ตอนที่ 1640: ร่างบรรพกาลขั้นที่ 9
เจี้ยนเฉินรู้สึกเจ็บปวดจากการกลั่นร่างกาย มันเป็นประสบการณ์เดียวกับการทุกข์ทรมาณ นี่เป็นครั้งที่ 9 ที่เขาได้รับรู้ถึงสิ่งนี้ จากแปดครั้งก่อนหน้านี้ที่เขาได้ประสบมา มันก็เหมือนกับการแล่นเรือในแม่น้ำที่เงียบสงบ มันง่ายเหมือนปอกกล้วยสำหรับเขา
ในขณะที่พลังบรรพกาลของเจี้ยนเฉินเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็ได้รับปรากฏการณ์มากมาย ทำให้เมฆสีแดงโลหิตทั้งหมดปั่นป่วนอย่างดุเดือด ในเวลาเดียวกันเหตุการณ์นี้ก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขยายไปทั่วทั้งเมฆ มันถูกบีบอัดลงบนพื้นที่รอบ ๆ จนมันบิดเบี้ยวท่ามกลางหมู่ดาว พื้นที่ห่างจากเจี้ยนเฉินไม่กี่เมตรก็เกิดรอยแยกของมิติ
การคงอยู่เจี้ยนเฉินทำให้มันเกิดเป็นรอยแยก ด้วยการคงอยู่ของเขาที่มีความสามารถเกินกว่าขั้นแลกเปลี่ยนช่วงต้นมานานมากแล้ว มันเกินว่าขั้นแลกเปลี่ยนช่วงกลาง และแม้กระทั่งจอมยุทธขั้นแลกเปลี่ยนช่วงปลาย คู่แข่งของเขาก็ไม่อาจทะลวงมันได้ มันเกินขีดจำกัดของโลกมานานแล้ว แต่พลังของเขาก็ยังสูงขึ้นไปอีก
ความวุ่นวายเกิดขึ้นกับเจี้ยนเฉินบนอวกาศไม่อาจหลบพ้นจากความรู้สึกของจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมในทวีปเทียนหยวนได้ ในขณะที่ทุกคนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับและมองไปยังอวกาศรอบนอกตรงที่เมฆสีแดงเลือดอยู่
ช่างเป็นความกดดันที่น่ากลัวนัก เจี้ยนเฉินทะลวงด่านหลังจากที่เก็บตัวบ่มเพาะกว่า 18 ปี ? เถี่ยต้าถอนหายใจด้วยความประหลาดใจขณะที่เขาบ่มเพาะอยู่ที่หอคอยสัตว์เทวะ เพียงพริบตาเขาก็หายตัวออกไปจากหอคอย
กุยไฮ่ยี่เต่า, หยางลี่และเฟิงเซียวเทียนได้มารวมตัวกันที่ทวีปเทียนหยวน กุยไฮ่ยี่เต่าจ้องมองออกไปที่นอกโลกด้วยความรู้สึกที่หลากหลายและกล่าวว่า ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินนั้นยอดเยี่ยมมากจริง ๆ เขาสามารถที่จะต่อกรกับจิตวิญญาณราชันย์ที่อยู่ในขอบเขตเทพ ตอนนี้เขาทะลวงอีกครั้งแล้ว ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน….
มันเป็นพรสวรรค์ที่น่ากลัวนัก… เฟิงเซียวเทียนพึมพำ เขายิ้มกว้างมากขึ้น
เขาทะลวงอีกครั้ง หลานชายที่ดีของข้านั่นย่อมโดดเด่นกว่าใคร ข้าแค่หวังว่าเขาจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากการเพิ่มความแข็งแกร่งที่รวดเร็วของเขาในเวลาไม่กี่ปี ซึ่งอาจทำให้รากฐานของเขาไม่มั่นคง หยางลี่หัวเราะเสียงดัง เขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นกังวล ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินนั้นเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป แม้แต่หยางลี่ที่มีชีวิตอยู่อย่างยาวนานและได้เห็นหลาย ๆ สิ่งก็ยากที่จะยอมรับมัน
เยี่ยม ! พี่ใหญ่แข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว พี่ใหญ่ไม่ต้องกลัวไอ้คนเลวนั่นแล้ว ตอนนี้คนเลวนั่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพี่ใหญ่อีกต่อไป เสี่ยวหลิงปรบมือและกระโดดไปรอบ ๆ ขณะที่นางตะโกนเสียงดัง นางตื่นเต้นมาก ในเวลาเดียวกันเสี่ยวจินและเสี่ยวหลิงก็ยิ้มอย่างมีความสุขที่เมืองอัคนี
จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมทั้งหมดจากทั้งสี่เผ่าพันธุ์ลอยอยู่ห่างจากเมฆสีแดงเลือดไป 100 เมตร เมื่อสิบปีก่อนเจี้ยนเฉินก็ใกล้ที่จะทะลวงก่อนที่จะเกิดการเจรจา
จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมทั้งหมดที่อยู่ในระยะไกลและไม่ได้เข้าใกล้เมฆสีแดงเลือด พวกเขารออย่างเงียบ ๆ เพื่อให้เจี้ยนเฉินปรากฏตัว พวกเขารู้ว่าเจี้ยนเฉินจะออกมาในไม่ช้า
ไม่กี่วันต่อมาเจี้ยนเฉินก็ปรากฏตัวออกมาอย่างเงียบ ๆ ขณะที่เมฆสีแดงเลือดค่อย ๆ จางหายไป เขากลับสู่ความสงบและเม็ดพลังบรรพกาลที่มีขนาดเท่ากำปั้นก็กลับมาเหลือเพียงแค่เม็ดถั่ว มันหดตัวลง แต่มันเต็มไปด้วยพลังบรรพกาลในระดับที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับขั้นที่ 8
เจี้ยนเฉินยิ้ม เดิมทีเขาคิดว่าการมาถึงขั้นที่ 8 ของร่างบรรพกาลนั้นเป็นข้อจำกัดสำหรับเขาในโลกนี้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าจิตมารจะทิ้งความโชคดีไว้ให้กับเขาหลังจากที่เกิดวิกฤตการณ์ของโลก มันได้ทำให้ร่างบรรพกาลทะลวงเข้าสู่ขั้นที่ 9 นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเสียทีเดียว
อย่างไรก็ตามใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไป ในช่วงเวลาที่ต่อมาก็มีสิ่งที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายปรากฏจากร่างกายของเขา มันมีความต้องการที่เต็มไปด้วยความต้องการทำลายและชั่วช้าอย่างมาก ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง ในขณะที่เส้นผลของเขาก็เปลี่ยนสีอย่างรวดเร็วทำให้เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความชั่วร้าย เขาดูราวกับปีศาจ
เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าจิตสำนักของเขาพร่ามัว มีเพียงคววามต้องการที่จะสังหารออกมาอย่างไม่รู้จบและต้องการทำลายล้างอยู่ในหัวใจของเขา ตอนนี้เขาดูเหมือนจะกลายเป็นสิ่งที่รู้จักแค่การสังหารและทำลายล้างโดยไม่กลัวอะไรอีกต่อไป เขาจะฆ่าทุกสิ่งที่กีดขวางโดยไม่มีความรู้สึกยับยั้งใจแต่อย่างใด
แคร่ก !
เมื่อเกิดเสียง เม็ดพลังบรรพกาลขนาดเท่าเม็ดถั่วก็แตกร้าวออกอย่างกะทันหัน
มีการเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ตามมาพร้อมกับรอยแตก ความเจ็บปวดทำให้เขารู้สึกตัว ดวงตาสีแดงของเขาก็ค่อย ๆ หายไปและผมของเขาที่แทบจะกลายเป็นสีแดงทั้งหมดก็กลายเป็นสีดำ
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาที แต่จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ก็รับรู้ถึงพลังชั่วร้ายของเขา
นี่มันพลังอะไร ? แกนวิกฤตยังอยู่อีกงั้นหรือ ? เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพูดอย่างขึงขัง ผู้คนทั้งหมดที่รวมตัวกันที่นั่นต่างมีใบหน้าเหี้ยมเกรียม
มีอะไรผิดพลาดกับการบ่มเพาะของเจี้ยนเฉินหรือไม่ ? เฟิงเซียวเทียนพูดออกมาอย่างไม่พอใจ ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
แม้ว่าพวกเขาจะสงสัย แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปในเมฆสีแดงเลือดเพื่อตรวจสอบ พวกเขาไม่ได้มีพลังเท่ากับเจี้ยนเฉินหรือจิตวิญญาณราชันย์ ดังนั้นแม้ว่าเมฆจะอ่อนตัวลงในตอนนี้ แต่ก็ยังคงเป็นภัยคุกคามในระดับหนึ่ง พวกเขากลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อเจี้ยนเฉินหากว่าพวกเขาผลีผลามเข้าไป
เจี้ยนเฉินมีใบหน้าเหี้ยมขณะอยู่ในเมฆสีแดงเลือด เขารับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้ เมื่อรวมเข้ากับรอยแตกของเม็ดพลังบรรพกาลของเขา ปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมดก็ชี้ให้เห็นว่ามีความผิดปกติบางอย่างหลังจากที่เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นที่ 9
เจี้ยนเฉินมองไปที่เมฆสีแดงเลือดและพูดอย่างเหี้ยมเกรียมว่า ดูเหมือนว่าการดูดซับวิกฤตจะไม่ใช่เรื่องง่าย ท้ายที่สุดวิกฤตของโลกก็คือการดำรงอยู่ที่พิเศษ แม้แต่กฏของโลกก็ไม่อาจทำอะไรได้ แม้ว่าข้าจะบ่มเพาะร่างบรรพกาล แต่มันก็ยังทำให้ข้าเดือดร้อนต่อวิกฤตของโลกที่มีพลังมากกว่าข้าในปัจจุบัน ไม่ว่าจะมีปัญหาใด ๆ ถ้าข้ามีพลังมากกว่าวิกฤต ข้าจะสามารถขัดเกลาร่างกายของข้าได้ง่าย ๆ
แต่ข้าต้องเข้าใจถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้และข้าต้องหาวิธีจัดการกับมัน
เจี้ยนเฉินตรวจสอบร่างกายของเขาทันที แม้ว่าเม็ดพลังบรรพกาลของเขาจะแตกร้าว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจกับมันมากนัก ความไม่สมบูรณ์ของเม็ดพลังบรรพกาลทำให้เขาสามารถแสดงฝีมือได้แปดในสิบส่วนเท่านั้น เมื่อเขาสำรวจจิตใจอย่างแท้จริง เขาก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของจิตสำนึกของเขาก่อนหน้านี้ มันเป็นสิ่งที่เขาหวาดกลัว
หากเขาสูญเสียการควบคุมตัวเองและจมอยู่ในสภาวะการรับรู้ที่มีแต่การทำลายล้างและเข่นฆ่า ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะสามารถหยุดเขาได้อีกต่อไป