี่ยก็พูดขึ้นมา “ศิษย์น้องฉินฉิน เจ้าสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเพลงแห่งสวรรค์หรือไม่ ? “
ฉินฉินลืมตาขึ้นช้า ๆ และความสับสนก็ฉายแววอยู่ในนั้น นางส่ายหัว “ศิษย์พี่ ข้าได้ยินพวกท่านพูดถึงเพลงแห่งสวรรค์หลายครั้ง แต่ว่ามันคืออะไรกัน ? “
“พวกเราไม่สามารถอธิบายมันได้อย่างชัดเจนเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่อาจารย์ของพวกเราบอกมา ในตอนนั้น ทั้งหมดที่พวกเรารู้คือมันเป็นความรู้สึก ความรู้สึกถึงเสียง มีเพียงการสัมผัสได้ถึงเพลงแห่งสวรรค์เท่านั้นที่จะทำให้เจ้าเข้าในพื้นฐานในทางแห่งพิณได้” เสี่ยวเยี่ยพูด ในขณะที่ความทรงจำปรากฎขึ้นในดวงตาของนาง
“เหมือนว่าความเข้าใจในทางของพิณของพวกเรานั้นยังไม่เพียงพอ พวกเราไม่มีพลังที่จะทำให้ศิษย์น้องสัมผัสได้ถึงเพลงแห่งสวรรค์ด้วยตัวของพวกเราเอง บางทีมันอาจจะได้ผลถ้าอาจารย์มาเล่นด้วยตัวเอง น่าเสียดายที่อาจารย์อยู่ในการฝึกฝนมาหลายปีแล้ว ข้าอยากรู้จริงว่าเมื่อไรท่านถึงจะออกมา” เสี่ยวเหยียนพูดอย่างค่อนข้างเสียดาย
ทันใดนั้นเอง ตาของเสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยก็แข็งทื่อ พวกเขาหันหน้ามองไปไกลทันทีตรงที่ที่ท้องฟ้าและทะเลบรรจบกัน แสงสีม่วงได้ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วและเข้ามาใกล้ยังเกาะสามเซียนด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ มันยังอยู่ที่เส้นขอบฟ้าในตอนแรกแต่มันก็มาถึงที่เกาะในอีกวินาทีต่อมา มันอยู่ห่างสิบเมตรจากเสี่ยวเหยียนและเซี่ยวยู่ในตอนนี้แล้ว ความเร็วนั้นน่าตกใจมาก
เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยเคร่งเครียด พวกเขาระวังตัวขึ้นทันทีที่เห็นจอมยุทธที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้เข้ามาที่เกาะ แต่พวกเขาก็เห็นคนที่เข้ามาเป็นแสงสีม่วงในไม่ช้า พวกเขาจ้องอย่างงุนงงในขณะที่พวกเขาประหลาดใจมาก พวกเขาร้องออกมาพร้อมกัน “อาจารย์ ! “
ร่างสีม่วงเป็นของหญิงที่เป็นที่รักของเกาะ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์
ในชุดสีม่วง หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็ยืนอยู่อย่างมีเกียรติและเย็นชา นางยืนหันหลังให้เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยในขณะที่ผมสีดำของนางไหลลงมาประบ่าเหมือนน้ำพุ
“อาจารย์ ท่านน่ะเอง ท่านไม่ได้กำลังฝึกฝนอยู่งั้นหรือ ? ทำไมท่านถึงออกมาข้างนอกได้ ? ” เสี่ยวเหยียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นางไม่เคยสัมผัสได้เลยว่าหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ออกไปไหนในหลายปีนี้ และเชื่อมาตลอดว่านางกำลังฝึกฝนอยู่
“ในตอนที่ข้าฝึกฝน ข้าบังเอิญต้องออกเดินทาง ข้าเพิ่งกลับมา เสี่ยวเยี่ย เสี่ยวเหยียน มีอะไรเกิดขึ้นที่เกาะสามเซียนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหรือเปล่า ? ” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไม่สนใจคำถามและถามกลับไปอย่างเย็นชา เสียงของนางไร้อารมณ์
เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยเข้าใจคำอธิบายของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ทันที เสี่ยวเยี่ยตอบกลับไป “อาจารย์ ทั้งหมดเป็นเพราะท่าน เกาะสามเซียนถึงได้สงบสุขเหมือนก่อนหน้า ไม่มีอะไรใหญ่โตเกิดขึ้น” เซียวดฉียนและเสี่ยวเยี่ยเดินไปที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อย่างมีความสุขในขณะที่พวกนางพูด
แม้ว่าพวกนางจะเป็นศิษย์ของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ที่ภายนอก แต่ลึก ๆ พวกนางก็เหมือนพี่สาวน้องสาวกันมากกว่า
ในตอนที่เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยมาถึงที่ข้าง ๆ นาง พวกนางก็พบว่านางกำลังอุ้มทารกที่ห่ออยู่ในผ้าอยู่ พวกนางนิ่งอึ้งทันที
“หืม อาจารย์ เด็กนี่คือใครกัน ? ” เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยพูดพร้อมกัน พวกเขาชะโงกและจ้องไปที่ทารกอย่างอยากรู้
อารมณ์ผสมปนเปปรากฏขึ้นในสายตาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ นางก้มหัวลงและมองไปที่ทารกที่กำลังนอนอยู่แล้วพูด “มีสงครามในอาณาจักรเล็ก ๆ บนทวีป เด็กคนนี้นอนอยู่กลางกองศพและเลือด พ่อแม่ของเขาตายไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงสงสารเขาและพาเขากลับมา”