ตอนที่ 1657: การจากลาของเถี่ยต้า
ไม่เพียงแต่เจี้ยนเฉินและซ่างกวนมู่เอ๋อเฝ้าสังเกตจอมยุทธจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งในการซื้อที่ดินอย่างไม่ลืมหูลืมตา วิญญาณของพวกเขายังขยายออกไปทั่วดินแดนของทั้งสี่เผ่าพันธุ์ ขณะที่พวกเขายังคงให้ความสำคัญอย่างชิดใกล้กับจอมยุทธจากต่างโลก มีเพียงเสี่ยวจินและเสี่ยวหลิงที่ไม่สนใจเรื่องทั้งหมดและยังคงวิ่งเล่นทุกวัน ๆ แม้แต่เสือขาวที่บ่มเพาะอย่างกับคนบ้าก็ยังแผ่วิญญาณของเขาออกไปได้เป็นครั้งคราวและสังเกตสิ่งที่อยู่ภายนอก
ในขณะเดียวกันจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งก็คอยสังเกตการณ์กลุ่มที่เข้าซื้อที่ดิน ท้ายที่สุดทุกคนต่างก็มีความมั่งคั่งพอที่จะซื้อที่ดิน ไม่เพียงแต่พวกเขาจะนำเงินมาใช้ในโลกนี้เท่านั้น แต่ยังมีทรัพยากร, วิธีการบ่มเพาะ, ทักษะการต่อสู้และอื่น ๆ อีกมากมาย โถงจิตวิญญาณลับได้สะสมสมบัติทั้งหมดเหล่านี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าทั้งหมดนั้นจะมีเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งของโถงจิตวิญญาณลับ มันเพียงพอที่จะทำให้เซียนจักรพรรดิคลั่งเกี่ยวกับมัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาและเพื่อให้แน่ใจว่าสมบัติของพวกเขาจะไม่ถูกขโมยจากคนอื่น จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมอย่างพวกเขาต้องจับตามองตลอดเวลา
ตราบใดที่เกิดความไม่ลงรอยและต้องใช้ความแข็งแกร่งเข้าตัดสิน จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมของทั้งสองโลกก็จะสามารถสัมผัสได้ผ่านทางวิญญาณ ในขณะที่พวกเขาขยายการรับรู้ทางวิญญาณของพวกเขา บ่อยครั้งที่จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมของทวีปเทียนหยวนได้สัมผัสกับวิญญาณของจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิม แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
การซื้อที่ดินอย่างประมาทจะทำให้เกิดความโกลาหลอย่างมากในทวีปเทียนหยวน พวกเขาเสนอสมบัติจำนวนมากและวิถีบ่มเพาะเพื่อซื้อที่ดิน ทำให้มูลค่าของทักษะการต่อสู้ระดับเซียนและวิธีการบ่มเพาะลดลง โดยปกติทุกตระกูลโบราณและองค์กรที่มีเซียนราชาจะเห็นด้วยที่จะย้ายออกไปหลังได้รับทักษะการต่อสู้ระดับเซียนหรือวิธีการบ่มเพาะ
ท้ายที่สุดทักษะต่อสู้ระดับเซียนก็มีค่าเนื่องจากความขาดแคลน แม้แต่ตระกูลโบราณจำนวนมากที่อยู่มานับหมื่น ๆ ปีก็ยังย้ายออกไปโดยไม่มีเหลือ ด้วยการเข้ามาของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง ทักษะต่อสู้ระดับเซียนจำนวนมากและวิธีการบ่มเพาะทำให้สิ่งของพวกนี้สูญเสียมูลค่าจากแต่ก่อนไป
ความมั่งคั่งของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งเกี่ยวกับการฝึกตนและทรัพยากรในวิถีบ่มเพาะที่พวกเขาใช้ทำให้ได้รับที่ดินเป็นจำนวนมาก ทรัพยากรที่พวกเขาใช้จากการซื้อขายครั้งนี้ไม่สำคัญมากสำหรับโถงจิตวิญญาณลับที่เก็บเอาไว้มานานหลายปี
การใช้จ่ายเหล่านี้ไม่สำคัญต่อโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง แต่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งนั้นมีจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมมากกว่าโลกทวีปเทียนหยวน แม้แต่จอมยุทธขอบเขตเซียนของพวกเขาก็มีจำนวนมากกว่าโลกของเจี้ยนเฉิน เป็นผลทำให้มีทักษะการต่อสู้ระดับเซียนและวิธีการบ่มเพาะนับไม่ถ้วน
ในพริบตาการซื้อที่ดินจำนวนมากของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งก็ดำเนินต่อไปเป็นเวลา 3 ปี ไม่เพียงแต่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งจะได้รับที่ดินจำนวนมากจากทั้ง 4 เผ่าพันธุ์ ความแข็งแกร่งของโลกเจี้ยนเฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในภายใน 3 ปีเช่นกัน โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งได้นำสมบัติจำนวนมากที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในทวีปเทียนหยวน รวมถึงม้วนเวทย์ที่ข้องเกี่ยวกับความลึกลับของโลกซึ่งจะช่วยให้การฝึกฝนราบรื่นมากขึ้นในการทะลวงเซียนสวรรค์ต่อใครหลาย ๆ คน รวมถึงทะลวงไปถึงเซียนผู้คุมกฏได้ อย่างไรก็ตามผู้คนที่เข้าใจโดยสมบัติสวรรค์จะไม่อาจพัฒนาต่อไปได้อีก มีเพียงส่วนน้อยที่จะฝ่าฝันในการเข้าใจและฝึกหนักของพวกเขาเองเท่านั้นที่จะก้าวหน้าต่อไปได้
สมบัติสวรรค์เหล่านี้ไม่ได้สมบูรณ์เท่ากับลูกท้อเมฆม่วงและมีผลกระทบ เมื่อคนที่เข้าถึงขอบเขตเซียนโดยสมบัติสวรรค์เหล่านี้ รากฐานของพวกเขาจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงและจำกัดพวกเขาไว้ที่การบ่มเพาะนั้น ๆ ตลอดชีวิตของเขา อย่างไรก็ตามยังมีเซียนสวรรค์จำนวนมากที่เลือกที่จะใช้การทะลวงเข้ามาทางวิธีนี้ เนื่องจากความเข้าใจของพวกเขามีจำกัด แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะทำให้เขาเข้าถึงเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6 พวกเขาก็จะกลายเป็นโครงกระดูกในอีก 1,000 ปี หากว่าพวกเขาไม่อาจเลือกได้
โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งเข้ามาในโลกอย่างรวดเร็วจากอุโมงค์ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมาจนถึงจุดที่คนของพวกเขามีจำนวนหลายร้อยล้าน คนเหล่านี้ไม่มีพลังมากไปกว่าเซียนปฐพี เซียนปฐพีและเซียนสวรรค์ของพวกเขามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น พวกเขาไปยังที่ดินที่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งซื้อไว้ บ้างบ่มเพาะที่นั่น บ้างสร้างที่สำหรับครอบครัวเพื่อที่จะทำธุรกิจที่นั่นพร้อมกับพยายามหลอมรวมเป็นคนในโลกนี้
ด้วยการมีอยู่ของพวกเขา โลกก็ได้เผ่าใหม่ขึ้น คือ โลกเซียนที่ถูกทอดทิ้ง
ผู้คนจากโลกเซียนที่ถูกทิ้งเรียกตัวเองว่าเซียนที่ถูกทอดทิ้ง หลายคนไม่ทราบว่ามาจากไหน ท้ายที่สุดแล้วนั้นชื่อพวกนี้ยาวเกินไป ตราบใดที่วิญญาณในอดีตไม่อาจสืบค้นได้ มันเหมือนกับตราสินค้าที่อยู่ลึกในจิตใจของพวกเขา เช่นนี้พวกเขาถึงจำได้เสมอว่าพวกเขาคือเซียนที่ถูกทอดทิ้ง
หลังจากย้ายเข้ามาในโลกทวีปเทียนหยวนแล้ว สหายพวกแรกของเซียนที่ถูกทอดทิ้งคือพ่อค้า ในสายตาของพ่อค้าไม่มีศัตรูถาวร มีเพียงผลกำไรเท่านั้นที่นิรันดร์ พวกเขาเห็นว่าการมาถึงของต่างเผ่าพันธุ์นั้นเป็นโอกาสที่ดีต่อพ่อค้าจำนวนมาก พวกเขาจึงนำอาหารพื้นเมืองเข้ามาซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดาเซียนที่ถูกทอดทิ้งขาดแคลน พวกเขาได้รับประโยชน์อย่างมาก
พวกพ่อค้าได้กลายเป็นสหายคนแรก ๆ กับพวกเซียนที่ถูกทอดทิ้งและเป็นกลุ่มที่ได้รับการต้อนรับมากที่สุด
แน่นอนว่ามีผู้บ่มเพาะเพียงไม่กี่คนที่เดินทางผ่านทวีปและมีการขัดแย้งเล็ก ๆ และต่อสู้กับเซียนที่ถูกทอดทิ้ง อย่างไรก็ตามคนระดับบน ๆ ของทวีปเทียนหยวนไม่ได้ยุ่งกับเรื่องเหล่านี้ ท้ายที่สุดจอมยุทธทุกคนเติบโตท่ามกลางทะเลเลือดและซากศพ นี่เป็นการบ่มเพาะสำหรับพวกเขาเท่านั้น
เรือประมงขนาดเล็กลอยอยู่อย่างเงียบ ๆ ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรจากเกาะสามเซียน มันขึ้น ๆ ลง ๆ ตามระลอกคลื่น ชายหนุ่มสองคนที่มาอายุใกล้เคียงกันยืนอยู่บนเรือด้วยเสื้อผ้าหยาบ ๆ เท้าของพวกเขาเปล่าเปลือยและกำลังตกปลาอยู่ ข้าง ๆ ของเขาคือข้องที่มีปลาตัวใหญ่อยู่หลายตัว มีน้ำสาดเข้ามาหาสองหนุ่มเป็นครั้งคราวและทำให้เสื้อผ้าเปียก แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สนใจ พวกเขาจ้องมองไปทางทะเลขณะที่พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนใจ
ท่านพ่อ ท่านคิดจะกินอะไรในคืนนี้ ? ท่านต้องการกินปลานึ่งหรือปลาย่าง ? ข้าชอบกินปลาย่างมากกว่า ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ดูเหมือนเขาจะพอใจเป็นอย่างมาก
แม่เจ้าทำปลานึ่งได้ไม่เลว ปลาทอดที่ป้ารองก็เยี่ยมเช่นกัน ในขณะที่ปลาย่าง ป้าสามของเจ้าทำได้อร่อย ทำไมเราไม่ให้พวกเขาทำทั้งหมดในทีเดียวในคืนนี้ ? เราจับปลาได้มากมาย ชายหนุ่มอีกคนกล่าว มันไม่แปลกใจเลยที่มีกระบี่สองเล่มสะพายอยู่ด้านหลังของเขา เล่มหนึ่งมีสีฟ้าอีกเล่มเป็นสีม่วง
ทั้งสองคนคือเจี้ยนเฉินและซ่างกวนเอ๋อเจี้ยน
ในขณะนี้พื้นที่ที่อยู่ห่างจากเจี้ยนเฉินกระเพื่อและทันใดนั้นก็มีชายร่างใหญ่คนหนึ่งปรากฏขึ้นมาราวกับว่าเขาโผล่ออกมาจากอากาศ ผิวหนังของเขากระชับและแวววาวราวกับว่าชุบด้วยทองคำ เขาสวมชุดสำหรับการต่อสู้ทำให้เขาดูสง่างามอย่างมาก เขามีประกายแห่งอำนาจสูงสุด ส่วนที่สะดุดตาที่สุดคือรอยประทับสีทองรูปขวานที่หว่างคิ้วของเขา
เถี่ยต้า เจ้ามาได้เวลาพอดี ทำไมเจ้าไม่กลับไปที่เกาะสามเซียนกับข้าเพื่อกินปลาล่ะ มันก็นานหลายปีแล้วตั้งแต่ที่เจ้าได้กิน มันจะต้องน่าคิดถึงมาก เจี้ยนเฉินพูดกับชายกำยำที่ปรากฏตัวกระทัน
เถี่ยต้ามองไปที่ทั้งสองที่กำลังตกปลาและเขาก็รู้สึกสับสน มีความรู้สึกเฝื่อน ๆ หลังจากที่พวกเขาแยกเดินทาง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็นั่งลงข้าง ๆ เจี้ยนเฉินและมองไปที่ทะเลก่อนที่จะพูดว่า เจี้ยนเฉิน ข้ามาเพื่อบอกลาเจ้า ข้าจะไปแล้ว
เจี้ยนเฉินจับเบ็ดของเขาแน่นทันทีเมื่อได้ยิน เขาตอบหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เจ้าจะไปแล้วจริง ๆ หรือ ? เมื่อเจ้าจากไป มันไม่ง่ายเลยที่เจ้าจะกลับมา ใครจะรู้ว่ามันต้องรอไปอีกนานแค่ไหน
ผู้อาวุโสเอเดรียนน่าได้เตรียมการทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว นางแนะนำให้ข้าไปยังโลกที่สูงกว่า ข้าคิดดีแล้ว ข้าจะจากไปในเร็ว ๆ นี้ เพราะข้าไม่ต้องการอยู่ที่นี่เช่นกัน ไม่มีทางที่จะพักที่นี่อีกแล้ว เถี่ยต้าพูดอย่างเศร้าสร้อย
เจี้ยนเฉินชำเลืองมองไปที่เถี่ยต้าอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะถอนหายใจ เขารู้เหตุผลส่วนหนึ่งของเถี่ยต้า เดิมทีเถี่ยต้าเคยหมั้นกับหญิงสาวในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เขาเติบโตมาในทวีปเทียนหยวน อย่างไรก็ตามหญิงสาวคนนั้นแต่งกันกับชายอีกคนหนึ่งในหมู่บ้านเมื่อหลายปีก่อนและตอนนี้นางก็ได้เป็นย่าไปแล้ว จิตใจของเถี่ยต้าปวดร้าวเพราะเรื่องนี้อยู่เสมอ
เถี่ยต้าได้ซ่อนสิ่งนี้ไว้เสมอและไม่เคยบอกใคร อย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่วิญญาณของเขาสามารถห่อหุ้มโลกได้อย่างง่ายดาย หากเขาเต็มใจ เขาจะเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านของเถี่ยต้าซึ่งเขาไม่อาจปิดความลับจากเขาได้
เจี้ยนเฉินตบไหล่เถี่ยต้า เจ้าต้องปกป้องตัวเองเมื่อเจ้าไปโลกเซียน เราอาจจะพบกันที่นั่นอีกไม่นาน เจี้ยนเฉินไม่พยายามพูดรั้งเถี่ยต้าให้อยู่ต่อ เขารู้ว่าเถี่ยต้าจะจากไปไม่ช้าก็เร็ว
เทีนต้ามองเจี้ยนเฉินและพูดว่า เจี้ยนเฉิน ไปที่โลกเซียนกับข้า เอเดรียนน่าได้บอกข้าว่าข้าจะกลายเป็นผู้ปกครองในสายตาของทุกคน เมื่อข้ากลับไปที่เผ่าเทพ ทุกคนจะเคารพและเชื่อฟังคำสั่งของข้า เผ่าเทพเป็นเผ่าที่รุ่งโรจน์ในโลกเซียน พวกมันมีพลังมาก ดังนั้นหากเจ้าไปที่โลกเซียนกับข้า เจ้าจะสามารถอยู่ในเผ่าเพื่อบ่มเพาะ ด้วยสถานะของข้าในเผ่าเทพ ไม่มีใครสร้างปัญหาให้กับเจ้าได้
ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนไม่พอใจทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเถี่ยต้า เขาพูดเบา ๆ ว่า ท่านลุงเถี่ยต้า ข้าจะไม่ห้ามท่านถ้าท่านต้องการไปโลกเซียน แต่อย่ามาชวนท่านพ่อของข้า ไม่งั้นข้าจะไม่ยกโทษให้ท่าน
เถี่ยต้ามองไปที่ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนและสายตาของเขาก็อ่อนโยน เขายิ้มโดยไม่คิดอะไร พ่อของเจ้ากำลังจะจากไปไม่ช้าก็เร็ว และมันไม่ใช่แค่พ่อของเจ้า แม่ของเจ้าก็เช่นกัน เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นหากยังคงอยู่ที่นี่