ตอนที่ 1574 : ความยินดีจากทั่วทุกแห่ง
ร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินนั้นขึ้นถึงขั้น 6 แต่ชัดแล้วว่ามันยังไม่เพียงพอที่จะจัดการกับโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งได้ เจี้ยนเฉินรู้ว่าถึงแม้ความแข็งแกร่งเขาจะเพิ่มขึ้นมา แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าความแข็งแกร่งของศัตรูจะไม่เพิ่มขึ้นมาด้วย ยิ่งกว่านั้นคู่ต่อสู้สุดท้ายของเขาก็ไม่ใช่โอวหยางหยิงเว่ยแต่เป็นจิตวิญญาณราชันย์ที่อยู่ขั้นแลกเปลี่ยนซึ่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจอมยุทธขอบเขตเทพเลย
“ขอบเขตเทพ…” เจี้ยนเฉิน พึมพำ ตาของเขาสดใสยิ่งกว่าเดิม ตาของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เขารู้ว่ามันยากอย่างมากในการทำให้ร่างบรรพกาลขึ้นไปถึงขั้นที่เขาสามารถสู้กับคนขอบเขตเทพาได้ในโลกที่ต่ำกว่า แต่มันก็มีศิลาเซียนหยินหยางอยู่ที่นี่ ด้วยการที่มีหินนี้ การขึ้นถึงขอบเขตเทพนั้นใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เขาแค่ต้องการเวลาอย่างมากก็เท่านั้น
เจี้ยนเฉินรอและเริ่มเบื่อขึ้นมาอีกครั้งแต่เขาก็ไม่คิดจะเสียเวลา แม้แต่ตอนที่เขาไม่ได้ดูดซับพลังงานจากหิน เขาก็ใช้เวลาในการบ่มเพาะ, ทำความเข้าใจเส้นทางกระบี่รวมถึงทักษะกระบี่ต่าง ๆ ที่จิตวิญญาณกระบี่ส่งต่อให้กับเขา
วันนี้เป็นวันที่เจียงหยางป้าต้องก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าตระกูลและส่งมอบตำแหน่งนี้ต่อให้กับลูกคนที่สอง เจียงหยางเค่อ เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ในทวีปเทียนหยวนเมื่อไม่กี่วันก่อน โดยพื้นฐานแล้วทุกคนรู้ถึงเรื่องนี้ จอมยุทธจากสี่เผ่าพันธุ์ได้เดินทางหลายหมื่นกิโลเมตรเพื่อมายินดีกับหัวหน้าตระกูลคนใหม่พร้อมกับของขวัญ
จอมยุทธหลายคนได้ไปถึงที่ตระกูลเจียงหยางแล้วตอนที่ท้องฟ้าเพิ่งจะสว่างก่อนที่ดวงอาทิตย์จะโผล่ขึ้นมาที่ปลายขอบฟ้า เมื่อเวลาผ่านไปคนจากสี่เผ่าพันธุ์ก็เข้ามาสมทบเพิ่มในตระกูลเจียงหยาง คนเหล่านี้มีฐานะระดับหนึ่งในอาณาเขตของตนเองและมันก็มีเซียนจักรพรรดิหลายคนในหมู่คนเหล่านี้ด้วย
โดยพื้นฐานแล้วเซียนจักรพรรดิในสี่เผ่าพันธุ์ก้าวข้ามระดับขึ้นมาได้เพราะลูกท้ออมตะ ผลก็คือพวกเขาต่างก็ติดหนี้บุญคุณเจี้ยนเฉิน พวกเขาไม่มีทางชดใช้บุญคุณนี้ได้ แต่พวกเขาก็สามารถชดใช้มันให้กับตระกูลของเจี้ยนเฉินได้
มันเป็นเหตุผลว่าทำไมเซียนจักรพรรดิหลายคนถึงได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเจี้ยนเฉิน
ไม่นานตระกูลเจียงหยางก็เต็มไปด้วยผู้คน เนื่องจากมีคนมากมายมาที่นี่และหลายคนก็มีฐานะใหญ่โต แม้ว่าห้องโถงของตระกูลจะขยายขึ้นจากเดิมหลายเท่าแต่มันก็ไม่อาจจะจุคนมากมายเช่นนี้ได้ ผลก็คือเจียงหยางป้าย้ายงานนี้ไปที่ลานหลัก ที่นั่นเซียนราชาที่ควบคุมพลังเซียนธาตุดินได้ยกเวทีขึ้นมา และตอนนี้ก็ยังไม่มีใครยืนอยู่บนเวทีนั่น
เซียนจักรพรรดิหลายคนและผู้มีอำนาจจากองค์กรใหญ่ยืนอยู่ด้านล่าง แม้ว่าเจียงหยางป้าจะเป็นพ่อของเจี้ยนเฉิน แต่เขาก็ไม่อาจจะนั่งเหนือเซียนจักรพรรดิและสั่งการคนได้ก่อนที่งานจะเริ่ม
“ราชินีเอลฟ์จากทวีปแห่งความสูญเปล่ามาถึงพร้อมกับของขวัญของเอลฟ์ น้ำค้างชีวิต 100 หยด ! ” เสียงผู้ประกาศดังก้องไปทั่วทำให้ผู้คนแปลกใจทุกครั้งที่เขาพูดขึ้นมา
” น้ำค้างชีวิต 100 หยด ราชินีเอลฟ์นี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ น้ำค้างชีวิตคือสมบัติล้ำค่าของเหล่าเอลฟ์ บอกกันว่าสิบปีจะปรากฏมาแค่หยดเดียว ไม่ใช่แค่เพิ่มความแข็งแกร่งได้ แต่ว่าแต่ละหยดนั้นมีพลังชีวิตมหาศาล แม้ว่าเราจะเกือบตายแล้วแต่เราก็จะรอดด้วยน้ำค้างชีวิตเพียงหยดเดียว ยิ่งกว่านั้นบอกกันว่าน้ำค้างนั้นสามารถเปลี่ยนพื้นฐานและปลุกพรสวรรค์ของคนได้…”
“แค่หยดเดียวก็ถือว่าเป็นของขวัญล้ำค่าแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อหามันเพราะมีแค่เอลฟ์ที่ผลิตมันได้ ราชินีเอลฟ์ให้น้ำค้าง 100 หยด นั่นมีค่าเท่ากับหมื่นปี…”
” ราชาคนแคระจากทวีปแห่งความสูญเปล่าได้มาถึงพร้อมกับสมบัติสวรรค์แสนปีและสมบัติสวรรค์ห้าหมื่นปี…”
“ซ่างเฉียงจากทวีปสัตว์เทวะได้มาถึงพร้อมกับสมบัติสวรรค์สามแสนปีและสมบัติสวรรค์หมื่นปี 10 อย่าง …”
“หัวหน้าตระกูลพยัคฆ์จากทวีปสัตว์เทวะได้มาถึงพร้อมกับสมบัติสวรรค์ห้าแสนปี 5 ชิ้นและสมบัติสวรรค์พันปีอีกหลายชิ้น, แกนอสูรระดับ 9 จำนวน 1 ชิ้น, แกนอสูรระดับ 8 จำนวน 5 ชิ้นและลูกเสือจากสายเลือดตรง…”
คนในตระกูลเจียงหยางต่างก็เริ่มพูดถึงของขวัญที่ตระกูลพยัคฆ์นำมา หลายคนแปลกใจ ของขวัญนี้มันมีค่ามากกว่าที่ซ่างเฉียงให้มา เขาถึงกับให้ลูกเสือจากสายตรงอีก มันเท่ากับการให้ลูกหลานตัวเองกับตระกูลเจียงหยาง
” หัวหน้าตระกูลพยัคฆ์นั้นมีปัญหาของเขา จักรพรรดิพยัคฆ์ได้คุกคามพยัคฆ์ปีกเทวะในอดีตและพยายามจะฆ่ามัน ว่ากันว่าจักรพรรดิพยัคฆ์รับผิดชอบสำหรับการตายของพ่อพยัคฆ์ปีกเทวะโดยตรง หัวหน้าตระกูลกลัวว่าพยัคฆ์ปีกเทวะจะลากตระกูลพยัคฆ์เข้าสู่ปัญหา ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องการผูกมิตรกับตระกูลเจียงหยาง เขาต้องการใช้ตระกูลเจียงหยางปกป้องคนของตัวเอง ยังไงซะจักรพรรดิพยัคฆ์ก็ทำเรื่องชั่วร้ายมาในอดีต แม้แต่การกำจัดตระกูลพยัคฆ์ไปก็ไม่อาจจะเพียงพอสำหรับการลงโทษ” เซียนราชามนุษย์หลายคนพูดคุยกัน พวกเขามองไปที่หัวหน้าตระกูลพยัคฆ์ด้วยท่าทีสงสาร
แผนการของจักรพรรดิพยัคฆ์ต่อพยัคฆ์ปีกเทวะนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลพยัคฆ์แต่จักรพรรดิพยัคฆ์ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล เขาเป็นผู้ปกครอง ดังนั้นตระกูลพยัคฆ์จึงโดนลากเข้าสู่ปัญหา
การลงโทษในหมู่มนุษย์คงเป็นการประหาร 9 ชั่วรุ่น ตระกูลพยัคฆ์ได้ทำผิดกับพยัคฆ์ปีกเทวะ ดังนั้นตามธรรมเนียมของสัตว์อสูรแล้ว มันก็เพียงพอที่จะกำจัดทั้งตระกูล
จักรพรรดิพยัคฆ์ตายไปแล้วและพยัคฆ์ปีกเทวะไม่ได้แสดงท่าทีจะกำจัดตระกูลพยัคฆ์ แต่หัวหน้าตระกูลก็ยังคงรู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องการผูกมิตรกับตระกูลเจียงหยาง ตระกูลของเขาได้ส่งมอบของขวัญล้ำค่าเมื่อมีโอกาสตรงหน้า เขายอมมอบสมบัติทุกอย่างที่ตระกูลมีด้วยซ้ำ
“บรรพชนจักรพรรดิจากจักรวรรดิเฟยลี่มาพร้อมกับทักษะต่อสู้ขั้นสวรรค์ 3 ชิ้น, ทักษะบ่มเพาะขั้นเซียน 1 ชิ้นและสมบัติสวรรค์หมื่นปี 3 ชิ้น…”
“หัวหน้าตระกูลเทียนมู่มาพร้อมกับสมบัติสวรรค์หมื่นปี 5 ชิ้น….”
“ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักกระบี่ทรราชมาถึงพร้อมกับของขวัญ….”
“ทูตจากศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลมาถึงพร้อมกับ….”
คนจากทั้งสี่เผ่าพันธุ์ได้มารวมตัวกันเพื่องานนี้ แม้ว่าเหล่าเซียนจากอาณาจักรทะเลจะติดงานเฝ้าห้องโถง แต่พวกเขาก็ยังส่งตัวแทนเพื่อมายินดีกับเจียงหยางเค่อ ตัวแทนได้นำของขวัญมากับตัวโดยรวมไปถึงสมบัติสวรรค์, ทักษะการต่อสู้,ทักษะบ่มเพาะและอีกมากมาย ตระกูลเจียงหยางได้รับสมบัตินับไม่ถ้วนจากงานนี้เพียงงานเดียว
เจียงหยางป้าและเจียงหยางเค่อยิ้มเมื่อได้รับของขวัญจากแขกมากมาย ในฐานะหลานเพียงคนเดียวของเจียงหยางป้า เจียงหยางป้าจึงมักจะตามใจเจียงหยางซูเพื่อให้หลานชายนั้นเติบโต เมื่อรวมกับความสำเร็จตอนนี้แล้ว เจียงหยางป้ายิ่งเอาใจหลานมากกว่าเดิม เจียงหยางซูเดินตามเจียงหยางป้าไปรอบงาน และเมื่อไหร่ก็ตามที่ปู่คุยกับแขก ปู่ก็ไม่ลืมที่จะแนะนำหลาน ใบหน้าของปู่นั้นดูยินดีเมื่อได้พูดถึงหลาน
เจียงหยางซูได้กลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษในวัย 20 ปี แม้แต่ในทวีปก็ยากจะมีคนเทียบความเร็วกับเขาได้ รวมกับความจริงที่เขาเป็นหลานของเจียงหยางป้า แขกมากมายจึงเข้ามาชื่นชมเขา แขกหลายคนถึงกับขอหมั้นเขากับหลานสาวด้วยก็มี
เจียงหยางซูไม่อาจจะเก็บความหยิ่งของตัวเองไว้จากคำชมเหล่านี้ ภายนอกเขาทำตัวสุภาพต่อหน้าคนสำคัญ แต่เขาจะดูถูกคนที่อายุพอ ๆ กับเขา เขาถึงกับดูถูกตระกูลเล็ก ๆ สำหรับการหมั้นแล้ว เจียงหยางซูไม่เคยคิดเอามาใส่ใจ ด้วยภูมิหลังและพรสวรรค์ของเขา รสนิยมของเขาจึงเพิ่มสูงขึ้นไปตาม สำหรับเขาแล้ว มีเซียนจักรพรรดิหลายคนที่พูดถึงเรื่องหมั้น แต่หลานสาวของพวกนั้นก็อยู่ห่างจากพวกนั้นไปหลายรุ่น แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่ามีหลานสาวกี่คน บางทีอาจจะมีไม่กี่คน, เป็นสิบคนรึร้อยคน ยังไงซะครอบครัวที่ใหญ่ก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่อยู่มาเป็นพัน ๆ ปี
แต่เขาเป็นลูกเพียงคนเดียวของหัวหน้าตระกูลในตอนนี้ ผู้หญิงของตระกูลใหญ่จะมาคู่ควรกับเขาได้ยังไง ?
ยิ่งกว่านั้นเซียนจักรพรรดิต่างก็ยกระดับขึ้นมาได้ก็เพราะน้าของเขา
” เขาใช่ปู่ข้ารึเปล่า ? คนข้าง ๆ เขาน่าจะเป็นลุงของข้า เจียงหยางเค่อ ชายหนุ่มข้าง ๆ ปู่นั้นเป็นน้องชายของข้า เจียงหยางซู งั้นรึ ? ” ในหมู่ผู้คน ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนมองไปที่เจียงหยางป้า, เจียงหยางเค่อ และ เจียงหยางซู จากไกล ๆ เขาพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงที่มีแต่ตัวเองได้ยิน
ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนได้มายังเมืองลอร์ระหว่างการเดินทางในอดีตและได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับพ่อของตัวเอง แต่เขาไม่เคยเห็นปู่รึย่าด้วยตัวเองเลย
“ถูกต้อง เสี่ยวเป่า เขาคือปู่ของเจ้า เจียงหยางป้า แต่เราได้ยินเรื่องของลุงเจ้าอยู่บ้าง เราไม่เคยเห็นเขามาก่อน ยังไงซะเขาก็ไม่ได้โดดเด่น” เสี่ยวเหยียนยิ้มและเดินมาข้าง ๆ ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยน
” เสี่ยวเป่า เจ้าต้องการไปหาปู่แล้วบอกว่าเจ้าเป็นใครหรือไม่ ? ดูลูกของลุงเจ้าสิ เขาเป็นแค่เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ แต่ปู่เจ้ากลับตามใจเขาขนาดนี้ ถ้าปู่เจ้ารู้ว่าเขามีหลานที่น่าประทับใจอย่างเจ้า เขาคงจะยินดีอย่างมาก” เสี่ยวเยี่ยที่ยืนอยู่อีกข้างได้พูดขึ้นมา นางพูดผ่านทักษะสื่อสารเนื่องจากนางไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน
ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนส่ายหน้า “พ่อไม่อยู่ที่นี่ แม่เองก็ด้วย ถ้าข้าบอกว่าข้าคือลูกของเจี้ยนเฉิน ในสถานการณ์แบบนี้ เจ้าคิดว่าใครจะเชื่อข้า ? อีกอย่างแล้วคนนอกก็ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ ข้าถึงกับสงสัยว่าปู่กับย่าเองก็ไม่รู้ด้วยเช่นกัน”
เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยขมวดคิ้ว หนึ่งในนั้นได้พูดขึ้นมาด้วยความลังเล “เจ้าพูดถูก ถ้าเราไปบอกพวกนั้นว่าเราเป็นใคร มันไม่ใช่แค่ไม่มีใครเชื่อเจ้า แต่คนอื่นจะหัวเราะและเยาะเย้ยเจ้าด้วย”