ตอนที่ 1161: การคงอยู่ที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ
หมอกพลังหยินชั่วร้ายม้วนเข้าหาทุกคนอย่างรวดเร็ว พวกมันไปถึงที่ที่พวกเขายืนอยู่ในไม่ช้า
รุยจินเพิ่งจะคำรามเสร็จ ดังนั้นเขายังไม่ทันได้หนี พลังหยินก็เข้ามาใกล้เขาแล้ว มันอยู่ห่างออกไปไม่เกิน 100 เมตรและระยะทางก็สั้นลงอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของรุยจินเปลี่ยนไปทันที พลังหยินชั่วร้ายยังไม่ได้เข้ามาข้างในวิญญาณของเขา แต่วิญญาณของเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง เขารู้สึกเวียนหัวอย่างมาก พลังหยินชั่วร้ายทรงพลังเสียจนรุยจินยังทำได้เพียงแค่อดทน
รุยจินกลายเป็นตื่นตัวมาก เขาเต็มไปด้วยความตกใจ ในฐานะมังกรทองเทวะ เขาเป็นดั่งราชามังกร เขามีข้อได้เปรียบด้านธรรมชาติของร่างกายและวิญญาณอย่างมาก พลังหยินยังไม่ทันได้โดนตัวเขา แต่มันก็ส่งผลกระทบต่อวิญญาณของเขาอย่างมาก เขาพบว่ามันยากที่จะยอมรับ
พลังดั้งเดิมปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขาและเปล่งแสงออกมาสลัว ๆ ปกคลุมร่างกายของเขา มันปกป้องวิญญาณของเขาพร้อมกับขจัดความไม่สบายทางวิญญาณของเขาทันที
ลูกปัดนั้นเป็นสมบัติที่สามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมดที่เกี่ยวกับวิญญาณ พลังหยินชั่วร้ายทรงพลังมาก แต่ก็เห็ฯได้ชัดว่ามันยังไม่พอที่จะทำลายสมบัติป้องกัน
ดวงตาของรุยจินประกายแสงสีทอง เขาจ้องมองไปที่โครงกระดูกขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในพลังหยินชั่วร้าย ก่อนที่จะมาอยู่ด้านหน้าเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว เขายืนอยู่กับหงเหลียนและเฮยยู่
เกิดอะไรขึ้นกับโครงกระดูกร่างนี้ ? รุยจินถามอย่างหงุดหงิด ก่อนหน้านี้เขาถูกจับอยู่ในมือของโมเทียนหยุนและตัดขาดจากโลกภายนอก ทำให้เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
มันปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลัน ไม่มีใครรู้ว่าทำไม แต่เป็นศัตรู หงเหลียนอธิบายด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
พลังหยินชั่วร้ายน่ากลัวมาก ไม่มีใครในหมู่มนุษย์ที่จะทนได้ หากพวกเขาตกอยู่ในหมอก พวกเขาจะตายทันที เราควรจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดก่อนที่จะมีใครสังเกตเห็น พริบตาข้าก็รู้สึกว่ารังมรณะซับซ้อนกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก เฮยยู่พูดพลางขมวดคิ้ว เขาเคร่งเครียดอย่างมาก
เซียนราชาของมนุษย์ทุกคนถอยกลับอย่างรวดเร็ว พวกเขาหลบเลี่ยงพลังหยินชั่วร้ายที่น่าหวาดกลัวต่อผู้คน ความกลัวทำให้เหลือคนจำนวนน้อยนักที่ยังคงคิดถึงผลไม้เซียนอีก
เซียงเอ๋อ เราไม่อาจอยู่ที่นี่ได้ รีบออกมาเร็ว เจียงหยางชิงหยุนจู่ ๆ ก็ปรากฏตัวอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินและพูดอย่างกังวล
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและมีความเย็นชากระพริบผ่านในดวงตาของเขา เขาไม่ได้สนใจเจียงหยางชิงหยุน เขาเมินเฉยอย่างสิ้นเชิง
เจียงหยางชิงหยุนที่ตอนนั้นได้ขจัดตราประทับลับโบราณในตัวของหวงหลวนและฝังตราประทับของเขาเข้าไปแทน การกระทำของเขาทำให้เจี้ยนเฉินโกรธเคืองเป็นอย่างมากและเขาได้เริ่มทำตัวเป็นศัตรูกับเจียงหยางชิงหยุน
ไปกัน ! รุยจินคำรามก่อนที่จะคว้าแขนเจี้ยนเฉินและออกมารอบนอก
พลังหยินชั่วร้ายแผ่ออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังช้ากว่าที่เซียนราชาจะบินได้ ด้วยการถอยกลับของพวกเขาทำให้พวกเขาห่างจากพลังหยินชั่วร้ายทันที พวกเขากำลังออกจากชั้นที่สามของรังมรณะ
ในเวลานั้นโครงกระดูกสีโลหิตคำรามขึ้นฟ้า มันไม่มีเสียง แต่สามารถเห็นระลอกคลื่นได้อย่างชัดเจน กระดูกทุกชิ้นแผ่กระจายพลังหยินชั่วร้ายอย่างไม่หยุดทำให้เกิดหมอกกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันเป็นกระจุก มันดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นทะเลโลหิต
พลังหยินชั่วร้ายจำนวนมากพุ่งขึ้นไปบนฟ้าทำให้มันกลายเป็นสีโลหิต ในเวลาเดียวกันผืนดินก็เริ่มที่จะกลายเป็นสีโลหิตจาง ๆ
รังมรณะทั้งสามชั้นเดิมจะมีพลังงานกั้นพลังชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาในชั้นที่สอง เดิมมันไม่ขวางกั้นผู้คนเข้าออกได้ แต่มันก็ก่อตัวขึ้นทันทีในตอนนี้สีโลหิตได้ล้อมชั้นสามไว้หมดแล้วเพื่อป้องกันมนุษย์ออกไป
เป็นไปได้อย่างไร ? โครงกระดูกสามารถควบคุมค่ายกลได้จริง ๆ พวกมันไม่ได้ถูกทำลายโดยโมเทียนหยุนเมื่อหลายปีก่อนหรอกหรือ ? มันจะควบคุมพวกมันตามความต้องการได้อย่างไร ?
ดูเหมือนว่าโครงกระดูกตัวนี้ได้พัฒนาสติปัญญาแล้ว มันซับซ้อนกว่าที่คิด มันกำลังใช้พลังหยินชั่วร้ายเพื่อเปิดใช้งานค่ายกลเหล่านี้หรืออาจจะใช้ค่ายกลเหล่านี้เพื่มเพิ่มผลลัพธ์ให้กับพลังหยินชั่วร้าย
เราไม่อาจออกไปได้ ทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อทำลายค่ายกลของมัน
เซียนราชาหลายคนใช้การโจมตีที่แรงที่สุดไปยังค่ายกลทันที อย่างไรก็ตามโมเทียนหยุนได้ทิ้งมันไว้เมื่อหลายปีก่อน แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีมันก็ยังคงทรงพลังเกินไป มันไม่ใช่สิ่งที่เหล่าเซียนราชาจะทำลายมันได้ ดังนั้นค่ายกลก็ไม่ได้รับผลกระทบไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีมันแรงแค่ไหน
รุยจิน, หงเหลียนและเฮยยู่ก็โจมตีออกมาเช่นกัน พวกเขาใช้สมบัติพลังงานดั้งเดิมกันอย่างพร้อมเพรียง แต่การโจมตีของพวกเขาได้แค่ให้มันสั่นไหวเท่านั้น มันยังไม่พอที่จะทำลาย
ผืนดินสั่นสะเทือนตลอดเวลา ขณะที่โครงกระดูกเดินเข้าหาพวกเขาทีละก้าว เท้าของมันราวกับภูเขาใหญ่และทุกครั้งที่มันกระทบพื้นทำให้เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง พลังหยินชั่วร้ายได้ไหลออกมาตามกระดูกของมันและม้วนตัวมาด้านหน้าใกล้พวกเขาเรื่อย ๆ
มนุษย์ทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัว พลังหยินชั่วร้ายเป็นดั่งเคียวพรากวิญญาณของพวกเขา มันไม่สนใจการป้องกันของพลังเซียนและทำลายวิญญาณโดยตรง แม้ว่าหลายคนจะรู้ทักษะลับโบราณ แต่พวกเขาก็ไม่มีวิธีจัดการกับพลังหยินชั่วร้าย
พวกเราทุกคนจะต้องตายวันนี้จริง ๆ หรือ ? มีคนร่ำไห้ออกมา พวกเขาได้ลิ้มรสความเสียใจแล้ว
เวรเอ้ย โครงกระดูกนี่อยู่ ๆ ก็มาได้อย่างไร ? ทำไมมันถึงไม่เคยออกมาให้เห็นในหลายปีมานี้และทำไมมันถึงมาปรากฏตัวในช่วงที่เราไม่มีเซียนจักรพรรดิ ? ผู้เชี่ยวชาญบางคนจากตระกูลผู้พิทักษ์สับสนและเต็มไปด้วยคำถามต่อโครงกระดูกปริศนาที่อยู่เบื้องหน้าทุกคน
เจี้ยนเฉินก็มีท่าทางน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาจ้องมองไปยังหมอกโลหิตด้านหน้าและเขาก็พูดว่า คนเหล่านี้ไม่อาจตายที่นี่ได้ ทวีปเทียนหยวนไม่อาจทนรับความสูญเสียเช่นนี้ได้ ผู้อาวุโสทำลายโครงกระดูกนี้ได้หรือไม่ ?
พลังหยินชั่วร้ายไม่อาจส่งผลต่อเราได้ ดังนั้นเราจึงสามารถลองดูได้ รุยจินพูด หลังจากนั้นเขากับหงเหลียนและเฮยยู่ก็โจมตีโครงกระดูกพร้อมกัน
แต่พลังของโครงกระดูกนั้นเกินความคาดหมายของใคร ๆ พวกเขาสามคนโจมตีโครงกระดูกด้วยอาวุธพลังงานดั้งเดิมของพวกเขา แต่สิ่งที่เหลืออยู่นั้นเป็นริ้วรอยตื้นเขินของพวกเขา การโจมตีของพวกเขามีพลังมากพอที่จะทำร้ายเซียนจักรพรรดิ แต่ไม่อาจทำร้ายโครงกระดูกนี้ได้
ในเวลานั้นมีไฟสีแดงวาบขึ้น กระบองกระดูกขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ในมือของโครงกระดูกและฟาดมาทางรุยจินและคนอื่น ๆ
ปัง ! ปัง ! ปัง !
พร้อมกับเสียงอื้ออึง 3 ครั้ง คนทั้งสามปลิวออกไปหลังจากที่ถูกโครงกระดูกฟาด เกราะพลังดั้งเดิมของพวกเขาก็หม่นแสงเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญทุกคนในตอนนี้ตกตะลึงอย่างมากกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ปากของพวกเขาอ้าค้างพร้อมกับใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อของพวกเขา
พวกเขาเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรทั้งสามดี พวกเขามีพลังพอที่จะต่อสู้กับเซียนจักรพรรดิ แต่พวกเขาไม่อาจต้านทานต่อการโจมตีของโครงกระดูกได้แม้เพียงครั้งเดียว
มันเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ โครงกระดูกมีความแข็งแกร่งกว่าสี่สุดยอดจอมยุทธจากสมัยโบราณ ผู้อาวุโสสูงสุดจากตระกูลผู้พิทักษ์ตะโกนออกมา เสียงของเขาสั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความสยดสยอง
ด้วยสิ่งเหล่านี้ทุกคนต่างก็หน้าซีด ความสิ้นหวังฉายชัดบนใบหน้าของพวกเขาทั้งหมด