ตอนที่ 1409: การเปลี่ยนแปลงของซ่างกวนเอ๋อเจี้ยน (3)
“อ๊า ! ท่านอาจารย์..เจี้ยนเฉินก็อยู่ที่นี่เช่นกัน” หญิงสาวสามคนเจอเจี้ยนเฉินทันทีที่พวกเขาหันมา พวกเขาแปลกใจ อย่างไรก็ตาม สายตาที่พวกเขาจ้องมองเจี้ยนเฉินมีหลายหลายความรู้สึก แม้แต่การเรียกเขาด้วยชื่อก็ฟังดูค่อนข้างน่าอึดอัด
เจี้ยนเฉินเปิดเผยความสัมพันธ์ของเขากับเสี่ยวเป่าในครั้งสุดท้ายที่เขามาที่เกาะ ทำให้พวกเขาทั้งสามรู้ว่าเสี่ยวเป่าเป็นบุตรชายของอาจารย์ของพวกเขา
สิ่งนี้ทำให้ทั้งสามคนตกใจ พวกเขาไม่อยากเชื่อ แม้แต่ตอนนี้ พวกเขายังไม่รู้ว่าจะเรียกเจี้ยนเฉินว่าอะไร
พวกเขาต้องเรียกเขาว่าอาจารย์เจี้ยนเฉินเหมือนในอดีต และปฏิบัติต่อเขาเหมือนแขกคนอื่น ๆ หรือพวกเขาต้องเรียกเขาว่าเป็นอาจารย์เขย ?
อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งสามก็ยังไม่ทราบว่าเจี้ยนเฉินไม่ใช่คนเดิมกับที่พวกเขาคุ้นเคยอีกต่อไป เขาไม่ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์หรืออารมณ์ แต่ความแข็งแกร่งของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างท่วมท้น เขากลายเป็นจอมยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักในฐานะโมเทียนหยุนคนที่สอง บางคนถึงกับเรียกเขาว่าเป็นโมเทียนหยุนที่กลับชาติมาเกิด
“ข้าไม่ได้เจอพวกเจ้าซะนาน เสี่ยวเหยียน เสี่ยวเยี่ย พวกเจ้าดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อน” เจี้ยนเฉินทักทายพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหันไปมองหญิงสาวของตระกูลเทียนฉิน ฉินฉิน เขากล่าวว่า “แม่นางฉินฉิน เจ้าได้ออกมาจากบ้านเกือบสิบปีแล้ว สิบปีไม่ใช่เวลาสั้น ๆ สำหรับครอบครัว สมาชิกในครอบครัวของเจ้าคิดถึงเจ้ามาก หากเจ้ามีเวลา เจ้าควรกลับไปเยี่ยมพวกเขา” เจี้ยนเฉินบอกข้อความที่รับฝากมาจากฉินเซียว เมื่อเขากลับไปหาฉินเซียวแห่งตระกูลเทียนฉินเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้รู้ว่าฉินเซียวคิดถึงน้องสาวของเขามาหลายปีแล้ว น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งต่ำของเขาทำให้เขาไม่สามารถเดินทางไปได้ไกล ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยังยั้งความคิดถึงไว้
แม้ว่าฉินเซียวจะกลายเป็นเซียนราชาในตอนนี้และได้รับความสามารถในการใช้ประตูมิติเพื่อที่เขาจะได้เยี่ยมชมสถานที่ใดก็ได้ในทวีป แต่เจี้ยนเฉินก็ลืมที่จะบอกที่ตั้งของเกาะกับฉินเซียว คงเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่เซียนราชาจะค้นหาเกาะเล็ก ๆ ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่โดยไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอน
มหาสมุทรสามารถพบได้ในทั้งสี่ทิศทางเช่นกันและที่สำคัญมันกว้างใหญ่กว่าทวีป
ฉินฉินมองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่ผสมผสานในช่วงเวลาที่นางเห็นเขา ความคิดของนางยุ่งเหยิงไปหมด เมื่อนางได้ยินเจี้ยนเฉินพูดถึงครอบครัวของนาง นางจึงสามารถรวบรวมความคิดเข้าด้วยกัน นางพูดด้วยความทรงจำและความเศร้าโศก “อาจารย์เจี้ยนเฉิน ท่านพ่อของข้าและคนอื่น ๆ สบายดีหรือไม่ ? ”
“พวกเขาสบายดี ตระกูลเทียนฉินเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงในตอนนี้ พวกเขาได้กลายเป็นตระกูลผู้นำของห้าตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรซูย่า พวกเขาเป็นรองเพียงราชวงศ์ และในตอนนี้ชื่อเสียงของตระกูลเทียนฉินน่าจะแพร่กระจายไปทั่วทวีปแล้วโดยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในทวีปนี้..” เจี้ยนเฉินพูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลเทียนฉินและบอกทุกสิ่งที่เขารู้ รวมถึงเรื่องที่ฉินเซียวกลายเป็นพ่อ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ฉินเซียวกลายเป็นเซียนราชา
ฉินฉินคิดถึงครอบครัวของนาง นางรู้สึกเศร้า นางไม่ได้ใส่ใจกับข่าวเกี่ยวกับชื่อเสียงของตระกูลเทียนฉินที่โด่งดังไปทั่วทั้งทวีป นางเงียบลงหลังจากรู้ว่าครอบครัวของนางสบายดี นางจ้องมองผ่านเจี้ยนเฉินและเสี่ยวเป่าด้วยความงุนงงเล็กน้อยและยังคงนิ่งเงียบ
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จ้องมองฉินฉินก่อนที่จะพูดกับเจี้ยนเฉินว่า “เจ้าได้เจอกับเสี่ยวเป่าแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าควรไปได้แล้ว” เสียงของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เย็นชามาก นางพูดกับเจี้ยนเฉินตรง ๆ ให้เขาออกไป การปรากฏตัวของเขาทำให้นางไม่พอใจ
เจี้ยนเฉินส่งเสียงกระแอม ขณะที่เขาต้องการพูดอะไรบางอย่าง เสี่ยวเป่าก็เกาะติดเขาแน่นและพูดแทนเขาว่า “ไม่, ไม่, ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อกลับ ข้าไม่อนุญาตให้ท่านไป ท่านแม่ ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อไป”
“เสี่ยวเป่า ฟัง ! ” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เรียกอย่างโมโหด้วยน้ำเสียงต่ำ อย่างไรก็ตาม สายตาที่นางมองเสี่ยวเป่ายังคงแสดงถึงความรัก
“ไม่, ไม่, ข้าไม่อยากฟัง ข้าต้องการพ่อ ข้าต้องการให้พ่ออยู่กับข้า ท่านพ่อไม่ได้มาเยี่ยมข้านานแล้ว ข้าคิดถึงพ่อ ข้าอยากให้พ่ออยู่ที่นี่กับข้าและท่านแม่” เสี่ยวเป่า คนที่เชื่อฟังหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มาตลอด คราวนี้เขาไม่ยอมฟังนางโดยไม่ลังเล ราวกับว่าพ่อของเขาซึ่งเขาไม่ได้เห็นมานานหลายปีมีความสำคัญมากกว่าแม่ของเขาซึ่งอยู่เคียงข้างเขาและรักเขาตลอดเวลา
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์หน้าตึง สีหน้าของนางแสดงความโกรธอย่างชัดเจน ในเวลาเดียวกัน นางรู้สึกหมดหนทางในใจ รวมถึงวันนี้ เสี่ยวเป่าเพิ่งพบกับเจี้ยนเฉินเพียง 3 ครั้งนับตั้งแต่เขาเกิด การเจอกันแต่ละครั้งก็ใช้เวลาไม่นานเช่นกัน แต่เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะดำรงตำแหน่งสำคัญมากในหัวใจของเสี่ยวเป่า ความรู้สึกของเสี่ยวเป่าที่มีต่อเจี้ยนเฉินไม่ได้ลดลงตามกาลเวลาเลย
พวกเจ้าออกไปก่อน ! ” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์โบกมือแล้วบอกให้เสี่ยวเหยียน, เสี่ยวเยี่ย, และฉินฉินกลับไป
เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยมองหน้ากันก่อนที่จะถอยกลับไปพร้อมกับฉินฉิน พวกเขากลับไปพร้อมกัน
หลังจากที่พวกเขาไป เจี้ยนเฉินก็ตรวจสอบเสี่ยวเป่าอย่างระมัดระวัง เขามุ่งเน้นไปที่ความแข็งแกร่งของเสี่ยวเป่าและค้นพบว่าร่างกายของเขานั้นแข็งแรงมากแม้ว่าเขาจะยังไม่ถึงขั้นแรกก็ตาม เขาสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการฝึกบ่มเพาะพลังบรรพกาล
“ครั้งนี้ ข้าจะใช้เวลาสองสามวันบนเกาะสามเซียนและแนะนำการบ่มเพาะให้กับเสี่ยวเป่าโดยเฉพาะ เสี่ยวเป่าครอบครองร่างบรรพกาล เขาฝึกฝนพลังบรรพกาลและเดินเส้นทางการบ่มเพาะที่แตกต่างจากบรรทัดฐาน เจ้าไม่เข้าใจเส้นทางนี้ แต่มันก็เป็นเส้นทางที่ข้าเลือกเดินเช่นกัน” เจี้ยนเฉินอธิบาย
คราวนี้หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไม่ได้พูดอะไร นางจ้องเสี่ยวเป่าก่อนที่จะล่องลอยไปหลังจากที่ค่อนข้างลังเล นางหายไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขา
” ข้าดีใจมาก ! ในที่สุดท่านพ่อก็ใช้เวลาอยู่กับข้า ! ” เสี่ยวเป่าส่งเสียงดีใจเมื่อเขาได้ยินว่าเจี้ยนเฉินจะอยู่ต่อสักพักหนึ่ง
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ตั้งใจเจาะถ้ำบนภูเขาเพื่อใช้เป็นสถานที่ซึ่งทั้งสองสามารถอยู่ได้
ถ้ำไม่ได้ใหญ่โตแต่มันกว้างมาก เจี้ยนเฉินติดตั้งไข่มุกราตรีจำนวนมากไว้ในถ้ำสลัว ไข่มุกแต่ละเม็ดปล่อยแสงที่อ่อนโยน ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นเวลากลางวันในถ้ำ
ในถ้ำ เสี่ยวเปานั่งลงและเริ่มฝึกฝนภายใต้การนำของเจี้ยนเฉิน กระบี่ทั้งสองที่หลังของเจี้ยนเฉินส่องประกายแวววาว แสงจากกระบี่รวมตัวกันอย่างกระจัดกระจายกลายเป็นชายหนุ่มและหญิงสาว พวกเขามุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังเสี่ยวเป่าในขณะที่เขาบ่มเพาะ
ข้าง ๆ เสี่ยวเป่านั้นมีผลไม้ที่ถูกปอกเปลือกจำนวนมากและของเสียที่ไร้ประโยชน์อื่น ๆ ที่มาจากสมบัติสวรรค์
แม้ว่าเสี่ยวเป่าจะมีร่างบรรพกาลแต่กำเนิดที่หายากซึ่งมีศักยภาพไม่รู้จบ แน่นอนว่าเขาจะมีอนาคตอันรุ่งโรจน์ ซึ่งต้องแลกมาด้วยราคาสูง ราคาที่ต้องมันเรียกร้องคือพลังงานสำหรับการบ่มเพาะ ซึ่งจะเกินจินตนาการของทุกคน ร่างบรรพกาลปกติก็เป็นเช่นนั้นและร่างบรรพกาลแต่กำเนิดก็ไม่ได้ยกเว้นเช่นกัน
เนื่องจากพลังบรรพกาลนั้นมีพลังมากเกินไป ปริมาณพลังงานของโลกในทวีปเทียนหยวนจึงจำเป็นต้องใช้พลังบรรพกาลบริสุทธิ์สักเล็กน้อย มันได้ถือว่ามหาศาล เป็นผลให้ความต้องการพลังงานระดับต่ำเช่นพลังงานของโลกจึงจำเป็นต่อการสร้างร่างบรรพกาล
พลังบรรพกาลที่เกิดจากการบ่มเพาะโดยร่างบรรพกาลแต่กำเนิดของเสี่ยวเป่านั้นจะไม่เป็นพลังบรรพกาลที่แท้จริงเช่นกัน พลังบรรพกาลที่แท้จริงสามารถแบ่งออกเป็นหยินและหยางและสามารถสร้างโลกทั้งใบได้ มันสามารถทำลายจักรวาลและทำให้บัญญัติต่าง ๆ สับสนวุ่นวายได้ มันทรงพลังและน่าสะพรึงกลัว
นี่คือพลังบรรพกาลที่แท้จริง ตามคำบอกเล่าของจิตวิญญาณกระบี่ ไม่มีใครเคยฝึกฝนมันสำเร็จ
เสี่ยวเป่ามีร่างบรรพกาลแต่กำเนิดก็จริง แต่พลังบรรพกาลที่เขาบ่มเพาะจะอ่อนแอกว่าพลังบรรพกาลที่แท้จริง มันจะต้องฝึกฝนให้แข็งแกร่งและเปลี่ยนแปลงไปทีละขั้นตอน