ตอนที่ 1098 : ไปที่เกาะมังกรอีกครั้ง (2)
“มากับข้า” เทียนเจี้ยนยิ้ม จากนั้นเขาก็นำเจี้ยนเฉินไปที่วัง และในที่สุดเขาก็หยุดอยู่ที่หน้าจตุรัสใหญ่
ชายร่างกำยำสูง 3 เมตรกำลังเหวี่ยงขวานใหญ่อยู่ที่กึ่งกลางของจัตุรัสพร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาจากตัวของเขา จิตต่อสู้ที่ทรงพลังมากอบอวลไปทั่วจัตุรัส จิตต่อสู้ที่สูงนี้มีผลผลกระทบต่อวิญญาณของทุกคนและทำให้เลือดของพวกเขาเดือดพล่าน มันสามารถปลุกความฮึกเหิมทำให้อยากต่อสู้ซึ่งซ่อนอยู่ในใจของทุกคนให้ออกมาได้
ทุกการเหวี่ยงขวานของชายคนนี้ดูเป็นธรรมชาติ การเหวี่ยงแต่ละครั้งลื่นไหลและไร้ที่ติอย่างยิ่งหลังจากผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งประกอบไปด้วยความยิ่งใหญ่เหมือนว่ามันสามารถผ่าโลกออกเป็นสองซีกได้
เจี้ยนเฉินยังแม้แต่สัมผัสได้ถึงจิตต่อสู้ในขณะที่เขายืนอยู่ที่ขอบจัตุรัส เลือดในร่างของเขาเดือดพล่าน เขารู้สึกอยากจะหาคู่ต่อสู้สักคนเพื่อต่อสู้ด้วย
“เถี่ยต้าเป็นเทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์แน่ ความเร็วในการเพิ่มความแข็งแกร่งของเขานั้นน่าทึ่งมาก เขาไม่ได้ฝึกฝนอย่างจริงจังเลยในสองสามปีที่ผ่านมานี้ แต่เขาก็แข็งแกร่งถึงขนาดนี้แล้ว พลังงานในตัวของเขาอาจจะอยู่ในระดับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 แล้วในตอนนี้ แต่เขาน่าจะสู้กับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 8 ได้” เที้ยนเจียนอธิบายเสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยอารมณ์
ในตอนนี้ เถี่ยต้าดูเหมือนจะสังเกตเห็นแล้วว่าเจี้ยนเฉินมา เขาหยุดเหวี่ยงขวานของเขาและวิ่งมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับแบกขวานไว้ที่บ่า เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เจี้ยนเฉิน เจ้ามาซักที ข้าอยู่ที่นี่มานานมากเลย ข้ากำลังจะเบื่อตายอยู่แล้ว ช่วยพูดบางอย่างกับผู้อาวุโสเทียนเจี้ยนแทนข้าทีว่าให้ปล่อยข้าไป ข้าต้องการไปข้างนอก” เถี่ยต้าบ่น เมื่อหมิงตงไม่ได้อยู่กับเขา เขาจึงต้องอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้
“เถี่ยต้า อันที่จริงแล้วที่ข้ามาหาเจ้าในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะพาเจ้าออกไป” เจี้ยนเฉินยิ้ม
“จริงหรือ ? เจี้ยนเฉิน เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าไม่ได้กำลังหลอกข้าอยู่ ? ” ตาของเถี่ยต้าเบิกกว้าง ในขณะที่ใบหน้าของเขาแสดงความยินดีออกมา
“แน่นอน นี่เรื่องจริง ในฐานะที่เป็นสหายรักของเจ้า ข้าจะไม่หลอกเจ้าแม้ว่าข้าจะต้องตายก็ตาม” เจี้ยนเฉินตอบกลับ
เทียนเจี้ยนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดออกมาอย่างเคร่งเครียด “เจี้ยนเฉิน ตัวตนของเถี่ยต้านั้นพิเศษมาก ถ้าเจ้าพาเขาออกไปด้านนอก มันเป็นไปได้อย่างมากที่คนที่รู้เรื่องในครั้งโบราณกาลจะจำเขาได้ มันจะกลายเป็นปัญหาในตอนนั้น”
“อย่ากังวลไปเลย ผู้อาวุโสเทียนเจี้ยน เมื่อข้ากล้าพอที่จะพาเขาออกไป ข้าก็สามารถปกป้องเขาได้ แม้ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบจะมา พวกเขาก็ไม่สามารถแตะต้องเถี่ยต้าได้ ในเวลาแบบนั้น ทั้งหมดที่ข้าต้องทำคือ เอาเถี่ยต้าเข้าไปที่โถงจันทร์แจ่ม และพวกนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว” เจี้ยนเฉินมั่นใจ เขามีของที่รับรองความปลอดภัยของเถี่ยต้าได้
เทียนเจี้ยนไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเพราะเขารู้ว่าเจี้ยนเฉินได้ตัดสินใจแล้ว เขาเข้าใจพลังของเจี้ยนเฉินดีเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ห้ามเจี้ยนเฉินที่จะพาเถี่ยต้าออกไป
เจี้ยนเฉินออกไปจากเมืองทหารรับจ้างพร้อมกับเถี่ยต้า จากนั้นเขาก็ขอให้เฮยูเปิดประตูมิติไปที่เกาะมังกร เขาเข้าไปที่นั่นพร้อมกับเถี่ยต้า
พวกเขามาถึงที่ด้านนอกของเกาะมังกรหลังจากที่ผ่านประตูมิติเข้ามา พวกเขาได้กลิ่นลมทะเลที่ชื้น ๆ ทันทีและด้านล่างพวกเขานั้นก็เป็นทะเลสีฟ้าคราม ตรงหน้าพวกเขานั้นเป็นเขตที่มีหมอกหนามากที่สูงตั้งแต่ทะเลจนไปถึงท้องฟ้า
“เจี้ยนเฉิน ทำไมเจ้าถึงพาข้ามาที่นี่ล่ะ ? ” เถี่ยต้าเกาหัว ในขณะที่เขาถามเจี้ยนเฉินด้วยความสับสน
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างลึกลับ “เถี่ยต้า เจ้าจะรู้ทีหลังเอง มา ตามข้ามา แต่ระวังตัวด้วย เมื่อเจ้าเข้าไปในหมอกแล้ว มันจะเป็นอาณาเขตแห่งภาพลวงตา ทุกอย่างที่เจ้าเห็นในหมอกนั้นเป็นของปลอม ดังนั้นอย่าทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องจริง” เจี้ยนเฉินก้าวเข้าไปในหมอกก่อน ในขณะที่มีเถี่ยต้าตามติด ๆ ด้านหลัง เฮยยู่ที่อยู่ในชุดดำก้าวเข้ามาในหมอกเป็นคนสุดท้ายตามหลังทั้งคู่
ในขณะที่เขาผ่านหมอกไป ทั้งสามก็ได้เผชิญกับการโจมตีหลายครั้งจากปลาแปลก ๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาบาดเจ็บ ภาพลวงตาในหมอกปรากฏขึ้นมาเรื่อย ๆ และสร้างภาพออกมาหลายภาพเพื่อหลอนจิตใจของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้วิญญาณของเจี้ยนเฉินนั้นทรงพลังมากแล้ว พวกมันจึงไม่ได้มีผลกระทบกับเขามากนัก
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านปู่ ทำไมพวกท่านถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ ? ” ทันใดนั้นเอง เจี้ยนเฉินก็ได้ยินเสียงของเถี่ยต้า เห็นได้ชัดว่า เถี่ยต้านั้นตกอยู่ในภาพลวงอยู่ แม้ว่าจะมีคำเตือนจากเจี้ยนเฉินแล้ว แต่ภาพหลอนนั้นก็เหมือนจริงเกินไป มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกความจริงกับเรื่องลวง ซึ่งทำให้ผู้คนหลงไปกับภาพลวงได้อย่างง่ายดาย
หัวใจของเจี้ยนเฉินบีบรัด ในตอนที่เขาดึงแขนเถี่ยต้าและรีบออกไปจากอาณาเขตหมอก รอยรูปขวานศึกที่อยู่ที่หว่างคิ้วของเถี่ยต้าก็เริ่มเปล่งแสงสีทองจาง ๆ ออกมา ทันนั้นเอง จิตต่อสู้ที่ทรงพลังมากก็เริ่มเปล่งรัศมีออกมา ทำลายภาพลวง และทำให้หมอกสั่นไหวอย่างรุนแรง
“มันคือภาพลวงตา ภาพหลอนพวกนี้นั้นทรงพลังมาก ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงก่อนหน้านี้” เถี่ยต้าถอนหายใจด้วยความตกตะลึง
พวกเขาทั้งสามผ่านอาณาเขตหมอกมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาบินต่ำ ไม่สูงเกินสิบเมตร ในขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปที่กึ่งกลางเกาะ เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าก็ฉีกซากศพมีชีวิตทั้งหมดที่พวกเขาผ่านไปเป็นชิ้น ๆ
ในตอนที่เจี้ยนเฉินมาที่นี่พร้อมกับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ครั้งแรก พวกเขากลัวศพมีชีวิตพวกนี้มาก พวกเขาอ้อมหลบพวกนี้และไม่ต้องการที่จะให้พวกมันรู้ตัวง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้พวกศพมีชีวิตพวกนี้ก็ทำอะไรเจี้ยนเฉินไม่ได้แล้ว แม้แต่ศพมีชีวิตที่เป็นเซียนราชาก็อ่อนแอเหมือนมดปลวกต่อหน้าเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉิน เถี่ยต้า และเฮยยู่ ผ่านภูเขาและป่าไปมากมาย พร้อมทั้งทำลายอาคมกับดักไปในเวลาเดียวกัน พวกเขามาถึงที่แผ่นดินที่ว่างเปล่าที่กึ่งกลางของเกาะอย่างรวดเร็ว
“แปลกจริง ข้าจำได้ชัดเจนว่าเป็นที่นี่ ทำไมมันหายไปแล้วล่ะตอนนี้?” เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ ในขณะที่เขาพึมพำด้วยความสงสัย
“เจี้ยนเฉิน ทำไมเจ้าถึงพาข้ามาที่นี่ ? มีสมบัติบางอย่างที่นี่งั้นหรือ ? ” เถี่ยต้าอดไม่ได้ที่จะถามออกมาอีกครั้ง เขาสงสัยมาก
เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดอะไร หลังจากที่เขาขมวดคิ้วครุ่นคิดสักครู่ ความคิดหนึ่งก็แว่บเข้ามาในหัวของเขา เขาพึมพำกับตัวเอง “มีอาคมมากมายซ่อนอยู่ในเกาะมังกรนี้ มันยากมากที่คนทั่วไปจะตรวจจับมันได้ บางทีหยดเลือดของเอ่อหยินก็ถูกซ่อนอยู่ที่พื้นที่ว่างเปล่านี้เช่นกัน” เจี้ยนเฉินเชื่อในความคิดนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขาคิดถึงมัน หลังจากนั้น เขาก็เรียกเสือขาวออกมา และบอกเฮยยู่และเถี่ยต้าให้รอที่เดิม เขากระโจนไปบนหลังของเสือขาวและวิ่งไปรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง
เจี้ยนเฉินไม่กล้าที่จะเสี่ยงตัวเองกับอาคมกับดักที่สร้างมากจากหยดเลือดของเอ่อหยิน เอ่อหยินเป็นคนที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ ดังนั้นไม่ว่าเจี้ยนเฉินจะมั่นใจเพียงใด เขาก็ไม่อยากที่จะทดสอบกับความยิ่งใหญ่ของอาคมสังหาร เขายังจำที่ศพมีชีวิตเซียนราชาที่เขาไปในอาคมสังหารแล้วกลายเป็นเถ้าถ่านได้
ทันใดนั้นเอง ภาพที่เจี้ยนเฉินเห็นก็เปลี่ยนไป ภูเขาเขียวขจีหายไป และเปลี่ยนไปเป็นที่รกร้างที่มืดมิดทันที ไม่มีพืชที่นี่เลย และพื้นที่นี้ก็ทอดออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่มีใครรู้ว่ามันใหญ่ขนาดไหน
“ที่นี่ล่ะ” เจี้ยนเฉินยินดีในใจ และคิดถึงเรื่องเทพเจ้าสงครามคนก่อนที่เขาได้เจอที่นี่ทันที
จิตต่อสู้พุ่งพวยขึ้นทันทีในโลกที่มืดมัวนี้และปกคุลมไปทั่วบริเวณ มันูเหมือนจะไปกลายเป็นเขตแดนของตัวเองไป พลังที่หนาแน่นมีอยู่ในจิตต่อสู้ เหมือนกับว่าเจ้าของพลังนี่เท่านั้นที่เป็นผู้สุดยอด
เจี้ยนเฉินไม่ค่อยได้เจอกับจิตต่อสู้ที่มากมายขนาดนี้ มันดูเหมือนจะมีความยิ่งใหญ่ที่น่ากลัวที่สามารถฉีกมิติและทำลายโลกได้
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรงเหมือนว่ากำลังเกิดแผ่นดินไหว ร่างสีทองปรากฎขึ้นมาที่สุดสายตาของเจี้ยนเฉิน ร่างนั้นมีร่างที่ยิ่งใหญ่และอยู่ในเกราะสีทอง เขาถือขวานศึกสีทองไว้บนบ่า และตาของเขาก็ลุกไหม้ไปด้วยจิตต่อสู้ เขาดูเหมือนเกิดมาเพื่อสู้รบ
เขาคือเทพเจ้าสงครามจากครั้งโบราณกาล เอ่อหยิน แม้ว่าเขาจะเป็นร่างจากเลือดเพียงหยดเดียว แต่เขาก็ยังคงมีความยิ่งใหญ่ของเทพเจ้าสงครามอยู่
ร่างของเจี้ยนเฉินสั่น และเขาก็หน้าซีดทันที ทุก ๆ ก้าวที่เอ่อหยินเดินเหมือนย่ำไปที่หัวใจของเขา ซึ่งทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกเหมือนหัวใจของเขากำลังสลาย
สัมผัสของเจี้ยนเฉินนั้นทรงพลังมากกว่าเมื่อก่อน เพราะว่านี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้เจอกับอาคมนี้ แม้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 แต่เขาก็ช่างเปราะบางต่อหน้าร่างสีทองนี้ เขายังรู้สึกเหมือนจะพังทลาย และแม้แต่เซียนจักรพรรดิที่ตกอยู่ในอาคมนี้ก็ไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับเอ่อหยินได้
แม้ว่าความแตกต่างระหว่าง เซียนผู้คุมกฎ เซียนราชา และเซียนจักรพรรดินั้นจะใหญ่หลวง แต่ทั้งหมดก็อยู่ในขอบเขตเซียน เอ่อหยินนั้นเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิและก้าวเข้าไปสู่ขอบเขตดั้งเดิมแล้ว ขอบเขตดั้งเดิมและขอบเขตเซียนเป็นสิ่งที่อยู่ในขอบเขตการฝึกฝนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความแตกต่างนั้นเหมือนฟ้ากับเหว
ความแตกต่างระหว่างเซียนจักรพรรดิและคนที่อยู่ในขอบเขตดั้งเดิมนั้น เหมือนเทียบกับเซียนสวรรค์และเซียนผู้คุมกฎ
“เสี่ยวไป๋ พวกเราออกไปจากที่นี่กันเร็ว” เจี้ยนเฉินร้องบอกเสือขาว จิตต่อสู้ได้พุ่งเป้ามาที่เขาทำให้เขาขยับไม่ได้
ตาของเสือขาวเคร่งเครียด หลังจากที่มีจิตต่อสู้ที่สุดยอดปกคลุมมันอยู่ มันก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้เช่นกัน เสือขาวคำรามและกระโจนออกไปจากอาคมทันทีอย่างไม่มีติดขัดอะไร
ในขณะที่เสือขาวดึงเจี้ยนเฉินออกมาจากอาคม ฉากรอบ ๆ ก็กลับไปเป็นสภาพเดิม มิติด้านหลังพวกเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง พวกเขาสามารถเห็นหยดเลือดสีทองที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศได้อย่างชัดเจน
“เถี่ยต้า มาที่นี่เร็ว” เจี้ยนเฉินตะโกนเรียกเถี่ยต้า ที่ค่อนข้างอยู่ห่างออกไป
เถี่ยต้าและเฮยยู่พุ่งมาแต่ไกลทันทีและมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินในการก้าวไม่กี่ก้าว ทั้งสองจ้องตาไม่กระพริบไปที่หยดเลือดสีทองที่ลอยอยู่กลางอากาศ
“นี่มันอะไรกัน ? ข้ารู้สึกกลัวไปถึงส่วนลึกของวิญญาณเลย มันทำให้ข้าสั่น และข้าก็รู้สึกถึงพลังที่บริสุทธิ์และทรงพลังมากที่ซ่อนอยู่ด้านใน” เฮยยู่จ้องไปที่เลือดสีทองใกล้ ๆ เขารู้สึกตกตะลึงมาก เพราะแม้แต่เซียนจักรพรรดิยังไม่ทำให้เข้ารู้สึกตึงเครียดขนาดนี้เลย