ตอนที่ 1406: สัตว์อสูรระดับ 9
การมาถึงของเจี้ยนเฉินทำให้พระราชวังของอาณาจักรฉินหวงแตกตื่น ผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่ซึ่งเพิ่งกลับมาจากอาณาจักรเกอซุนพร้อมกับราชาและขุนนางและอาสาสมัครจำนวนมากออกมาต้อนรับเขา พิธีต้อนรับนั้นยิ่งใหญ่มาก นอกเหนือจากผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่แล้วทุกคนก็เทิดทูนเขา
เจี้ยนเฉิน,ราชาและผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่คนทักทายกันและถามถึงทุกข์สุขของกันและกัน จากนั้นเจี้ยนเฉินก็เข้าหัวข้อหลักว่า “ฝ่าบาท ไม่ทราบว่าองค์ชายสามฉินจี๋อยู่ในวังหรือไม่ ? ”
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเป็นเพียงผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาอายุประมาณเท่ากับลูกชายของเขา แต่ราชาก็ตอบอย่างสุภาพมากว่า ” ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ องค์ชายสามกำลังออกล่าสัตว์ ข้าจะส่งคนไปเรียกเขากลับมาให้”
“ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนี้ เรารู้จักกันมาระยะหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยรบกวนฝ่าบาทหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากฝ่าบาท ข้าคงจะไม่สามารถนำทหาร 500,000 คนจากอาณาจักรฉินหวงมายังอาณาจักรเกอซุนผ่านประตูมิติได้สำเร็จ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็ยังเป็นหนี้บุญคุณพระองค์ และข้าก็ไม่เคยลืมหนี้ของตัวเอง” เจี้ยนเฉินยิ้มบาง ๆ
ในที่สุดราชาก็ผ่อนคลาย เขารู้ว่าความกังวลที่เขารู้สึกก่อนหน้านี้ไม่ได้หนักหนาเลย สถานะของเจี้ยนเฉินนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก แต่เขาก็ยังเป็นคนเดิม เขาไม่เหมือนกับจอมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่ยโสโอหังอย่างไร้สาระและคิดว่าศักดิ์ศรีของตัวเองสำคัญที่สุด
ราชายิ้มอย่างเบาใจ เขาทำตัวสบาย ๆ และเริ่มคุยกับเจี้ยนเฉินเหมือนสหายสนิท
มีตำหนักสวรรค์ฉิน 5 แห่งภายในพระราชวังของราชวงศ์ฉินหวง มันเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในอาณาจักร เพราะเป็นสถานที่อาศัยที่เตรียมไว้สำหรับผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งห้า มันเป็นที่ที่พวกเขาบ่มเพาะอย่างสงบ
เจี้ยนเฉินเข้าพักอยู่ในตำหนักของเขาทันที ขณะที่เขารอให้ฉินจี๋กลับมา
เมื่อเขาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่ เขาอาจบอกให้พวกเขานำฉินจี๋มาด้วย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือกทำ เพราะฉินจี๋เป็นสหายที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเขา เขาวางแผนที่จะไปเยี่ยมอาณาจักรฉินหวงเป็นการส่วนตัวเพื่อพบเขาเช่นเดียวกับที่ปรึกษาจักรพรรดิที่ช่วยเขาและพ่อลูกและผู้นำกองทัพเทพดาบตะวันออก
ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ฉินจี๋ได้รับข่าวการมาถึงของเจี้ยนเฉินและรีบกลับมา เขารู้สึกประหลาดใจมากที่ได้เห็นเจี้ยนเฉิน ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าน้องชายผู้ต่อสู้เคียงข้างเขาในงานชุมนุมทหารรับจ้างจะไปถึงจุดสูงสุดของทวีป
ฉินจี๋ไม่เปลี่ยนแปลงมากนักแม้จะผ่านไปหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่พวกเขาพบกันครั้งล่าสุด นอกเหนือจากการเป็นผู้ใหญ่และมีสติมากขึ้น ตอนนี้เขาดูสูงส่งจากการเป็นสมาชิกของราชวงศ์ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาคล้ายกับฉินเซียวแล้ว เขากลายเป็นบิดาเช่นกัน เขาแต่งงานกับบุตรสาวของตระกูลผู้มีอำนาจในอาณาจักร ลูกของเขาอายุ 3 ขวบ
หลังจากกลับมาของฉินเซียว เซียวเทียน, เทียนลั่ว,ฉิงเส้าฟาน, ตงยี่จุนป่ายและเกาอวี่ฉิน ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าที่ไปยังอาณาจักรเกอซุนพร้อมกับเจี้ยนเฉิน พวกเขาก็มารวมตัวกันที่ตำหนักสวรรค์ฉินเพื่อมาเยี่ยมเยียนเจี้ยนเฉิน แม่ทัพทั้งสามแห่งกองทัพเทพดาบตะวันออก ฉินหวู่หมิง, ฉินหวู่เจี้ยนและฉินหวู่เทียนล้วนได้รับการเชิญจากเจี้ยนเฉินเช่นกัน พวกเขาจึงมารวมตัวกันที่ตำหนัก
เจี้ยนเฉินเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงในตำหนักสวรรค์ฉิน เขาต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยสุราชั้นยอด พวกเขาชนจอกกันอย่างสนุกสนาน เจี้ยนเฉินพูดคุยทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตกับพวกเขาโดยไม่ได้ว่างมาดว่าเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดเลย
หลังจากนั่งร่วมโต๊ะกับเจี้ยนเฉินไประยะหนึ่ง พวกเขาทุกคนต่างก็เข้าใจอารมณ์ของเจี้ยนเฉิน พวกเขาเริ่มต้นด้วยความระมัดระวังก่อนที่จะปล่อยให้ความเครียดค่อย ๆ คลายลง
“ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ข้ารู้มาก่อนแล้วว่าท่านจะต้องกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในทวีปนี้ ในท้ายที่สุด หลังจากไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่านก็กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป ข้าขอสรรเสริญและชื่นชม”
“ผู้พิทักษ์จักรพรรดิผู้นี้มีความสามารถสูงสุด เป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อนในทวีปเทียนหยวน ท่านเป็นที่รู้จักในนามของโมเทียนหยุนที่กลับชาติมาเกิด ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ข้าเชื่อว่าท่านจะเอาชนะโมเทียนหยุนในไม่ช้าก็เร็วและกลายเป็นผู้มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประวัติศาสตร์เคยจารึก
…
พวกเขายังคงพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ หลังจากที่มึนเมาเล็กน้อย แขกของเจี้ยนเฉินลืมไปว่าพวกเขาอยู่ในตำหนักสวรรค์ฉินซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีเกียรติและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในอาณาจักร โดยทั่วไปพวกเขาจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษในการเข้ามาในตำหนักสวรรค์ฉินแม้ว่าในฐานะที่ปรึกษาจักรพรรดิ
ดวงอาทิตย์ตกทางตะวันตกและกลางคืนก็มาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัว มันเติมเต็มความมืดมิดไปทั่วทั้งโลก ยามค่ำคืน เจี้ยนเฉินพากลุ่มของพวกเขาออกไปจากพระราชวัง พวกเขาพบสถานที่เงียบสงบเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง
หลายวันต่อมา พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นเซียนราชารวมถึงฉินจี๋ ทุกคนล้วนตื่นเต้นด้วยความปิติยินดี ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะจากไป เขามอบน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกแก่ฉินจี๋เพื่อเป็นของขวัญเล็กน้อยให้กับลูกชายของเขา
“ไม่น่าเชื่อเลย ผู้พิทักษ์จักรพรรดิเจี้ยนเฉินช่วยให้พวกเราทุกคนตัดผ่านเป็นเซียนราชาได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน..”
“ผู้พิทักษ์จักรพรรดินั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ เราเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น แต่เขาไม่เคยลืมสิ่งที่เราทำเพื่อเขาในอดีต เขามอบสมบัติสวรรค์ให้แก่เราโดยไม่คิดเล็กคิดน้อยเลย..”
ที่ปรึกษาจักรพรรดิฉินหวู่หมิงและคนอื่น ๆ ถอนหายใจอย่างปลาบปลื้มหลังจากที่เจี้ยนเฉินจากไป พวกเขายืนอย่างเงียบ ๆ ขณะที่จ้องมองไปในทิศทางที่เจี้ยนเฉินทิ้งพวกเขาไว้อยู่สักพัก
เจี้ยนเฉินบินไปยังมหาสมุทรบนกระบี่จือหยิง หลังจากที่การเดินทางไปยังอาณาจักรฉินหวง เขาได้พบกับฉินเซียวและฉินจี๋ พวกเขาทั้งคู่กลายเป็นพ่อที่ทำให้เจี้ยนเฉินคิดขึ้นมาได้ เขานึกถึงซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนซึ่งอยู่บนเกาะสามเซียนอันไกลโพ้น มันผ่านมาเป็นเวลาหลายปีแล้วตั้งแต่เขาได้เห็นซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนครั้งสุดท้าย เขาไม่ใช่บิดาที่ดี และเขาก็ไม่รู้เลยว่าซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนเป็นอย่างไรบ้าง
ในขณะนี้ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไป เขาหยุดกระบี่จือหยิงทันทีและยิงแสงสีทองจากกึ่งกลางหน้าผากของเขาไปข้างหน้า มันเป็นหอคอยทองคำเล็ก ๆ
นูบิสที่มีผมสีทองสีทองเปล่งประกายสวมเสื้อคลุมสีทองก็ออกมา เขายังคงอยู่ในท่านั่งโดยที่ดวงตาของเขาปิดอยู่ เขาส่องแสงสีทองไปรอบ ๆ คลื่นพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งออกมาจากเขาทำให้มิติโดยรอบสั่นไหว
“นูบิสตัดผ่านแล้วจริง ๆ ! ” เจี้ยนเฉินรู้สึกดีใจมาก สัตว์อสูรระดับ 9 ตัวที่สี่กำลังจะปรากฏ
นูบิสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในขณะที่เขาตัดผ่านเป็นเซียนจักรพรรดิ แสงสีทองอันน่าตื่นตาของเขาส่องสว่างบนท้องฟ้ายามค่ำคืน แสงสีทองส่องไปรอบ ๆ เหนือเขา แก่นพลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ารวมตัวกันเป็นอสรพิษทองคำเมื่อมันทะลุเมฆ ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดเมฆกระทบอย่างรุนแรงในขณะที่แสงไฟกระพริบปรากฏขึ้นระหว่างเมฆ