ตอนที่ 1331: เผชิญหน้ากับเจ้าศาลา (2)
“จะ…เจ้ากลายเป็นจักรพรรดิแล้วงั้นหรือ ? ” เจ้าศาลาอุทานออกมา เขารู้สึกตะลึงอย่างมากในตอนนั้น เขายังจำได้อยู่เลยในตอนที่เจี้ยนเฉินหนีในสภาพลำบากหลังจากเขาได้ส่งแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 คนไล่ตามเจี้ยนเฉินไป ในตอนที่เขาปรากฏตัวในอาณาจักรทะเลครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน จนกระทั่งตอนนี้ เจี้ยนเฉินได้ก้าวไปถึงระดับที่เขาสามารถเทียบเท่าได้กับเจ้าศาลาและยังเป็นอันตรายต่อเจ้าศาลาอีกด้วย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ทำให้เขาตกตะลึง
อีกทั้งเจ้าศาลาเริ่มที่จะเชื่อว่าเจี้ยนเฉินก็เป็นจักรพรรดิและได้ตั้งใจซ่อนความแข็งแกร่งของเขาในอดีตที่ผ่านมา ถ้าไม่งั้นแล้วความแข็งแกร่งของเขาก็ลดลงเนื่องจากการบาดเจ็บ เพราะว่าไม่เคยมีใครที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาได้ด้วยอัตราเร็วขนาดนี้ อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่เคยได้ยินว่ามีคนทำได้มาก่อน
“ไม่ เจ้ายังคงไม่ใช่จักรพรรดิ พลังที่เจ้าใช้ก่อนหน้านี้มันแปลก ๆ พลังที่ทรงพลังแบบนั้นมันคืออะไรกัน ? ” เจ้าศาลาถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาของเขาเปล่งประกายในขณะที่กำลังศึกษาเจี้ยนเฉินอยู่
เจี้ยนเฉินยิ้มเยาะๆ ” พลังงานอะไรก็ช่าง มันไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญกว่าคือพลังนี้สามารถทำอันตรายเจ้าได้” เจี้ยนเฉินได้ไปถึงขอบเขตต้นกำเนิดกระบี่และตอนนี้สามารถบีบอัดปราณกระบี่ของเขาได้โดยไม่ต้องใช้อะไรเลย ปราณกระบี่ยาว 2 เมตรได้บีบอัดจากอากาศบาง ๆ มันเปล่งแสงพร้อมกับแสงสีขาวที่เข้มข้นในขณะที่มันพุ่งไปหาเจ้าศาลาด้วยความเร็วแสง
ปราณกระบี่เป็นการรวมตัวกันแห่งกฎ แม้ว่าเจี้ยนเฉินเพิ่งจะเข้าใจพื้นฐานของมัน แต่มันก็ยังคงทรงพลังมากอยู่ดี เมื่อปราณกระบี่ถูกยิ่งออกไป ความเข้มข้นของกระบี่ที่ทรงพลังซึ่งแผ่รังสีออกมาได้ปกคลุมไปรอบ ๆ เปลี่ยนทุกอย่างรอบ ๆ ให้กลายเป็นปราณกระบี่ การยืนข้าง ๆ มันจะทำให้รู้สึกเหมือนกับการยืนอยู่ในทะเลที่ประกอบไปด้วยเส้นลวดนับไม่ถ้วนของปราณกระบี่ การรู้สึกถึงความแหลมคมที่ไม่ปกติสามารถถูกรับรู้ได้จากทุกทิศทาง
ตอนนี้ เจ้าศาลาได้ตรวจสอบกระบวนการของการบีบอัดพลังของเจี้ยนเฉินอย่างชัดเจนแล้วซึ่งมันทำให้เขาแปลกใจอย่างมาก เริ่มแรกเขาคิดว่าเจี้ยนเฉินใช้พลังขนาดนั้นจะเป็นการลดพลังลงอย่างมาก แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเจี้ยนเฉินจะสามารถใช้มันได้โดยที่ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงสีหน้าแปลก ๆ ออกมาเลย เขาแสดงพลังออกมาอย่างง่าย ๆ
เจ้าศาลาเริ่มเครียดขึ้นแล้ว เขาไม่กล้าประมาทเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป พลังงานมหาศาลได้ไหลออกมาจากร่างกายของเขา ทำให้ดูเหมือนกับลูกบอลเปลวไฟสีน้ำเงินได้ห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ จากนั้นเขาก็บีบอัดเปลวไฟนั้นเป็นมังกรอสรพิษสีฟ้าซึ่งมีความยาวหลายร้อยเมตร
มังกรสีฟ้าคำรามอยู่ในอากาศและเสียงของมันได้สั่นสะเทือนบริเวณรอบ ๆ จนทำให้มิติสั่นคลอน แม้แต่พลังงานของโลกก็ตกอยู่ในอันตราย มันส่งผลกระทบไปทั่วอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษและได้ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตื่นตกใจ จากนั้นมันอ้าปากขนาดใหญ่และพุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉิน
ปราณกระบี่ของ เจี้ยนเฉิน ได้ถูกกลืนกินโดยมังกร แต่ต่อมาก็มีการระเบิดครั้งใหญ่เกิดขึ้น หัวของมังกรถูกระเบิดออกจนไม่เหลือซากและแม้แต่ร่างกายของมันก็แตกออกเป็นส่วน ๆ คลื่นสั่นสะเทือนที่น่ากลัวของพลังก่อความเสียหายอย่างรุนแรงในบริเวณรอบ ๆ ทำให้บริเวณนี้สั่นสะเทือนอย่างร้ายแรงและเริ่มพังทลายลงมา
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอาณาจักรทะเลมีการป้องกันของม่านพลังอยู่ แรงกระทบกันนี้ก็คงจะทำให้หลายร้อยกิโลเมตรกลายเป็นความว่างเปล่าไปแล้ว
แม้ว่ามิติจะจับตัวด้วยกัน แต่มันก็เกือบทำให้มิติของม่านพลังเกือบถึงขีดสุดที่มันสามารถทนได้
ด้วยการเคลื่อนไหว เจี้ยนเฉินได้พุ่งใส่เจ้าศาลาโดยใช้ทักษะมายาพริบตา ทิ้งไว้แต่ภาพร่ามัว เขาไร้ความรู้สึกในขณะที่การจ้องมองของเขากลับเฉียบคม แสงสีขาวทรงพลังได้ผุดขึ้นมาในมือขวาของเขา หลอมรวมเข้ากับพลังบรรพกาลก่อเกิดกระบี่ที่เขาใช้เพื่อแทงเจ้าศาลา
เจ้าศาลาไม่ได้ตื่นตกใจในการเผชิญหน้ากับอันตราย เขาไขว้แขนของเขาและสร้างโล่ป้องกันด้วยพลังของเขาในฐานะเซียนจักรพรรดิ เขาเข้าใจเกี่ยวกับพลังของเจี้ยนเฉิน หลังจากได้ทดสอบมันมาก่อนหน้านี้ มากไปกว่าการที่มันมีความเฉียบคมที่แน่นอน มันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากพลังของเซียนจักรพรรดิเลย
ตู้ม !
ด้วยการระเบิด ปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินได้ปะทะเข้ากับโล่ของเจ้าศาลา ทำให้เกิดรอยแตกร้าวบนนั้น มันค่อย ๆ แตกอย่างช้า ๆ แต่มันก็สามารถป้องกันการโจมตีของเจี้ยนเฉินได้สำเร็จ
ในตอนนี้ มิติได้ถูกแช่แข็งไว้ทันที ทำให้เจี้ยนเฉินขยับตัวไม่ได้
นี่คือเซียนจักรพรรดิที่ได้แช่แข็งมิติเอาไว้ มิติแช่แข็งนั้นทรงพลังยิ่งกว่าเซียนราชาที่พวกเขาจะสามารถไปถึงได้
“ผู้คุมกฎแห่งตระกูลเต่า เจ้าได้ใช้พลังนั่นที่อยู่ในระดับของจักรพรรดิ ไม่มีเวลาสำหรับเจ้าเพื่อที่จะบีบอัดมันขึ้นมาอีกอีกต่อไป ข้าอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าเจ้าจะสามารถทนกับการโจมตีของข้าได้ขนาดไหน เจ้าศาลายิ้มเยาะเย้ยขณะที่จิตสังหารของเขาได้ฟุ้งกระจายไปรอบ ๆ มือขวาของเขากลายเป็นกรงเล็บมังกรและพุ่งเข้าไปที่หัวใจของเจี้ยนเฉิน
นี้เป็นช่วงเวลาที่เขากำลังรออยู่ เขาได้สังเกตเรียบร้อยแล้วว่าเจี้ยนเฉินจำเป็นต้องทำการบีบอัดพลังงานใหม่ทุกครั้งที่เขาใช้มัน จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแล้วเขาได้ตัดสินใจใช้โล่เพื่อปัดป้องปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉิน จากนั้นเขาก็จะพยายามทำให้เจี้ยนเฉินบาดเจ็บอย่างหนักหน่วงก่อนที่ปราณกระบี่ของเขาจะถูกบีบอัดขึ้นมาอีกครั้ง
ดวงตาของ เจี้ยนเฉิน ได้ระเบิดออกด้วยแสงอันโชติ ร่างกายทั้งหมดของเขาเริ่มเปล่งแสงและถูกปกคลุมด้วยแสงของกระบี่ซึ่งมันปกป้องเขาเอาไว้ แม้ว่าเขาจะถูกกักเอาไว้ แต่มันไม่จำเป็นสำหรับเขาเลยในการเคลื่อนไหวเพื่อบีบอัดปราณกระบี่ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับความคิดของเขา ตราบใดที่วิญญาณของเขายังคงสมบูรณ์ เขาก็สามารถใช้ปราณกระบี่ได้ทุกเวลา
เจ้าศาลาโจมตีโล่ป้องกันของเจี้ยนเฉินด้วยกรงเล็บที่ทรงพลัง เสียงขูดแหลมคมดังออกมาเมื่อกรงเล็บกระทบกับแสง
อย่างไรก็ตาม มันยากในการปัดป้องกรงเล็บจากเจ้าศาลาด้วยเพียงลำแสง ลำแสงถูกแทงทะลุเข้าไปและกรงเล็บก็เริ่มพุ่งไปที่หัวใจของเจี้ยนเฉินต่อ อย่างไรก็ตามแรงที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีได้อ่อนแรงลงหลังจากได้แทงทะลุเข้ามาที่แสงปกป้อง
พรวด ! กรงเล็บได้แทงเข้าไปที่ร่างกายของเจี้ยนเฉิน เข้าไปที่อกของเขา ทำให้หัวใจของเขาเลือดออก
เจี้ยนเฉินหน้าซีด แต่เขาไม่ได้ส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่กรงเล็บของเจ้าศาลาแทงเข้าไปในอกของเขา มือขวาของเขาก็เอื้อมไปที่เจ้าศาลา
เจ้าศาลารู้สึกรังเกียจสำหรับการโจมตีนี้ สิ่งที่เขากลัวจริง ๆ คือ ปราณกระบี่ที่ถูกบีบอัดโดยเจี้ยนเฉิน เพราะมันเป็นเพียงอย่างเดียวที่ทำอันตรายต่อเขาได้ เขาไม่กลัวอะไรเลยถ้าไม่ใช่ปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉิน เขาคิดว่ากำปั้นของ เจี้ยนเฉิน จะทรงพลังมากแต่เนื่องจากมังกรอสรพิษ ร่างกายของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจกับมันมากมาย
ปัง ! กำปั้นของเจี้ยนเฉิน ทรงพลังมาก มันสร้างเสียงกระทบอย่างหนักเมื่อมันสัมผัสกับร่างกายของเจ้าศาลา
สีหน้าของเจ้าศาลาเปลี่ยนไปทันทีขณะที่เขารู้สึกถูกแทง ปราณกระบี่ที่ทรงพลังได้ผุดขึ้นผ่านร่างกายของเขา เมื่อเจี้ยนเฉินต่อยเขา ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บจากมัน