ตอนที่ 1343: อาวุธของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
วิญญาณชั่วร้ายได้พุ่งเข้าไปที่ม่านพลังแสงของ เจี้ยนเฉิน แต่เมื่อมันสัมผัสกับแสง พวกมันทั้งหมดต่างกรีดร้องออกมา ราวกับว่ากำลังโดนถูกแผดเผาอยู่ในหลุมไฟ
แม้ว่าแสงของเจี้ยนเฉินจะเหมือนกับม่านพลังที่ถูกบีบอัดโดยนักสู้คนอื่น ๆ มันค่อนข้างทรงพลังซึ่งมีความสามารถในการโจมตีด้วย เมื่อวิญญาณแค้นเหล่านั้นปะทะกับแสง ร่างกายของมันก็จะสลัวลงอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกระจายหายไป
ชั้นของการป้องกันของเจี้ยนเฉินจางลงเล็กน้อยหลังจากป้องกันวิญญาณเหล่านั้นได้ เนื่องจากการโจมตีของพวกมันอยู่เพียงระดับเซียนราชาเท่านั้น
วิญญาณที่อยู่รอบ ๆ พุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินอย่างไม่หยุดหย่อย พวกมันไม่สนใจว่าจะเป็นหรือตาย ในตอนนั้นพวกมันดูราวกับเป็นนักรบอำมหิตที่ไม่เกรงกลัวใด ๆ
ในที่สุด ชั้นการป้องกันของเจี้ยนเฉินก็เริ่มสั่นหลังจากการกระจายหายไปของวิญญาณแค้นพวกนี้ วิญญาณที่เหลืออยู่พุ่งเข้าไปที่หัวของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะเข้าใจความตั้งใจของพวกมัน ในขณะที่ริมฝีปากของเขายิ้มด้วยท่าทีแปลก ๆ เขาไม่ต่อต้านอีกต่อไปและปล่อยให้วิญญาณพวกนั้นเข้ามาที่สติของเขา
แม้ว่ายาดริมจะต่อสู้ด้วยความเข้มข้นสงครามกับวิญญาณจักรพรรดิ นางก็ให้ความสนใจไปกับสถานการณ์ของเจี้ยนเฉินอยู่เสมอ เมื่อเห็นว่าวิญญาณทั้งหมดได้เข้าไปที่หัวของเจี้ยนเฉิน นางอดวิตกกังวลไม่ได้เลย วิญญาณพวกนั้นมีทักษะการโจมตีวิญญาณของคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการป้องกัน การบาดเจ็บทางวิญญาณจะร้ายแรงกว่าการได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย ขนาดเซียนจักรพรรดิก็ไม่สามารถขจัดการโจมตีมากมายจากวิญญาณเซียนราชาได้ ไม่ต้องพูดถึงเจี้ยนเฉินผู้ที่มีพลังการต่อสู้ของเซียนจักรพรรดิ มันยังมีโอกาสที่พวกเขาจะตายได้
โชคร้ายหน่อยที่นางยังยุ่งอยู่กับศัตรูของนางและไม่สามารถเป็นอิสระไปไหนได้ ในเวลาเดียวกัน วิญญาณ ได้เข้าไปที่หัวของเจี้ยนเฉินเรียบร้อยแล้ว มันสายเกินไปที่นางจะเข้าไปช่วยเขา
ยาดริมให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับสถานการณ์ของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่นางกำลังต่อสู้กับวิญญาณจักรพรรดิ ความวิตกกังวลปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง นางไม่ต้องการให้เจี้ยนเฉินตายที่นี่
พรวด ! ยาดริมได้รับบาดเจ็บจากวิญญาณด้วยความประมาทของนาง นางกระอักออกมาเป็นเลือดและพ่นมันออกไป
ศัตรูของนางไล่ตามนางทันที ร่างกายวิญญาณกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสัมผัสได้อีกครั้ง กลายเป็นลูกบอลหมอกขณะที่มันลอยขึ้น มันก่อตัวเป็นกรงรอบ ๆ ยาดริม
แสงสีฟ้าเปล่งเข้าไปข้างในกรง ขณะที่แรงกระเพื่อมของพลังงานได้พุ่งไปรอบ ๆ ยาดริม สลัดความคิดของนางและโจมตีออกไปด้วยพลังของนางทั้งหมด เจตจำนงในการต่อสู้กับกรงวิญญาณ ข้างหลังนาง ร่างใหม่ที่ดูเหมือนกับเด็กหนุ่มได้ถูกบีบอัดตัวขึ้น มันมีพลังเพิ่มขึ้น ทุก ๆ การโจมตีของนางดูเหมือนจะสามารถทำลายข้าวของรอบ ๆ ได้
ยาดริมได้รับบาดเจ็บ แต่นางยังคงแข็งแกร่งอยู่ กรงสั่นอย่างแรง วิญญาณส่วนหนึ่งได้โจมตีในการต่อสู้กับนางข้างในกรง
เจี้ยนเฉินยังคงอยู่จุดเดิมโดยไม่เคลื่อนที่เลยแม้แต่นิดเดียวขณะที่วิญญาณนับโหลเข้าไปที่หัวของเขา เขาดูเหมือนกับรูปปั้น อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้กินเวลามากนัก เจี้ยนเฉินลืมตาไม่กี่วินาทีต่อมา แสงในตาของเขาเปล่งประกายด้วยความสนใจขณะที่เขาจ้องมองไปที่กรงของวิญญาณจักรพรรดิ จากนั้นเขาก็ส่งปราณกระบี่ทรงพลังไปในทิศทางนั้น
ตู้ม !
กรงหมอกรอบ ๆ ยาดริม กำลังแสดงให้เห็นว่ามันกำลังพังทลายจากการโจมตีของนาง
เมื่อพบว่าเจี้ยนเฉิน ไม่เป็นอะไร ยาดริมก็โล่งอกทันทีก่อนที่จะเพ่งความสนใจไปที่การต่อสู้ของนางกับวิญญาณนี้
ศัตรูของยาดริมมีความฉลาด เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่เป็นอะไร มันทำให้ตะลึงจนพูดอะไรไม่ถูกและไม่อยากจะเชื่อ
เจี้ยนเฉินใช้ทักษะมายาพริบตาและพุ่งไปที่วิญญาณนั้นอย่างรวดเร็วจนมองเห็นเขาไม่ชัด ปราณกระบี่ยาว 2 เมตรได้ถูกบีบอัดในมือของเขาซึ่งเขาใช้แทงไปที่วิญญาณด้วยแสงขาวสว่าง
ปราณกระบี่ได้แทงทะลุวิญญาณและทำให้มันส่งเสียงร้องออกมา หลุมขนาดเท่ากับกำปั้นถูกทำขึ้นโดยปราณกระบี่
สายตาของ ยาดริม มองไปที่ ๆ นางเห็น นางตกตะลึง ๆ การกระทำของเจี้ยนเฉินมีผลต่อวิญญาณพวกนี้มากกว่านาง
“เจี้ยนเฉินใช้พลังงานอะไรกัน ? ดูเหมือนจะอยู่ในระดับเดียวกับพลังของจักรพรรดิเลย แต่มันแข็งแกร่งกว่านั้น” ยาดริมคิด
วิญญาณจักรพรรดิค่อย ๆ เสียเปรียบเมื่อเจี้ยนเฉินและยาดริมร่วมมือกัน อย่างไรก็ตามปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินเป็นการบีบอัดของกฎ มันอันตรายกว่ามากต่อวิญญาณและยิ่งกว่ายาดริมเสียอีก
ทันใดนั้น วิญญาณกลายร่างเป็นหมอกและกระจายตัวเป็น 2 ตัว ทั้ง 2 ตัวแทงเข้าไปที่ขมับของเจี้ยนเฉินและยาดริมพร้อมกันเหมือนกับดาบ
แสงป้องกันของเจี้ยนเฉินไม่สามารถหยุดวิญญาณระดับจักรพรรดิได้ มันได้เข้าไปที่หัวของเขาจนสุด
ยาดริมก็ไม่โชคดีพอที่จะหลบมันเหมือนกับ วิญญาณได้โจมตีเข้าไปที่วิญญาณของนาง
วิญญาณระดับจักรพรรดิปรากฏตัวเป็นปีศาจสีขาวที่น่ากลัวในสติของเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะสามารถกลืนกินวิญญาณของเขาได้ ก็มีแสงสีม่วงฟ้าห่อหุ้มที่ตัวของปีศาจ
ภูมิทัศน์ของสติของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวขนาดใหญ่ปรากฏในที่ ๆ ศพนับไม่ถ้วนของผู้อมตะถูกทิ้งไว้เกลื่อนมิติ เลือดสีทองได้ลอยขึ้นท่ามกลางดวงเดา มันแผ่ออกมาด้วยความกดดันที่น่ากลัวและพลังงานพุ่งออกมา
ปีศาจสีขาวเริ่มสั่นหนักขณะที่ความกลัวเติมเต็มเข้าไปในดวงตาของมัน หลังจากนั้นมันกรีดร้องและหนีไปทันที มันหนีไปด้วยความเร็วที่เร็วกว่าตอนมันมาเสียอีกโดยไม่สนใจสติของเจี้ยนเฉินอีกต่อไป
ในเวลาเดียวกัน หว่างคิ้วของยาดริมได้ปรากฏแสงสีฟ้าออกมา มันเป็นตราประทับสีฟ้าของตรีศูลปรากฏออกมาทันที และออกมาจากใบหน้าของนางและขยายออกมาเป็นตรีศูลขนาดยาว 3 เมตรที่พยุงนางให้ลอยขึ้น มันปล่อยชั้นแสงสีฟ้าซึ่งห่อหุ้มร่างกายนางไว้
นี่เป็นอาวุธของพลังที่แท้จริง มันเป็นรูปร่างที่น่ากลัว พลังแห่งการมีอยู่ของมันทรงพลังกว่ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิหลายเท่า
วิญญาณถูกบังคับให้ออกมาโดยอาวุธนั้นและมันหลอมรวมกับอีกครึ่งหนึ่งของมันก่อนที่มันจะมองไปที่ เจี้ยนเฉินด้วยความหวาดกลัว มันหันหลังและหนี
ยาดริมเห็นความกลัวที่วิญญาณนั้นมองไปที่ เจี้ยนเฉิน นางตะลึงอย่างเห็นได้ชัดราวกับว่านางไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่นางเห็น จากนั้นนางก็มองไปที่เจี้ยนเฉินและหยุดคิดไปชั่วขณะ
เจี้ยนเฉินมองไปที่ทิศทางที่วิญญาณนั้นหนีไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะมองไปที่ยาดริม เขาจ้องค้างไปที่ตรีศูลที่อยู่เหนือหัวของนางขณะที่สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจ เขาพูด “เจ้าศาลา นั่นคือยุทธภัณฑ์จักรพรรดิหรือ ? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันทรงพลังกว่าอาวุธโบราณของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบล่ะ ? ”
ตรีศูลหดลงทันทีพร้อมกับแสงสลัว กลายเป็นตราประทับเหมือนเดิมก่อนหน้านี้ และฝังเข้าไปหน้าผากของ ยาดริมอีกครั้งและหายไป ยาดริมคิดว่าจะตอบอย่างไรดีก่อนที่นางจะพูด ” มันไม่ใช่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ มันเป็นอาวุธที่ฝ่าบาทเคยใช้ในครั้งอดีต”
“อย่างงั้นหรือ ? ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันทรงพลังขนาดนี้” เจี้ยนเฉิน เข้าใจ เห็นได้ชัดว่าอาวุธของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตดั้งเดิมไม่สามารถเทียบได้กับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิได้เลยในด้านของพลัง