ตอนที่ 1598 : จิตวิญญาณราชันย์ปรากฏตัว
ผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสหลายคนเริ่มรู้สึกขมขื่นขึ้นมาในใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เฉียงซ่งและโอวหยางหยิงเว่ยพูด พวกเขาต่างก็รู้สึกไม่พอใจ
20 ปีก่อนความแข็งแกร่งโดยรวมของทวีปเทียนหยวนนั้นไม่ได้มีค่าในสายตาพวกเขา ถ้ามันไม่ใช่เพราะโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏตัวขึ้นมา พวกเขาคงยึดครองอีกโลกไปแล้ว แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าโลกของพวกเขาจะถูกไล่ต้อนจนอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ในเวลา 20 ปีต่อมา ที่ซึ่งพวกเขาต้องใช้พลังงานทั้งหมดของตัวเองใส่ในค่ายกลเพื่อหยุดเจี้ยนเฉินชั่วคราว ถ้าค่ายกลนี้พังลงและจิตวิญญาณราชันย์ยังไม่ปรากฏตัว พวกเขาทุกคนก็อาจจะตาย
มันก็แค่ 20 ปีแต่สถานการณ์กลับพลิกผัน จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมหลายคนจากต่างโลกไม่อาจจะรับความจริงในตอนนี้ได้
รูปปั้นขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนชั้นสามของโถงจิตวิญญาณลับ ตาของมันโดนทำลายไปแทนที่ด้วยรอยฟันสองรอย ประตูที่ดูเหมือนกับประตูมิติซ่อนอยู่ในตาของรูปปั้นและดูเหมือนจะนำไปสู่ดินแดนอันวิเศษ พลังงานดั้งเดิมด้านในหนาแน่นกว่าด้านนอกหลายเท่าตัว
ชายวัยกลางคนนั่งอยู่ด้านในและทำการบ่มเพาะอยู่ หน้าตาของไม่ได้ดูพิเศษแต่อย่างใด แต่พลังอันน่ากลัวนั้นเพียงพอจะทำให้โลกสั่นคลอนได้นั้นแผ่ออกมาจากตัวเขาโดยไม่รู้ตัว มันพุ่งขึ้นไปในอากาศและแค่เพียงสะบัดมือก็เพียงพอทำให้เขตมิติถล่มลงไปได้ พลังของเขานั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ชายวัยกลายคนนี้คือจิตวิญญาณราชันย์ ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยปรากฏตัวขึ้นมาในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
ตอนนั้นจิตวิญญาณราชันย์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าของเขาดูเป็นธรรมชาติยากจะแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา เขามองไปยังโลกโดยรอบและพูดขึ้นมาหลังจากเงียบไปสักพัก “กฎของโลกนี้ไม่สมบูรณ์และมันเหมือนจะมีข้อจำกัดแฝงอยู่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นไปถึงขอบเขตเทพในโลกนี้จริง ๆ หรือ ? ข้าไม่อาจจะขึ้นไปถึงขอบเขตนั้นได้หลังจากที่เข้าใจกฎและเข้าใจกุญแจที่นำไปสู่ขอบเขตเทพได้จริง ๆ หรือ ? หลังจากบ่มเพาะมา 20 ปี ความแข็งแกร่งของข้าก็ขึ้นถึงขั้นแลกเปลี่ยนช่วงปลาย ข้าได้มาถึงจุดสูงสุดของขั้นแลกเปลี่ยน แต่ข้าก็ไม่อาจจะก้าวข้ามไปยังขอบเขตเทพได้ ข้าจะไปถึงขอบเขตเทพได้หลังจากที่ไปยังโลกเซียนงั้นรึ ? โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งนั้นไม่ใช่โลกจริง ๆ อยู่แล้ว หลังจากที่ปลดล็อคความลับของจิตวิญญาณปราชญ์ที่ซ่อนอยู่ที่นี่ ข้าก็ตกลงกับท่านเหอตู่ และจะนำจิตวิญญาณปราชญ์กลับไปยังโลกเซียน แต่อุโมงค์ที่นำไปสู่โลกเซียนนั้นอยู่ในอีกโลก เนื่องจากข้าไม่อาจจะทะลวงฝ่าไปได้ การเก็บตัวต่อไปก็ไร้ค่า มันได้เวลาที่ข้าจะออกไปแล้ว….”
จิตวิญญาณราชันย์พึมพำออกมา ตอนนั้นจู่ ๆ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาพลิกฝ่ามือพร้อมกับมีเหรียญปรากฏขึ้นมา มันได้ส่องแสงสีแดงกระพริบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
จิตวิญญาณราชันย์ขมวดคิ้ว “นี่คือข้อความที่มีความสำคัญสูงสุด นี่ใช้แค่ตอนที่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น เกิดอะไรขึ้นกัน ? ”
เพราะแบบนั้นจิตวิญญาณราชันย์จึงไปจากโลกจิ๋ว มันราวกับว่าเขาหายตัวไปแล้วไปโผล่ในโถงจิตวิญญาณลับ
ปราณกระบี่ 9 เล่มอัดแน่นรอบตัวเจี้ยนเฉินซึ่งอยู่ในมิติค่ายกล แค่เพียงคิด ปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนเป็นแสงพุ่งเข้าใส่ปราณกระบี่ที่สร้างขึ้นโดยค่ายกลด้วยความเร็วแสง
เกิดการระเบิดขึ้นมา ปราณกระบี่ทั้ง 18 เล่มได้ปะทะกันและสร้างแรงอันน่ากลัวขึ้น พวกมันทำให้ขอบเขตค่ายกลนั้นสั่นไหว
จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมหลายคนที่อยู่ในค่ายกลต่างก็สะดุ้ง พวกเขาพากันตะโกนพร้อมกับกระอักเลือดอกมาจากมุมปาก
” เร็วเข้า โจมตีครั้งที่สอง ! ” โอวหยางหยิงเว่ยเครียดอย่างมากและได้สั่งการทุกคนให้ใช้การโจมตีที่สอง จิตวิญญาณราชันย์ยังไม่ปรากฏตัว ถ้าพวกเขาไม่อาจจะหยุดเจี้ยนเฉินได้ พวกเขาก็จะเผชิญหน้าภัยที่ถึงความตายจริง ๆ
จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมทุกคนพากันกัดฟันแน่น สายตาพวกเขาแสดงความบ้าคลั่งออกมาและใช้พลังงานดั้งเดิมของตนเข้าไปในค่ายกลเพื่อการโจมตีครั้งที่สอง
แต่เจี้ยนเฉินไม่ได้ให้เวลาพวกนั้นสร้างการโจมตีครั้งที่สอง เขาใช้แรงบรรพกาลและเส้นทางแห่งกระบี่อัดแน่นปราณกระบี่ที่ยาว 1 ม.ขึ้นมายิงเข้าใส่มิติเหนือหัวเขา
ตูม !
การโจมตีของ เจี้ยนเฉิน นั้นขึ้นถึงขั้นแลกเปลี่ยนช่วงปลายซึ่งชัดแล้วว่าเกินกว่าขีดจำกัดของมิติค่ายกล เกิดการระเบิดครั้งใหญ่พร้อมกับค่ายกลที่ถล่มลงทันที
ค่ายกลโดนทำลายอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะค่ายกลสังหารเทพนั้นไม่ได้แข็งแกร่งพอ แต่กลับกันแล้ว โอวหยาง หยิงเว่ยและคนอื่น ๆ เข้าใจมันแค่ส่วนหนึ่ง และด้วยขีดจำกัดเรื่องความแข็งแกร่งแล้ว ค่ายกลที่รู้จักกันในชื่อสังหารเทพจึงแสดงพลังออกมาได้จำกัด ค่ายกลนี้ทรงพลังพอที่จะฆ่าพวกขั้นแลกเปลี่ยนช่วงต้นและกลาง แต่มันไร้ประโยชน์เมื่อใช้กับขั้นแลกเปลี่ยนช่วงปลาย
ทันทีที่ค่ายกลโดนทำลาย จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก พวกเขาพากันกระอักเลือดออกมาและมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความตกตะลึงเมื่อเขาโผล่ออกมาจากค่ายกล
เจี้ยนเฉินพุ่งขึ้นไปบนฟ้าและเหนือหัวเขานั้นมีคัมภีร์โบราณแผ่พลังแปลก ๆ ออกมา เขาจับไปที่คัมภีร์และมองเห็นคำพูดบนคัมภีร์ได้อย่างชัดเจน — ค่ายกลสังหารเทพ คัมภีร์นี้มีไว้ใช้สำหรับสร้างค่ายกล
เจี้ยนเฉินไม่ได้ศึกษาคัมภีร์ละเอียด เขาแค่เก็บมันไว้ในแหวนมิติ เขารู้ว่ามันคือสมบัติโบราณและสามารถฆ่าได้แม้แต่เทพหากพลังที่แท้จริงถูกแสดงออกมา
เจี้ยนเฉินควบรวมปราณกระบี่ในมือและพุ่งเข้าใส่โอวหยางหยิงเว่ยโดยไม่ลังเล
สีหน้าของโอวหยางหยิงเว่ยเปลี่ยนไป เขารีบถอยกลับ ในเวลาเดียวกันโลกสีแดงก็ถูกสร้างขึ้นมาด้านหลังเขา ดวงอาทิตย์สีแดงเลือดและดวงจันทร์คอยแทนที่กัน เขาได้ใช้ทักษะลับของตัวเองออกมา
เฉียงซ่งเองก็ลงมือเช่นกัน เขาใช้ทักษะแบบเดียวกับโอวหยางหยิงเว่ย ทักษะลับนี้คือการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดที่พวกเขามี พวกเขาไม่มีทางเลือกเมื่อเผชิญหน้ากับเจี้ยนเฉิน ดังนั้นพวกเขาจึงใช้มันในช่วงสุดท้าย
เฉียงซ่งและโอวหยางหยิงเว่ยใช้ทักษะลับสามแบบออกมาพร้อมกัน แต่การโจมตีนั้นไร้ค่าต่อเจี้ยนเฉิน เนื่องจากทั้งสองเป็นแค่ขั้นแลกเปลี่ยนช่วงต้น
เจี้ยนเฉินฉีกกระชากทักษะพวกนั้นราวกับมีดร้อนตัดเนย ปราณกระบี่ในมือเขาเปล่งแสงสีขาวออกมาแล้วแทงมันเข้าที่หน้าผากของโอวหยางหยิงเว่ยโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“เจี้ยนเฉิน ! ” ตอนนั้นเองก็มีเสียงหนักหน่วงดังก้องไปทั่ว มันได้ดังขึ้นไปถึงท้องฟ้าราวกับเสียงฟ้าร้อง หลังจากเสียงนั้นก็มีปราณกระบี่ที่น่ากลัวแผ่ออกมาโดยรอบ บนเส้นขอบฟ้ามีกระบี่เหล็กสีดำพุ่งเข้าหาภูเขาโลกด้วยความเร็วแสงฉีกกระชากมิติที่มันเดินทางผ่าน มันมีความเร็วที่น่าเหลือเชื่อขึ้นมาถึงด้านบนยอดภูเขาโลกแทบจะทันที มันพุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉินด้วยพลังอันน่ากลัว
ไม่ว่ากระบี่จะผ่านที่ไหน มิติด้านหลังจะถล่มลงกลายเป็นสีดำสนิท มันได้ทิ้งความมืดมิดไว้ด้านหลังมัน มันดูราวกับเส้นสีดำที่ตัดผ่านท้องฟ้า
” จิตวิญญาณราชันย์ ! ” เจี้ยนเฉินได้ข้อสรุปและเริ่มเครียดขึ้นมาทันที ด้วยการมาถึงของจิตวิญญาณราชันย์ การแทงของเจี้ยนเฉินที่แทงเข้าใส่โอวหยางหยิงเว่ยจึงหยุดลง แต่ไม่นานมันมันก็พุ่งไปต่อ เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะฆ่าโอวหยางหยิงเว่ย
แต่โอวหยางหยิงเว่ยจัดการใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อหลบการโจมตีไปได้เพราะเจี้ยนเฉินหยุดไปชั่วขณะ แต่แขนของเขาโดนปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินตัดทิ้งไป
แววตาของเจี้ยนเฉินเย็นชาและมีความอาฆาตแฝงอยู่ภายใน เขาสร้างผนึกขึ้นมาด้วยมือหนึ่งและกระบี่จือหยิงบนหลังก็สั่นและพุ่งออกมาพร้อมกับแสงสีม่วง มันพุ่งไปรับการโจมตีจากกระบี่ดำโดยไม่เกรงกลัว ตอนที่กระบี่จือหยิงพุ่งออกไป มิติบริเวณกว้างก็ถล่มลงไม่ว่ากระบี่จือหยิงจะไปที่ไหน มันแผ่ปราณกระบี่ที่สูงส่งออกมาซึ่งเติมเต็มโดยรอบและปะทะกับปราณกระบี่ของจิตวิญญาณราชันย์ มันส่งผลต่อโดยรอบไม่ได้น้อยไปกว่ากระบี่ดำเลย