ตอนที่ 1087: เรียนทักษะคำทำนายสุดยอด
“และตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบของทวีปเทียนหยวนทั้งหมดก็มียุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่เป็นแบบเดียวกันกับตระกูลเจียงหยางอยู่ พวกมันถูกส่งต่อมาตั้งแต่อดีตที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้ทิ้งเอาไว้” เจี้ยนเฉินรู้ความลับมากมายจากบันทึก
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็ตรวจสอบความเข้าใจและประสบการณ์ในการฝึกฝนที่ผู้อาวุโสบางคนทิ้งเอาไว้ เขาออกจากห้องสมุดหลังจากที่อยู่ในนั้นมาสองวันเต็มเต็ม แม้ว่า บันทึกพวกนั้นจะประเมินค่าไม่ได้และเป็นเหมือนตำนานของใครบางคน แต่ส่วนใหญ่มันก็ไม่เป็นประโยชน์กับเขา ทั้งหมดที่เขาได้คือข้อมูลบางอย่างที่ทำให้เขามีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
ในตอนท้าย เจี้ยนเฉินก็ไปยังที่ที่เก็บทักษะการต่อสู้และวิธีการฝึกฝน เขาพบทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์และวิธีการฝึกฝนหลายสิบอัน เช่นเดียวกับวิธีการฝึกฝนระดับเซียนที่ถูกผนึกเอาไว้ด้วยพลังและและยังมีหินบางชิ้นที่สลักคำว่าทักษะการต่อสู้ระดับเซียนเอาไว้ด้วย
เจี้ยนเฉินเอาพู่กันและหมึกออกมาจากแหวนมิติของเขาและเริ่มคัดลอกทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์และทักษะการฝึกฝนบางอันก่อนที่จะออกไปจากห้องสมุด แม้ว่าพวกมันจะไม่มีประโยชน์กับเขา แต่มันก็มีค่ามากต่อตระกูลเจียงหยางที่เมืองลอร์และกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี
เจี้ยนเฉินไม่สนทักษะการฝึกฝนระดับเซียน พวกมันถูกผนึกเอาไว้โดยทักษะลับโบราณและสามารถปลดผนึกได้ด้วยด้วยวิธีการเฉพาะเท่านั้น เขาไม่สามารถอ่านมันได้เลย ในอีกมุมหนึ่ง ทักษะการต่อสู้ระดับเซียนนั้นถูกสลักเอาไว้ที่ศิลาหิน ถ้าเขาไม่เอาแผ่นหินออกไป ก็ไม่มีทางใดอีกแล้วที่จะคัดลอกเนื้อหาของมันได้
ที่ตรงนี้เก็บทักษะลับโบราณที่ถูกปกคุลมไว้ด้วยชั้นพลังงานที่ทรงพลังของโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่ ส่วนนี้เป็นเหมือนโลกที่แยกตัวออกไป ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงไม่สามารถเข้าไปได้ถึงแม้ว่าเขาอยากจะเข้าไป
เจี้ยนเฉินกลับไปที่โถงประชุมของโถงศักดิ์สิทธิ์หลังจากที่ออกมาจากห้องสมุด จากนั้นเขาก็ตรงไปที่เจียงหยาง ซู หยวนเซียวเพื่อที่จะถามเรื่องหวงหลวน
“เหลนข้า ชิงหยุนยังไม่ออกมาเลย เขาอาจจะยังเอาทักษะลับโบราณออกมายังไม่สำเร็จ เพราะว่าวิชาลับใดใดก็ตามที่มีผลกับวิญญาณนั้นยากที่จะรับมือได้ การทำอะไรโดยไม่ระวังจะส่งผลที่ร้ายแรงได้ รออีกซักสองสามวันเถอะ เจ้าอย่ารีบร้อนเลย” เจียงหยาง ซู หยุนเซียวถอนหายใจ
เจี้ยนเฉินอยู่ที่ตระกูลผู้พิทักษ์ต่ออย่างช่วยไม่ได้ ระหว่างเวลานั้น เขาก็เดินไปเดินมาด้านนอกห้อง แต่เขาก็ไม่ได้ไปยุ่งเรื่องด้านในห้องแม้แต่น้อย พลังแห่งการมีอยู่ของเขาไม่สามารถทะลุผ่านกำแพงของโถงศักดิ์สิทธิ์ไปได้
เจี้ยนเฉินเจอห้องว่างและวางแผนที่จะเก็บตัวฝึกอยู่ในนั้นเพราะเขาเกิดเบื่อขึ้นมา
ในห้องมีเพียงแสงเพียงลำเดียว เจี้ยนเฉินนั่งบนพื้น เขาพลิกฝ่ามือแล้วเอาโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดออกมาจากแหวนมิติของเขา
โถงศักดิ์สิทธิ์สร้างขึ้นได้โดยเซียนจักรพรรดิเท่านั้น และมันก็หลอมรวมเข้ากับมิติ นี่เป็นเหตุผลที่มันสามารถหดขยายได้ มันกำลังอยู่ในมือของเจี้ยนเฉินด้วยขนาดที่เท่ากำปั้น
“โถงศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายย่อยยับโดยไคเซอร์จากทวีปสัตว์เทวะ พลังของมันยังคงไหลเวียนอยู่ด้านในและกำลังฟื้นฟูตัวเองอย่างอัตโนมัติ แต่มันอาจจะใช้เวลานานมากด้วยอัตราเร็วนี้” เจี้ยนเฉินจ้องไปที่ซากของโถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเสียดายในใจ
มีโครงกระดูกที่สีขาวเป็นประกายของเซียนจักรพรรดิสองโครงตั้งอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ พวกมันถูกเก็บไว้โดยเจ้านายคนที่สองและคนที่สามของโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด กระดูกแต่ละโครงนั้นซ่อนพลังงานบริสุทธิ์มหาศาลเอาไว้ และเจี้ยนเฉินก็สามารถสัมผัสได้ลางลางถึงพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลและลึกซึ้งของโครงกระดูกแต่ละอันได้ พวกมันคือความลึกลับของธรรมชาติที่ได้หลอมรวมกันเป็นอย่างดีกับพลังงานบริสุทธิ์ที่อยู่ด้านในนั้น
เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าการดูดซับพลังงานในโครงกระดูกนั้นจะนำไปสู่ความเข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติในพลังงานนั้นได้ อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจมันนั้นขึ้นอยู่กับโชคและความสามารถ
“โครงกระดูกทั้งสองนี้เป้นสมบัติที่ไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปนี้ ถ้ามีโครงกระดูกของเซียนจักรพรรดิโผล่ขึ้นมา แม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์ก็ไม่อาจนั่งอยู่เฉยได้ พวกเขาต้องพยายามไปเอามาเป็นของพวกเขาแน่” เจี้ยนเฉินพึมพำ เขารู้คุณค่าของโครงกระดูกพวกนี้ดี
“พลังงานที่ใช้ในการเป็นร่างบรรพกาลขั้นที่สี่นั้นมากกว่าขั้นที่สามมาก แม้ข้าจะดูดพลังงานจากโครงกระดูกทั้งสองหมด มันก็ยังไม่พอที่จะทำให้ข้าไปถึงขั้นที่สี่ได้ ในเวลาเดียวกัน ข้าก็ไม่สามารถเป็นเซียนราชาได้ ดังนั้นความลึกลับของธรรมชาติก็จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ถ้าข้าให้มันกับหมิงตงหรือท่านทวดไป๋ไฮ่ ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะต้องพุ่งพรวดและกลายเป็นเซียนราชาได้ในเวลาอันสั้นแน่ มันน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุดที่จะใช้โครงกระดูกเซียนจักรพรรดิพวกนี้” เจี้ยนเฉินเก็บโถงศักดิ์สิทธิ์ไป เขาไม่คิดที่จะใช้โครงกระดูกเพื่อตัวเอง
จากนั้นเจี้ยนเฉินก็ดึงเอาหนังสือโบราณออกมาจากแหวนมิติของเขา มันคือทักษะคำทำนายสุดยอดที่เขาได้มาจากชายชราซิตูเมื่อหลายปีก่อน
ทักษะคำทำนายสุดยอดเป็นที่รู้จักในชื่อเส้นทางแห่งจิตวิญญาณกระบี่ มันอยู่ในหมวดหนทางแห่งคำทำนาย มันพิเศษมากและยากมากที่จะทำความเข้าใจได้ และมีคนเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่เข้าใจมันได้ อย่างไรก็ตาม ความมหัศจรรย์และความเฉพาะตัวของมันก็เหนือจินตนาการ มันสามารถทำนายอนาคต แสดงให้แห่งความจริงแห่งโลก ทำให้เข้าใจความลึกลับของจักรวาล และแสดงต้นกำเนิดของทุกอย่างได้
เจี้ยนเฉินเปิดหนังสือและเริ่มอ่านมันอย่างขันแข็ง เขาสนใจในหนังสือแห่งหนทางนี้มากเพราะมันสามารถทำนายอนาคตได้
วิธีการที่จะฝึกฝนวิชาคำทำนายสุดยอดนั้นไม่ได้บันทึกอยู่ในหนังสือ แทนที่กัน มันถูกเขี้ยนไว้เป็นเส้นและรูปภาพที่ดูธรรมดาธรรมดาแต่ลึกซึ้ง
เส้นและภาพดูเหมือนจะหลอมรวมกับธรรมชาติและหนทาง แม้ว่ามันจะเรียบง่าย แต่มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับมันได้ครอบครองทุกอย่าง รูปทรงและเส้นทางของทุกเส้นและภาพดูเหมือนจะแสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นของจักรวาล
เจี้ยนเฉินทำความเข้าใจมันในไม่ช้าและจมอยู่กับความลึกลับของวิชาคำทำนายสุดยอด ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะเห็นจักรวาลที่ไร้ขอบเขต และเขาดูเหมือนจะเห็นโลกแห่งความโกลาหลด้วย เขาดูเหมือนจะเห็นต้นกำเนิดของจักรวาลด้วยเช่นกัน และด้วยความมึนงงนั้นก็เหมือนว่าเขาจะเข้าใจบางอย่าง แต่เขาก็ไม่เข้าใจอะไรเลย มันจับต้องไม่ได้และเขาไม่สามารถเข้าใจมันได้แม้ว่าเขาจะพยายามก็ตาม
ทักษะคำทำนายสุดยอดนั้นลึกซึ้งมาก แค่ไม่กี่บรรทัด มันก็ทำให้เจี้ยนเฉินสติหลุดลอยไปอีกโลก
ในพริบตาเดียว ครึ่งเดือนก็ผ่านไป เจี้ยนเฉินยังอยู่ในห้องเพื่อทำความเข้าใจทักษะคำทำนายสุดยอด เขาจมลึกอยู่กับมันอย่างไม่วอกแวก
ในระหว่างช่วงเวลานี้ เจียงหยาง ซู หยวนเซียวและเจียงหยาง ซู เซียวได้มาหาเขาหลายครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าเขากำลังฝึกฝนอยู่ พวกเขาจึงไม่ได้รบกวนและจากไปอย่างเงียบ ๆ
ในอีกห้องหนึ่งของโถงศักดิ์สิทธิ์ เจียงหยาง ชิง หยุนที่เหมือนปราชญ์ก็นั่งอยู่กับหวงหลวน ทั้งคู่หลับตาและเคร่งเครียดมาก
นิ้วของเจียงหยาง ชิง หยุนยังจิ้มอยู่ที่หว่างคิ้วของหวงหลวน คลื่นพลังงานที่ทรงพลังถูกปล่อยออกมาจากปลายนิ้วของเขาในขณะที่พลังแห่งการมีอยู่ที่ลึกซึ้งของความลึกลับธรรมชาติที่ถูกแยกออกมาก็ไหลเข้าไปที่หน้าผากของหวงหลวน
ทันใดนั้นเอง เจียงหยาง ชิง หยุนก็ลืมตาขึ้น สายตาของเขาเป็นประกายแปลก ๆ ในตอนที่ลืมตาขึ้น มันดูดุร้าย
“ทำลาย ! ” เจียงหยาง ชิง หยุนคำรามออกมาและใช้วิชาลับโบราณด้วยความแข็งแกร่งของเขาที่เป็นเซียนราชาขั้นสูงสุด พลังแห่งการมีอยู่สองอันได้พุ่งเข้าไปกลางคิ้วของหวงหลวนเหมือนดาบและขับไล่ผนึกในวิญญาณของหวงหลวนออกมา หลังจากนั้น พลังแห่งการมีอยู่ลึกลับที่แยกตัวออกมาก็ได้ล้อมมันเอาไว้ เขาใช้ทักษะเสริมแกร่งช่องว่างวิญญาณในการเผาผนึกที่ถูกฝังไว้ในวิญญาณของหวงหลวนจนไม่เหลือซาก
ในตอนนี้ ผนึกในหัวของหวงหลวนได้ถูกเอาออกไปแล้ว เจียงหยาง ชิง หยุนอดไม่ได้ที่จะหายใจยาวออกมา เขาถอนหายใจเบา ๆ “ในที่สุดข้าก็เอาผนึกออกมาได้หลังจากพยายามอย่างหนัก” แต่ในไม่ช้าหลังจากที่เขาพูด รอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนหน้าของเขา เขาดูโหดเหี้ยมขัดกับภาพลักษณ์ที่เหมือนปราชญ์ของเขา
“ข้าไม่ช่วยเจ้าเอาผนึกออกเปล่า ๆ หรอกนะ มันมีบางอย่างอยู่ในนั้นเหมือนกัน” เจียงหยาง ชิง หยุนกัดไปที่ปลายนิ้วของเขาและเขาก็วาดเลือดบริสุทธิ์ที่หยดออกมาให้กลายเป็นผนึกด้วยมือของเขา เขาใช้ทักษะลับโบราณในการสกัดเลือด และมันก็ไหลเข้าไปในหว่างคิ้วของหวงหลวนเหมือนแส้ มันหลอมรวมกับวิญญาณของนาง และกลายเป็นส่วนหนึ่งในวิญญาณของนาง
หวงหลวนหลับตาไม่รู้สึกอะไรเลย นางหมดสติไปนานแล้วและไม่รับรู้โลกภายนอก
หลังจากที่ทำทั้งหมดไปแล้ว เจียงหยาง ชิง หยุนก็ยิ้มเมื่อเขาทำสำเร็จ อย่างไรก็ตาม เขาก็ทำตัวปกติเหมือนที่เขาทำก่อนหน้านี้ เขายื่นนิ้วไปที่หน้าผากของหวงหลวนเบา ๆ อีกครั้งก่อนที่จะปลุกนางขึ้นมา
หวงหลวนลืมตาขึ้นช้า ๆ นางมองไปที่เจียงหยาง ชิง หยุนด้วยความสับสนในตอนแรก แต่สายตาของนางก็เป็นประกายไม่นานหลังจากนั้น นางถามออกมาอย่างสุภาพ “ผู้อาวุโส ขอขอถามได้หรือไม่ว่าทักษะลับโบราณนั้นถูกเอาออกไปหรือยัง ? “
เจียงหยาง ชิง หยุนยิ้มอย่างเป็นกันเอง รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเมตตาในขณะที่เขาพูดออกมาช้า ๆ “มันถูกเอาออกมาได้สำเร็จ แม่หนู เจ้าไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว”
“ขอบคุณผู้อาวุโสมาก” หวงหลวนยินดีและขอบคุณเจียงหยาง ชิง หยุนทันทีหลังจากที่ยืนขึ้น
..
เจี้ยนเฉินได้ทราบอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับเรื่องที่ผนึกของหวงหลวนถูกเอาออกไป เขาหยุดทำความเข้าใจทักษะคำทำนายสุดยอดทันทีเพื่อที่จะไปพบนาง
ทักษะคำทำนายสุดยอดนั้นลึกซึ้งจริง ๆ แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเข้าไปสู่สภาพที่มหัศจรรย์ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจทักษะนั้นอยู่ดี อย่างไรก็ตาม เขาก็เข้าใจกฎบางอย่างของทักษะบ้าง
หวงหลวนยิ้มหวานให้เจี้ยนเฉินที่โถง “เจี้ยนเฉิน ทักษะลับโบราณที่ฝังอยู่ในวิญญาณของข้าได้ถูกเอาออกไปแล้ว”
เจี้ยนเฉินยินดีและขอบคุณเจียงหยาง ชิง หยุนอย่างซาบซึ้ง หลังจากที่พูดคุยไปสักครู่ เขาก็ร่ำลาทุกคนเพราะเขาจะออกไปจากตระกูลผู้พิทักษ์
“เซียงเทียน เจ้ากำลังจะไปแล้วหรือ ! ทำไมเจ้าไม่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันล่ะ ? ” เจียงหยาง ชิง หยุนเอ่ยถาม
“ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ ดังนั้นข้าจึงมีเวลาไม่มาก” เจี้ยนเฉินพูด
“ไปจัดการกับเรื่องสำคัญก่อนเมื่อเจ้าจำเป็นต้องไปทำ แต่ว่าเจ้าสามารถกลับมาที่ตระกูลได้ทุกครั้งถ้าเจ้ามีเวลา” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวและเจียงหยาง ซู เซียวเดินเข้ามาจากด้านนอก พวกเขาพูดกับเจี้ยนเฉิน
เจียงหยาง ชิง หยุนลังเล เขาพูดในตอนท้าย “เซียงเทียน เมื่อเจ้ามีเรื่องต้องทำ เจ้าควรจะไป แต่พวกเราหวังว่าเจ้าจะทิ้งพยัคฆ์ปีกเทวะไว้ที่ตระกูล พวกเราจะใช้ทุกอย่างที่พวกเรามีในการเลี้ยงดูมันและจัดพื้นที่ที่ใหญ่กว่านี้ให้มัน”
ท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าตระกูลเจียงหยางตะยังคิดถึงเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะและพยายามที่จะเอามันไปในตอนนี้อีก
“ข้าขอบคุณแทนเสี่ยวไป๋ด้วย ผู้อาวุโสชิงหยุน อย่างไรตาม เสี่ยวไป๋ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดใดในตอนนี้” เจี้ยนเฉินปฏิเสธอย่างไม่ลังเล ตระกูลเจียงหยางมีอยู่มาเป็นล้านปี พวกเขามีทักษะลับโบราณนับไม่ถ้วน ดังนั้นเขาจึงกังวลว่าพวกเขาจะใช้หนึ่งในวิชานั้นเพื่อควบคุมเสี่ยวไป๋หรือทำอันตรายกับเสี่ยวไป๋ถ้าเขาทิ้งมันไว้ที่นี่