ตอนที่ 1473 : ช่วยเสี่ยวหลิง
หยางหลี่, เฟิงเซียวเทียน, กุยไฮ่ยี่เต่า และเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ต่างก็แปลกใจ จากวันนี้พวกเขาต้องมองความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินใหม่
“เฮ้อ ตอนที่ข้าเห็นเหลนของข้าที่เกาะสามเซียน เขาเป็นแค่เซียนผู้คุมกฎ” หยางหลี่ลอบถอนใจ เวลาผ่านไปไม่มาก แต่เจี้ยนเฉินกลับเติบโตจากเซียนผู้คุมกฎเป็นคนที่ฆ่าขั้นรับมอบได้อย่างง่ายดาย เขาแข็งแกร่งจนเทียบเท่ากับหยางหลี่ได้
“อุโมงค์ถล่มลงแล้ว มันน่าจะเป็นการเดินทางที่ยาวไกลจากที่นี่ไปยังโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง ขั้นรับมอบทั้งห้าที่หนีไปนั้นไม่อาจจะกลับไปได้อย่างปลอดได้ง่าย ๆ ” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลมองไปยังอุโมงค์อันปั่นป่วนตรงหน้า
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งอาจจะมีผู้ที่อยู่ขอบเขตดั้งเดิมหลายคนแต่การสูญเสีย 6 คนนี้ไปก็ยังถือว่าเสียหายอย่างมาก ตอนที่พวกเขาโจมตีทวีปเทียนหยุนครั้งต่อไป พลังของพวกเขาคงน้อยกว่าเดิม” – กุยไฮ่ยี่เต่าพูดขึ้นมา
เจี้ยนเฉินไม่ได้มัวรีรอ เขารีบไปหาเสี่ยวหลิง แผนภาพ 8 เหลี่ยมจากจานได้เปล่งแสงสีครามออกมาขังเสี่ยวหลิงเอาไว้ ตัวอักขระนับไม่ถ้วนลอยไปมาผ่านแสงแผ่พลังอันลึกลับและโบราณออกมา
เสี่ยวหลิงไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้ภายในแผนภาพ 8 เหลี่ยมนี้ นางไม่อาจจะทำอะไรได้แม้ว่าจะมีพลังในขั้นผู้ย้อนกลับแต่ก็ไม่อาจจะสลัดออกจากการกักขังของจารึกนี้ได้เลย ใบหน้าที่เหมือนเด็กของนางเต็มไปด้วยความกลัว น้ำตาไหลอาบตามแก้มจากดวงตาอันสดใส
“พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย โปรดช่วยข้าด้วย ข้ากลัวเหลือเกิน” เสี่ยวหลิงหันมาหาเจี้ยนเฉิน ด้วยสีหน้าอึดอัด น้ำตาไหลออกจากตาของนางพร้อมกับเสียงสะอื้น นางไม่อาจจะทำอะไรได้เลย
เจี้ยนเฉินรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเมื่อเห็นเสี่ยวหลิง ในสภาพนั้น เขาปลอบนาง “เสี่ยวหลิงไม่ต้องกลัว ข้าจะช่วยเจ้าให้เร็วที่สุด”
“พี่ใหญ่ ข้าขยับไม่ได้ ข้าจะโดนพวกนั่นเอาตัวไปรึไม่ ? ข้ากลัว กลัวเหลือเกิน” เสี่ยวหลิงสะอื้น ตอนนี้นางตื่นตระหนก
“ไม่ต้องกลัว เมื่อข้าอยู่ที่นี่ มันก็ไม่มีใครเอาเจ้าไปได้ ข้าน่ะไล่พวกนั้นไปแล้ว พวกนั้นจะไม่กลับมาอีกแล้ว” เจี้ยนเฉินบอกกับนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เขาอดไม่ได้ที่จะคิดย้อนกลับไปตอนที่เสี่ยวหลิงคอยปกป้องเขา
“เสี่ยวหลิง ตอนที่ข้าอ่อนแอ มันเป็นเจ้าที่คอยปกป้องข้า นับจากวันนี้ไปให้ข้าปกป้องเจ้าเอง เมื่อข้ามีพลังที่เกินกว่าผู้ย้อนกลับ มันก็จะไม่มีใครทำอันตรายเจ้าได้” เจี้ยนเฉินสาบานในใจ เขาไม่ได้สนใจเรื่องอายุของเสี่ยวหลิง แต่เขายึดถือว่าเสี่ยวหลิงนั้นเป็นน้องสาวของเขามานานแล้ว
“พวกท่านมีวิธีที่จะช่วยเสี่ยวหลิงหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินหันกลับไปถามทั้งห้าคนด้านหลัง
เทพเจ้าแห่งท้องทะเลและเถี่ยต้าไม่ได้พูดอะไร มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นแผ่นกลมแบนแปลก ๆ แบบนี้
หยางหลี่, กุยไฮ่ยี่เต่า และเฟิงเซียวเทียน ได้ไปรวมตัวกันรอบแผ่นกลมแบนและทำการตรวจสอบมันสักพัก เฟิงเซียวเทียนได้พูดขึ้นมา “หากเจ้าต้องการปิดการทำงานของมัน เจ้าต้องใช้ทักษะลับในการควบคุมมันแต่เราไม่มีทักษะนั้น ผลก็คือเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเสี่ยวหลิงได้ทันที อย่างไรก็ตามแผ่นอาคมหรือสมบัตินี้ต้องใช้พลังงานในการรักษาการทำงานของมัน หากไม่มีพลังงานพวกมันก็ไม่อาจจะทำงานได้ ผลก็คือวิธีเดียวที่เราจะใช้มันได้คือการโจมตีแผ่นอาคมนี่อย่างต่อเนื่องและทำให้มันหมดพลังไป ”
ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายขึ้นมาและพูดขึ้น “หากเป็นเช่นนั้น งั้นมาลงมือและช่วยเสี่ยวหลิงให้เร็วที่สุด เผื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหากเราล่าช้า”
เจี้ยนเฉิน, เสี่ยวจิน, เถี่ยต้า, เทพเจ้าแห่งท้องทะเล, หยางลี่, กุยไฮ่ยี่เต่า และเฟิงเซียวเทียน ต่างก็ไปอยู่ด้านหลัง พวกเขาได้ย้าย เสี่ยวหลิง มายังมิติด้านนอกก่อนจะเริ่มโจมตีที่แผ่นอาคมด้วยพลังทั้งหมดที่มี
เซียนจักรพรรดิที่มาพร้อมกับ เฟิงเซียวเทียน, หยางหลี่ และ กุยไฮ่ยี่เต่า มีหน้าที่รับผิดชอบในการคุ้มกันอุโมงค์เผื่อว่าจะเกิดเรื่องอื่นขึ้น
ในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง ดวงอาทิตย์สีแดงห้อยตัวอยู่ในฟากฟ้า มันเปล่งแสสีแดงชั่วร้ายย้อมโลกทั้งใบเป็นสีแดง โลกนี้เหมือนกับราวกับเมืองผี
ที่ด้านบนของภูเขาโลกใจกลางของโลกภายนอก จิตวิญญาณราชันย์ยืนอยู่พร้อมกับกระบี่ดำที่หลัง ร่างของเขามั่นคงราวกับภูเขา ตอนที่เขายืนอยู่ที่นั่น เขาดูเหมือนเขายืนค้ำฟ้าเอาไว้แบกค้ำโลก เขาทำให้คนรู้สึกว่าเขานั้นไม่อาจจะหวั่นไหวหรือเอาชนะได้
ขั้นย้อนกลับ 8 คนรวมตัวด้านหลังเขา พวกนั้นยืนอยู่เงียบ ๆโดยมีขั้นรับมอบกว่า 30 คนด้านหลังพวกเขาอีกที
เมื่อรวมกับผู้ย้อนกลับ 8 คนและจิตวิญญาณราชันย์แล้ว มันมีผู้ที่อยู่ขอบเขตดั้งเดิมกว่า 40 คนในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง มี 6 คนที่ได้ไปยังทวีปเทียนหยุนซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงได้เหลือจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมเพียงแค่ 34 คนในตอนนี้
ตอนนั้นทุกคนต่างก็มาองไปยังเขตตรงหน้าจิตวิญญาณราชันย์ อุโมงค์ที่บดเบี้ยวนั้นถูกสายตาของหลายคนจับจ้อง
จู่ ๆ อุโมงค์ก็สั่นไหวพร้อมกับพลังงานที่ปะทุออกมาในโลกสีแดง ตอนนั้นเองจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมต่างก็เห็นว่าอุโมงค์ได้ถล่มลงอย่างรวดเร็ว
“อุโมงค์ถล่ม คงเกิดการต่อสู้อันดุเดือดขึ้นด้านใน ข้าสงสัยว่ากู่มู่และคนอื่น ๆ จะยึดทางเข้าได้สำเร็จและเตรียมการสำหรับกลุ่มต่อไปได้รึไม่” ขั้นย้อนกลับคนหนึ่งด้านหลังพูดขึ้น
“กู่มู่และคนอื่น ๆ คือกลุ่มขั้นรับมอบที่แข็งแกร่งที่สุดที่โลกเรามี พวกเขาได้เอาสมบัติลับที่ส่งผ่านมาหลายรุ่นไปกับตัวด้วยซึ่งมันแข็งแกร่งพอจะกักขังขั้นย้อนกลับได้ หากไม่มีภัยจากผู้ย้อนกลับ มันก็ง่ายที่ทั้งหกจะยึดทางเข้าเอาไว้” ขั้นย้อนกลับอีกคนพูดขึ้น เขาไม่ได้มองว่าทวีปเทียนหยุนนั้นแข็งแกร่งมากนัก
จิตวิญญาณราชันย์ยืนหันหลังให้กับทุกคน เขามองไปที่อุโมงค์ตรงหน้าและไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่จู่ ๆ ลำแสงก็ปรากฏขึ้นมาในตาเขาก่อนที่เขาจะร้องออกมา “ไม่นะ ! ” จิตวิญญาณราชันย์พุ่งออกไปในอุโมงค์รวดเร็วดั่งสายฟ้าและหายตัวไปจากตรงหน้าทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตดั้งเดิมด้านหลังต่างก็ตะลึง ไม่นานพวกเขาก็เห็นบางอย่างก่อนที่สีหน้าจะบิดเบี้ยวไป
จิตวิญญาณราชันย์กลับออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่กี่วินาทีเขาก็โผล่มาจากอุโมงค์พร้อมกับอีก 2 คน
พวกเขาจำสองคนนั่นที่อยู่ในมือจิตวิญญาณราชันย์ได้ทันทีและก็ต้องแปลกใจ
ตอนนั้นสองคนอยู่ในสภาพน่าอนาถ พวกเขาไม่ได้ดูเรียบร้อยและสูงส่งเช่นเคย แต่ในสายตาของพวกเขาก็ยังบ่งบอกถึงความดีใจที่รอดมาได้
” ขอบคุณที่ช่วยเรา จิตวิญญาณราชันย์” อันนาและซอร์คุกเข่าลงไป พวกเขาต่างก็พูดด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง
จิตวิญญาณราชันย์หันกลับมาและเผยสีหน้าปกติ เขามองไปทีทั้งสองคนด้วยท่าทีสนใจและถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมพวกเจ้าถึงกลับมากันแค่สองคน ? คนอื่นหายไปไหนกัน ?