ตอนที่ 1110: กลับไปที่เผ่าเต่า
“เจ้าวางแผนที่จะไปเอาผลไม้เซียนงั้นหรือ ? ” หงเหลียนจ้องไปที่เจี้ยนเฉิน ในขณะที่นางถามด้วยเสียงที่น่าพอใจ
“ใช่ ข้าต้องพยายามที่จะเอาผลไม้เซียนมาให้ได้ ข้าไม่รู้ว่าข้าจะรอดกลับมาหรือเปล่า ดังนั้นก่อนที่ข้าจะไป ข้าจะทิ้งเสือขาวเอาไว้ ข้ารบกวนพวกท่านทั้งสองดูแลเสือขาวด้วยในอนาคต” เจี้ยนเฉินตอบกลับอย่างเคร่งเครียด เขาคิดมาตลอดว่าที่ทั้งสามอยู่เคียงข้างเขามาตลอดก็เพื่อที่จะปกป้องพยัคฆ์ปีกเทวะ
“พวกเราจะไปกับเจ้าเมื่อเจ้าอยากไปที่รังมรณะ พวกเราทั้งหมดมีเกราะและอาวุธพลังงานดั้งเดิม ดังนั้น แม้แต่เซียนจักรพรรดิก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้ โอกาสที่เจ้าจะได้ผลไม้มาจะเพิ่มมากขึ้นถ้ามีพวกเราอยู่ข้าง ๆ ” รุยจินพูด
“วิญญาณแค้นน่าจะเป็นพลังหยินสุดขั้วในธรรมชาติ ในขณะที่ไฟของข้านั้นเป็นพลังหยางสุดขั้ว มันจะข่มวิญญาณแค้นได้พอดี ตราบใดที่สิ่งที่ทรงพลังที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพูดถึงนั้นไม่ปรากฏขึ้นมา ข้าเชื่อว่าวิญญาณพวกนี้คงเป็นอันตรายกับพวกเราไม่มากหรอก” หงเหลียนบอกสิ่งที่นางคิดออกมา
“ข้าขอบคุณผู้อาวุโสมากในการช่วยเหลือ” เจี้ยนเฉินยินดีมากทันทีเมื่อเขารู้ว่ารุยจินและอีกทั้งสองคนอยากจะไปกับเขาที่รังมรณะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เรื่องทั้งหมดคงจะง่ายมากขึ้นด้วยการช่วยเหลือของสามจอมยุทธที่เทียบเคียงกับเซียนจักรพรรดิได้
เจี้ยนเฉินออกไปจากมิติวัตถุวิญญาณ หงเหลียนถอนหายใจเล็กน้อยหลังจากที่เขาจากไป “ชีวิตของเจี้ยนเฉินสำคัญกว่าของพวกเราในตอนนี้ ข้ายอมบาดเจ็บดีกว่าที่จะเห็นเขาตาย”
รุยจินถอนหายใจเบา ๆ หลังจากนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกแล้วเขาก็พูดออกมา “ข้าไม่มีญาติสนิทมิตรสหายหรือใครอีกแล้วในโลกภายนอกนี้ แม้แต่บ้านเกิดของข้ายังกลายเป็นสุสานที่ศพมีชีวิตเร่ร่อนไปมา ตระกูลของข้าทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอย เจี้ยนเฉินเป็นความหวังเดียวของพวกเราที่จะหาตระกูลของพวกเรา ดังนั้นก่อนที่เขาจะทรงพลังมากพอ พวกเราจะให้อะไรเกิดขึ้นกับเขาไม่ได้ ไม่เช่นนั้น พวกเราจะไม่สามารถกลับไปที่ตระกูลของพวกเราได้”
“รุยจิน เจ้าเชื่อจริง ๆ หรือว่าเจี้ยนเฉินจะพาเราไปพบกับตระกูลที่หายไปของพวกเราได้จริง ๆ ? จู่ ๆ คนของพวกเราก็หายไปพร้อมกับพยัคฆ์ปีกเทวะ พวกเขาอาจจะไม่อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว เจี้ยนเฉินมีความสามารถขนาดนั้นจริง ๆ หรือ ? ” หงเหลียนจ้องลึกลงไปที่รุยจิน
“แม้ว่าพวกเราจะไม่เชื่อในความสามารถของเจี้ยนเฉิน พวกเราก็ควรจะยังเชื่อในพยัคฆ์ปีกเทวะ เพราะพยัคฆ์ปีกเทวะบอกว่าเจี้ยนเฉินจะพาพวกเรากลับไปหาตระกูลของพวกเรา เขาต้องมีเหตุผลของเขา มันไม่ใช่ว่าพวกเรามีทางอื่นนอกจากนี้ นี่เป็นความหวังเดียวของพวกเรา” รุยจินพูด
“ก่อนที่ข้าจะไปที่รังมรณะ ข้าจำเป็นต้องไปที่อาณาจักรทะเลก่อน เถี่ยต้า มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าอยู่ที่เมืองทหารรับจ้างในช่วงเวลานี้ รูปลักษณ์ของเจ้านั้นมันเตะตาเกินไป ข้าเกรงว่าบางคนที่จำเรื่องในครั้งโบราณกาลได้จะจำเจ้าได้” เจี้ยนเฉินพูดกับเถี่ยต้า เขากังวลมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เถี่ยต้าส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เจี้ยนเฉิน ความลึกลับของสงครามที่ทรงพลังจำนวนมากปรากฏขึ้นในหัวของข้า ข้ารู้สึกเหมือนว่ามันนั้นทรงพลังกว่าทักษะการต่อสู้สายเซียนเสียอีก และข้ายังได้รับความลึกลับของสงครามและประสบการณ์บางส่วนของท่านลุงเอ่อหยินมาอีก ข้าไม่กลัวตระกูลผู้พิทักษ์อีกต่อไปแล้ว แต่ข้าอยากจะไปที่รังมรณะกับเจ้า ข้าอยากท่องโลกไปกับเจ้า” เถี่ยต้าจริงจัง สายตาของเถี่ยต้าอ้อนวอน การที่จะได้ท่องโลกไปกับเจี้ยนเฉิน นั่นเป็นความปรารถนาที่เขาต้องการมากที่สุด ก่อนหน้านี้เขายังไม่แข็งแกร่งพอและมีแต่จะถ่วงเจี้ยนเฉินให้มีอันตรายยิ่งขึ้น แต่ในตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ดังนั้น เขาจึงไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป
เจี้ยนเฉินคิด เขารู้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของเถี่ยต้าในตอนนี้อาจจะไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย และเขาก็ยังคิดว่าประสบการณ์ของเถี่ยต้านั้นยังน้อยถึงแม้เขาจะเติบโตขนาดนี้ ดังนั้น เขาจึงตกลง “เอาล่ะ ถ้างั้นเมื่อข้ากลับมาจากอาณาจักรทะเล ข้าจะพาเจ้าไปที่รังมรณะกับข้าด้วย”
เถี่ยต้าตื่นเต้น เขายิ้มอย่างโง่งม “ถ้างั้น ข้าจะกลับไปบ้านก่อน เจี้ยนเฉิน อย่าลืมเรียกข้านะตอนที่เจ้าจะไปที่รังมรณะ”
“พวกเราอยู่ไกลจากทวีปเทียนหยวนมาก ข้าจะขอให้ผู้อาวุโสเฮยยู่สร้างประตูมิติให้กับเจ้า” เจี้ยนเฉินพูด
“ไม่จำเป็นหรอก ข้ากลับเองได้” เถี่ยต้ายักไหล่ เขาขอบคุณเฮยยู่สำหรับการช่วยเหลือก่อนที่เขาจะตะโกนออกมา “ความลึกลับของสงคราม ร่างทองคำทลายมิติ ! ” เถี่ยต้าเริ่มเปล่งแสงสีทองแสบตา เขากลายเป็นลำแสงสีทองที่พุ่งออกไปอย่างเร็ว หลายร้อยเมตรผ่านไป มิติด้านหน้าก็แยกเปิดออกและรูสีดำก็ปรากฏขึ้น เถี่ยต้าที่ยังถูกเคลือบไปด้วยแสงสีทองเข้มข้นก็พุ่งผ่านรูและหายไป
“อะไรกัน ! เขาพุ่งชนผ่านมิติด้วยร่างกายของเขา เขากำลังเคลื่อนที่ไปอีกเขตมิติ ! ” เฮยยู่ตกตะลึงอย่างควบคุมไม่ได้ในตอนที่เขาพูดสิ่งที่คิดออกมา เจี้ยนเฉินพูดไม่ออกและสติหลุดลอยไปสักพัก
เถี่ยต้าฝึกฝนในเส้นทางที่ต่างออกไป เขาไม่จำเป็นต้องเข้าใจความลึกลับในธรรมชาติ เขาไม่สามารถสร้างประตูมิติได้ แต่เขามีวิธีการอื่นที่ให้ผลเช่นเดียวกับการใช้ประตูมิติ
“ประตูมิติต้องถูกสร้างในมิติที่คงตัว และมันไม่สามารถทนการโจมตีใดได้หลังจากที่มันเกิดขึ้นมา ไม่งั้นมันจะพังทลาย ความสามารถของเถี่ยต้าดูเหมือนจะไม่มีข้อจำกัดแบบนั้น เขาดูเหมือนจะสามารถออกไปตามที่ต้องการได้แม้ในตอนที่มีการต่อสู้กัน นะ นี่มันทรงพลังมากกว่าประตูมิติมาก” เฮยยู่ถอนหายใจอย่างตกตะลึง
“ความสามารถของเทพเจ้าสงครามนี้น่ากลัวจริง ๆ เถี่ยต้าเพิ่งอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 4 เท่านั้น เขาก็ไม่ต้องกลัวตระกูลผู้พิทักษ์แล้ว แต่ในครั้งโบราณกาล เอ่อหยินเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิขึ้นไปอีกยังถูกสังหารโดยพยัคฆ์ปีกเทวะ พยัคฆ์ปีกเทวะนั้นทรงพลังอย่างเหนือจินตนาการจริง ๆ ” เจี้ยนเฉินลอบถอนใจอย่างมีอารมณ์
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็มุ่งหน้าไปที่อาณาจักรทะเล แม้ว่าม่านพลังของอาณาจักรทะเลจะป้องกันไม่ให้เซียนราชาจากที่อื่นเข้าไปได้ แต่มันก็ถูกเทพเจ้าแห่งท้องทะเลสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงไม่โดนข้อจำกัดนี้เนื่องด้วยความสัมพันธ์ของเขากับเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เขาสามารถผ่านเข้าไปได้โดยไม่มีอุปสรรค
จุดประสงค์หลักในการมาที่อาณาจักรทะเลของเจี้ยนเฉินคือน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลก เขาได้รู้มาจากจิตวิญญาณกระบี่ว่า น้ำนั่นสามารถรักษาผลกระทบจากการใช้เพลิงจุติของหงเหลียนได้
หงเหลียนถูกไคเซอร์สังหารไปหลายครั้งในการต่อสู้กับสองเซียนจักรพรรดิของทวีปเทพเจ้าสัตว์อสูรและมารราคะที่เกิดขึ้นที่เทือกเขาครอส นางคืนชีพขึ้นมาจากไปแห่งการเกิดใหม่ แต่ผลลัพธ์คือความแข็งแกร่งของนางจะลดลง และนางอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 5 ในตอนนี้ หงเหลียนนั้นเป็นกุญแจที่สำคัญในการเผชิญกับวิญญาณแค้นในรังมรณะ ดังนั้น มันจึงเป็นไปได้อย่างมากว่านางจะมีประโยชน์ที่สุดในทั้งสามคน ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงต้องการที่จะเอาน้ำมาเพื่อให้หงเหลียนฟื้นคืนความแข็งแกร่งของนาง และเพื่อเพิ่มโอกาสในการผ่านเข้าไปได้สำเร็จ
เนื่องจากเขาคงจะไม่ได้เผชิญหน้ากับเซียนราชาในครั้งนี้ แต่เป็นกลุ่มวิญญาณแค้นที่เป็นเซียนจักรพรรดิที่ถูกฆ่าไปในสงครามตั้งแต่ครั้งโบราณกาล แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีความแข็งแกร่งเหมือนแต่ก่อน แต่เจี้ยนเฉินก็ยังกดดันจากจำนวนของพวกนั้นอยู่ดี
ร่างลดตัวลงมาจากท้องฟ้าที่เทือกเขาห่างไกลในอาณาจักรทะเล เขายืนอยู่ที่ยอดสูงสุดแล้วสังเกตไปรอบ ๆ
เจี้ยนเฉินพลิกผ่ามือ แล้วดึงเอาแผนที่ของอาณาจักรทะเลออกมาจากแหวนมิติของเขา เขาใช้สภาพภูมิประเทศรอบ ๆ เพื่อระบุตำแหน่งของเขา เขาอยู่ในอาณาเขตของโถงเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในตอนนี้ และอยู่ห่างจากเผ่าเต่าเพียงไม่กี่ร้อยกิโลเมตรเท่านั้น
ฟุ้บ !
เจี้ยนเฉินกลายเป็นภาพพร่ามัว เขารีบใช้ทักษะมายาพริบตาและเคลื่อนที่ไปยังเผ่าเต่าอย่างรวดเร็ว
“พวกเราขอคารวะผู้คุมกฎ ! “
ทันทีที่เจี้ยนเฉินเดินผ่านทางเข้าหลักของเผ่าไป ยามรักษาการณ์ทั้งหมดด้านหน้าก็คุกเข่าลงหนึ่งข้างพร้อมกัน พวกเขาคารวะเจี้ยนเฉินพร้อมกัน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเคารพที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะหายไปหลายปีแล้ว แต่สถานะของเขาในเผ่าเต่าก็ยังดีเยี่ยม เกือบทุกคนในเผ่าจำเขาได้
การกลับมาของผู้คุมกฎหลังจากที่จากไปหลายปีทำให้เกิดความวุ่นวายใหญ่ในเผ่าเต่า ผู้อาวุโสทั้งหมดมารวมกันที่โถงประชุมแม้ว่าพวกเขาจะยุ่งขนาดไหนก็ตาม แม้แต่ผู้อาวุโสบางคนที่อยู่ในการฝึกฝนก็ยังออกมา
ในตอนที่เจี้ยนเฉินกลับมาที่เผ่าเต่า มีชายชราผมเทาที่ยืนด้านนอกในโถงศักดิ์สิทธิ์กลางของโถงเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เขากล่าว “ผู้อาวุโสอาคันตุกะ ผู้คุมกฎเผ่าเต่ากลับมาแล้ว”
หญิงที่อยู่ในชุดฟ้าลอยอยู่สองเมตรเหนือพื้นในโถง นางน่ารักและมีเสน่ห์มาก ในขณะที่ผมของนางประบ่าลงมาอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนน้ำตก มันปิดใบหน้านางไปส่วนหนึ่ง
ทันใดนั้นเอง หญิงคนนี้ก็ลืมตาเปิดขึ้น ตาของนางเป็นประกายเล็กน้อยและหายไปในพริบตา สายตาของนางนั้นสดใสมาก เหมือนว่ามันมีดวงดาวสุกสว่างอยู่ด้านใน มันมีเสน่ห์แปลก ๆ ที่ดึงดูดผู้คน
“ข้าเข้าใจละ เข้าไปได้” ฉิงยี่หยวนสังเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาและไร้อารมณ์
“ขอรับ ท่านผู้อาวุโสอาคันตุกะ” เสียงชราดังมาจากข้างนอกและชายชราก็ออกไป
ไม่นานหลังจากนั้น ร่างสีฟ้าก็ออกไปจากโถงกลาง มันเคลื่อนไปเร็วมาก และหายไปไกลในพริบตา
เจี้ยนเฉินนั่งอยู่อย่างปกติบนบัลลังก์ที่กึ่งกลางของโถง ผู้อาวุโสหลายคนของเผ่าเต่าเรียงเป็นสองแถวต่อหน้าเขาและรายงานสถานการณ์ของเผ่าเต่าทีละคน
“ผู้คุมกฎ ตั้งแต่พวกเราได้ความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสหลานจิง ซินเปียน และโมชาส การเอาเหมืองผลึกของพวกเรากลับมาก็ราบรื่นมาก พวกเราเอากลับคืนมาได้เกือบทั้งหมด ในขณะที่อันที่เหลือนั้นเป็นเหมืองที่มีคุณภาพเยี่ยมมาก มันสามารถผลิตเหรียญผลึกชั้นยอดได้ปริมาณมหาศาล และพวกมันก็อยู่ในการครอบครองของเผ่าใหญ่บางเผ่า”
“เผ่าเหล่านี้นั้นทรงพลังมาก ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมีนักรบวิญญาณทะเล 15 ดาวเท่านั้น พวกเขายังมีนักรบวิญญาณทะเล 16 ดาวด้วย หนึ่งในหัวหน้าเผ่าหนึ่งยังอยู่ในเกือบขั้นสูงสุดของ 16 ดาว เขาเป็นผู้อาวุโสของโถงเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และยังมีข่าวลืออีกว่าเขาจะกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดในไม่ช้า”
“ในระหว่างช่วงเวลาที่ท่านไม่อยู่ พวกเราหารือกับพวกเขาหลายครั้งที่จะเอาเหมืองที่เคยเป็นของพวกเรากลับมา อย่างไรก็ตาม พวกเราก็โดนปฏิเสธทุกครั้ง และบางครั้งยังเกิดความขัดแย้งอีกด้วย ผู้อาวุโสหลานจิง ซินเปียง และโมชาสยังได้รับบาดเจ็บอีก”
ผู้อาวุโสของเผ่าเต่ารายงานความจริงไป หลานจิง ซินเปียงและโมชาสเป็นผู้อาวุโสคุมวินัยสามคนของโถงวิญญาณสวรรค์ที่ไล่ล่าเจี้ยนเฉินเมื่หลายปีก่อน พวกเขาถูกเจี้ยนเฉินจับมา และพวกเขาก็ทำงานให้เจี้ยนเฉินในตอนนี้
“คนไหนกันของเผ่าที่กล่าวถึงที่ใกล้จะได้เป็นผู้อาวุโสประจำโถง ? ” เจี้ยนเฉินถาม เขาสนใจในจอมยุทธคนนี้มาก มีเพียงเซียนราชาขั้นสูงสุดเท่านั้นที่จะรับตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสประจำโถงได้ ดังนั้น มันจึงหมายความว่าคนผู้นี้เข้าใกล้เซียนราชาขั้นสูงสุดแล้ว
“เขาเป็นหัวหน้าเผ่าเต๋า” ผู้อาวุโสตอบกลับ