ตอนที่ 1648: ก่อนเจรจา (2)
ซ่างกวนมู่เอ๋อขมวดคิ้วหลังจากที่รู้เกี่ยวกับปัญหาที่ซ้อนเร้นของเจี้ยนเฉิน นางกังวลและพูดว่า สิ่งนี้ร้ายแรงมาก เราต้องจัดการมันอย่างรวดเร็ว หากเจ้าสูญเสียการควบคุม โลกนี้ก็เหมือนกับว่าได้เผชิญวิกฤติอีกครั้ง หากเราไม่สามารถหยุดมันได้ ทั้งโลกก็จะเผชิญหน้ากับหายนะ
เจี้ยนเฉินก็ค่อนข้างจริงจังเช่นกัน เขาคิดถึงผลที่จะตามมาแล้ว แต่เขาไม่อาจทำอะไรได้เลย
ข้าวางแผนที่จะจัดการเรื่องต่าง ๆ ในโลกนี้ให้เร็วที่สุดก่อนที่จะไปโลกเซียน หากข้ายังคงอยู่ที่นี่ ด้วยความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้ มันจะไม่มีการก้าวหน้าเลย มีเพียงโลกเซียนเท่านั้นที่จะจัดการกับสิ่งที่ข้าต้องการ เพื่อให้ร่างบรรพกาลของข้าเติบโต ข้าเชื่อว่าข้าจะสามารถจัดการปัญหาเกี่ยวกับวิญญาณของข้าได้ เมื่อข้าแข็งแกร่งขึ้น เจี้ยนเฉินพูดอย่างหนักแน่น จริง ๆ แล้วเขากำลังคิดถึงสิ่งอื่นซึ่งกำลังไปยังโลกอมตะ
เนื่องจากกระบี่คู่นี้มีต้นกำเนิดมาจากโลกอมตะ พวกเขาเป็นสมบัติของนิกายกระบี่สวรรค์ม่วง หัวหน้าของนิกายหนึ่งในเก้านิกายใหญ่ของโลกอมตะ ในระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือดจอมยุทธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือนิพพานอมตะเที่ยงแท้ได้ตายลง ขณะที่เจ้านายเก่าของกระบี่คู่เป็นคนทำให้เขาตายจากการฟันไปที่หลังด้วยการรวมกระบี่ของทั้งสอง ในเวลาเดียวกันกระบี่ทั้งสองเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นหนึ่งในสิบวัตถุมหาเทพ ในโลกอมตะ ส่งผลให้จิตวิญญาณของกระบี่ทั้งสองได้ร่วงหล่นมายังโลกเบื้องล่างและยอมรับเขาเป็นเจ้านายของพวกเขา
เจี้ยนเฉินรู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่าความช่วยเหลือที่เขาได้รับมาจากกระบี่คู่นี้เป็นเหตุผลถึงความสำเร็จในตอนนี้ของเขา แม้ว่าจิตวิญญาณกระบี่จะไม่ค่อยพูดถึงเรื่องราวในอดีตกับเจี้ยนเฉิน แต่เขาก็รู้ดีว่าจิตวิญญาณกระบี่นั้นต้องการกลับไปยังโลกอมตะอย่างมาก ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ยังมีสิ่งที่ฝากฝังจากเจ้านายเก่าของพวกเขา เพราะเขาเป็นคนหลอมพวกเขาทั้งสอง เขาเป็นเหมือนกับบิดาของพวกเขา
นอกจากนั้นทั้งบัญญัติกระบี่นภาที่เจี้ยนเฉินได้บ่มเพาะในอดีตและร่างบรรพกาลในปัจจุบันนี้ของเขาก็มาจากนิกายกระบี่สวรรค์ม่วง พูดอีกด้านเขาได้กลายเป็นสาวกของนิกายไปแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เขาจะไปที่โลกอมตะ
โลกเซียนเป็นเส้นทางไปสู่โลกอมตะ หากเขาต้องการไปโลกอมตะ เขาต้องผ่านโลกเซียน เพราะมันไม่มีเส้นทางไปโลกอมตะได้โดยตรงจากทวีปเทียนหยวน
จิตวิญญาณกระบี่ก็เงียบไปโดยสมบูรณ์ เพราะพวกเขาต้องพึ่งพาวิญญาณของเขาในการกลับไปยังทวีปเทียนหยวนในอดีต
ซ่างกวนมู่เอ๋อเงียบลงเมื่อนางได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน ก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า ปัญหาของเจ้าอยู่ที่วิญญาณ ทำไมเจ้าไม่ลองดูว่าบทเพลงของข้าช่วยเจ้าได้หรือไม่
หลังจากที่ถอนหายใตสักพัก เจี้ยนเฉินก็เห็นด้วย
หลังจากนั้นซ่างกวนมู่เอ๋อก็พยายามโน้วน้าววิญญาณของเจี้ยนเฉินด้วยบทเพลงของนาง แต่ก็ไม่มีผลใด ๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว บทเพลงของนางไร้ประโยชน์ต่อเจี้ยนเฉิน แม้แต่เรื่องทั่ว ๆ ไปก็ยังไม่สามารถมีอิทธิพลต่อวิญญาณของเขาได้เลย สิ่งเดียวที่นางทำได้คือทำให้เขาสงบลงด้วยบทเพลงของนาง
ขณะที่นางเล่น เจี้ยนเฉินก็เฝ้ามองซ่างกวนมู่เอ๋ออย่างสนใจ เมื่อนางหยุด เขาก็ถามว่า มู่เอ๋อ พิณของเจ้าควรจะมีทั้งหมด 36 สาย แต่ทำไมข้าเห็นเจ้าใช้เพียงแค่ครึ่งแรก เจ้าไม่แตะครึ่งหลังเลย
ซ่างกวนมู่เอ๋อมองไปที่พิณของนางและพูดว่า พิณปีศาจร่ำไห้มีทั้งหมด 36 สายและมีข้อกำหนดสำหรับความแข็งแกร่งที่สอดคล้องกันในแต่ละเส้น ความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะบรรเลงมันได้ทุกสาย
มีความประหลาดใจเล็กน้อยปรากฏในสายตาของเจี้ยนเฉิน เขาอดไม่ได้ที่จะตรวจสอบพิณอย่างละเอียด พิณนี่มันช่างลึกซึ้งจริง ๆ เจ้าจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งในการดีดแต่ละสาย เจ้าอยู่ในช่วงกลางขั้นแลกเปลี่ยนซึ่งดีดสายได้บางส่วน ดูเหมือนว่าที่มาของพิณจะไม่ธรรมดา
พิณปีศาจร่ำไห้มีที่มาซึ่งไม่ธรรมดา ผู้คนจำนวนมากของทวีปเทียนหยวนเชื่อว่าข้าสร้างพิณมาจากพลังเซียน แต่นั้นไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ข้าได้พบมันข้างนอกเมื่อข้ายังเด็ก หญิงสาวเจ้าเสน่ห์สวรรค์พูดอย่างใจเย็น
เจ้าพบมัน เจี้ยนเฉินมีสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างแปลก ๆ
ถูกต้อง ข้าพบพิณปีศาจร่ำไห้ ข้าไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าเป็นคนแรก ซ่างกวนมู่เอ๋อจ้องไปที่เจี้ยนเฉินและพูดต่อ เมื่อข้าพบพิณตัวนี้ มันถูกฝังอยู่ใต้ดิน ข้าพบมันเพียงแค่มุมเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาเท่านั้น ข้าได้ขุดและพยายามอย่างมาก และมันก็หนักเสียจนข้าไม่สามารถขยับมันได้ด้วยพลังของข้าเมื่อตอนนั้น จากนั้นข้าตั้งใจจะตัดสาย เมื่อเลือดของข้าหยดลง ข้าก็พบความจริงที่ว่าข้ารู้สึกถึงการเชื่อมต่อเล็ก ๆ ด้วยการเชื่อมต่อระหว่างกัน ข้ายังได้รับวิธีการบ่มเพาะที่เข้ามาในหัว ข้าใช้วิธีการบ่มเพาะนั้นจนถึงทุกวันนี้
ข้ารู้ ดูเหมือนว่าพิณตัวนี้จะเป็นสมบัติที่ดี เจ้าของเดิมอาจจะเสียชีวิตลง นั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้น เจี้ยนเฉินเข้าใจ เขาคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนในหอคอยอนัตตาที่อุบัติขึ้นในโลกนี้เพราะเจ้านายคนก่อนของมันได้ล่วงลับไปแล้ว และตอนนี้มันก็อยู่ในมือของเขา
ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็หยุดบ่มเพาะ ในขณะนี้มีเสียงแปลก ๆ และร่าเริงดังขึ้น ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนวิ่งออกมาจากที่ ๆ เขาบ่มเพาะอย่างมีความสุข
เจี้ยนเฉินลุกขึ้นและกระโจนออกจากก้อนหินอย่างอ่อนโยน เขายิ้มให้กับซ่างกวนเอ๋อเจี้ยน เขาพอใจอย่างมากกับลูกชายของเขา เพราะเขาไม่เห็นความเย่อหยิ่งใด ๆ ในตัวลูกชายของเขาเลย ทั้งบุคลิกและศีลธรรมของเขา เจี้ยนเฉินพอใจอย่างมาก
หลังจากนั้นทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกับทุกสิ่ง เจี้ยนเฉินบอกเรื่องการบ่มเพาะเกี่ยวกับซ่างกวนเอ๋อเจี้ยน ในขณะที่ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนก็บอกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาพบพานมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ท่านพ่อ ท่านอาจไม่รู้ น้องชายของข้า เจียงหยางซูได้ท้าทายข้าหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ข้าก็ทำให้เขาหวาดกลัวทุกครั้ง เขาวิ่งหนีไปตลอด ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากมีเสียงหัวเราะทุกครั้งที่พูดถึงเจียงหยางซู
เจี้ยนเฉินก็หัวเราะด้วยเช่นกัน เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้นเขาก็กล่าวว่า ตอนนี้ซางกวนซูไม่ใช่เซียนราชา แต่เจ้าก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าเซียนจักรพรรดิ แม้แต่เซียนจักรพรรดิหลายคนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้กับเจ้า เจ้าคงไม่แกล้งน้องมากไปใช่หรือไม่ ? คิดดูแล้ว เสี่ยวเป่า ข้าจะยังไม่เคยพาเจ้าไปพบปู่และย่าของเจ้า มันถึงเวลาแล้วที่เขาต้องรู้จักตัวตนของเจ้า
ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนไม่อาจพูดอะไรได้ เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินคำพูดของบิดาของเขา เขาเคยเห็นปู่และย่าของเขามาก่อน แต่พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาเป็นลูกชายของเจี้ยนเฉินและพวกเขาก็ปฏิบัติกับเขาในฐานะนายน้อยแห่งเกาะสามเซียน ในใจเขาต้องการได้รับการยอมรับว่าเขาเป็นหลานชายของพวกเขา