ตอนที่ 1706 : การรวมตัวของขั้นเทพ
หลังจากที่ขึ้นถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงกลางได้ เฉินเจี้ยนก็ใช้เวลาหลายวันเพื่อปรับตัวกับพลังก่อนจะออกจากการเก็บตัว
“เราจะออกเดินทางตอนไหน ? ” เฉินเจี้ยนถามทันทีที่เห็นเจี้ยนเฉิน ทั้งสองคนได้พุดคุยกันเล็กน้อย พวกเขาไม่จำเป็นต้องมัวมีมารยาทด้วยสายสัมพันธ์ที่พวกเขามีตอนนี้
“คืนนี้” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมา เขาเผยแววตาอาฆาตออกมา บรรพชนตระกูลลู่รู้ความลับของเขา ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องกำจัดอีกฝ่ายโดยไม่สนว่าจะสูญเสียอะไรไปบ้าง
เฉินเจี้ยนพยักหน้า แม้ว่าเขาจะอยู่เพียงลำพังแต่เขาก็สามารถสู้กับขั้นเทพช่วงต้นได้หลังจากที่ทะลวงผ่านขึ้นมาถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงกลางเมื่อคิดรวมกับความสำเร็จขั้นกลางของต้นกำเนิดกระบี่ หากมีเจี้ยนเฉินอยู่ด้วย การฆ่าขั้นเทพช่วงต้นนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
ในคืนเดียวกันนั้น เจี้ยนเฉินและเฉินเจี้ยนได้ออกจากตระกูลโม่ไปเงียบ ๆ มีแค่ขั้นเทพในตระกูลโม่อย่างบรรพชนที่รู้สึกถึงการจากไปของพวกเขา ส่วนคนอื่น ๆ รวมถึงผู้นำตระกูลนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ในส่วนที่ลึกเข้าไปของตระกูลโม่ โม่หลิงมองออกไปภายนอกด้วยตาที่เป็นประกาย เขาได้พึมพำออกมา “ดูเหมือนว่าเฉินเจี้ยนกับเจี้ยนเฉินจะไปจัดการกับตระกูลลู่ พวกเขาคึกขึ้นมาหลังจากที่ทะลวงผ่านได้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแต่ก็มีพลังและพรสวรรค์มากมายเช่นเดียวกัน เราไม่อาจจะคุกคามคนเช่นนี้ได้นอกซะจากว่าเรามั่นใจว่าจะฆ่าพวกเขาได้ ไม่งั้นแล้วแม้ว่าตระกูลและนิกายใหญ่ในโลกเซียนก็ไม่อาจจะทนการทวงหนี้แค้นได้หากพวกเขาเติบโตไปมากกว่านี้ “
“โม่หยานโชคดีงั้นหรือ ? คนที่นางได้ช่วยจากโลกภายนอกนี้น่าประทับใจ ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะเป็นพรหรือเป็นคำสาปสำหรับตระกูลโม่ของเรา ตอนนี้อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ถือว่าเป็นพรสำหรับเรา “
…
เจี้ยนเฉินและเฉินเจี้ยนมุ่งหน้าไปยังตระกูลลู่ ด้วยความเร็วของพวกเขา พวกเขาเดินทางได้หลายพันล้านกิโลเมตรในเวลาไม่กี่ชั่วยามและเกือบจะไปถึงตระกูลลู่แล้ว
ครั้งนี้ เจี้ยนเฉินและเฉินเจี้ยนเตรียมตัวมาอย่างดี พวกเขามั่นใจว่าจะกันไม่ให้บรรพชนตระกูลลู่หนีไปได้เหมือนครั้งที่แล้ว
เมื่อบรรพชนตระกูลลู่ตายไป คนอื่น ๆ ในตระกูลลู่เองก็จะไม่เป็นภัยต่อพวกเขาสองคนอีกต่อไป ตอนนั้นสมบัติทั้งหมดที่ตระกูลลู่สั่งสมมาตลอดหลายปีก็จะตกเป็นของพวกเขา แม้ว่าสมบัติเหล่านั้นอาจะไม่เพียงพอที่ทำให้เจี้ยนเฉินยกระดับร่างบรรพกาลเป็นขั้น 10 ได้แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เฉินเจี้ยนทะลวงผ่านได้อีกครั้ง มันอาจจะเพียงพอทำให้เฉินเจี้ยนกลายเป็นขั้นเทพได้
เมื่อเฉินเจี้ยนกลายเป็นขั้นเทพ พวกเขาจะมีพลังที่จะสามารถจัดการกับตระกูลใหญ่ในแคว้นตงอันได้ด้วยการที่มีเจี้ยนเฉินและโม่หลิงคอยหนุนหลัง
“ไม่นะ มีขั้นเทพมากมายปรากฏตัวในตระกูลลู่” สีหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปทันทีที่ไปถึงตระกูลลู่ เขากับเฉินเจี้ยนได้ลบพลังออกไปทันทีและค่อย ๆ เข้าไปอย่างระวังตัว
ขั้นเทพเหล่านี้แผ่พลังอันแข็งแกร่งออกมาและด้วยการที่มีหลายคนมาอยู่ใกล้กันนี้จึงทำให้พลังนั้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มันรับรู้ได้แม้ว่าจะอยู่ไกลออกมาก็ตาม ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงรับรู้ได้ถึงขั้นเทพเหล่านี้และพวกนั้นก็ไม่อาจจะรับรู้ตัวตนของเขาได้เพราะอยู่ห่างกันเกินไป
เจี้ยนเฉินและเฉินเจี้ยนค่อย ๆ เข้าไปที่บ้านตระกูลลู่อย่างระวังตัว พวกเขาพบว่ามีขั้นเทพ 6 คนในอากาศด้านบนบ้าน พวกนั้นพากันเปล่งแสงออกมาจนทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นพวกนั้นได้ชัดเจน พวกนั้นราวกับเป็นจุดกำเนิดแสงและแผ่พลังครอบคลุมตระกูลลู่เอาไว้
“ตระกูลลู่ ลองคิดดู เจ้าจะร่วมมือกับตระกูลดีเซนรึไม่ ?” – ตอนนั้นมีเสียงหนึ่งได้ดังขึ้นมาจากตระกูลลู่ เทพคนหนึ่งได้พูดขึ้นมา
“ตระกูลลู่ ตระกูลชางหยุนของเรานั้นขอเชิญพวกเจ้ามาร่วมมือกับเรา พวกเจ้าคิดเห็นยังไง ? ” เสียงที่สองดังขึ้นมา มันคือเสียงของเทพอีกคน
“ตระกูลจินของเราขอเชิญหัวหน้าตระกูลลู่ไปเยี่ยม…”
“ตระกูลคังของเราเองก็เช่นกัน…”
….
ขั้นเทพทั้งหกต่างก็พูดขึ้นมา พวกเขาต่างก็เป็นตัวแทนจากตระกูลที่แข็งแกร่ง
เจี้ยนเฉินและเฉินเจี้ยนที่อยู่ไกลออกมาเริ่มเครียดเมื่อเห็นแบบนั้น พวกเขาไม่คุ้นกับตระกูลของขั้นเทพทั้งหกนี้ พวกนี้มาจากตระกูลที่แข็งแกร่งในคว้นตงอัน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลไหนก็แข็งแกร่งกว่าตระกูลโม่, นิกายจุลกระบี่, ตระกูลอันโดหรือตระกูลโม่
นี่เพราะมาตรฐานต่ำสุดในการมีจุดยืนในเมืองหลักนี้คือต้องมีขั้นเทพช่วงต้น 3 คน และนี่คือข้อกำหนดต่ำสุด อันที่จริงแล้วมีหลายตระกูลในเมืองหลักที่มีขั้นเทพช่วงกลางหรือแม้แต่ขั้นเทพช่วงปลาย
“ดูเหมือนว่าข่าวของเหมืองตระกูลลู่จะรั่วไหลออกไปแล้ว มีหลายตระกูลรู้เรื่องนี้แล้ว” เฉินเจี้ยนพูดขึ้น อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ตอนนั้นเองก็ได้มีพลังขั้นเทพอีกคนปรากฏขึ้นมาจากไกล ๆ ชายแก่คนหนึ่งบินมายังตระกูลลู่ด้วยความเร็วแสง สีหน้าของเขาหม่นลงเมื่อเห็นเหล่าเทพลอยอยู่ในท้องฟ้า
“บรรพชน ในที่สุดท่านก็กลับมา” หัวหน้าตระกูลลู่โล่งใจทันทีเมื่อเห็นชายแก่กลับมา การรวมตัวกันของขั้นเทพมากมายจากตระกูลใหญ่ในแคว้นตงอันนี้สร้างความกดดันเขาอย่างมาก
ชายแก่คนนี้คือบรรพชนตระกูลลู่ ลู่เทียน ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้เขาก้ได้กลับมาจากเมืองหลวง แต่เขาไม่คิดว่าเรื่องที่เขาไม่อยากเห็นมากที่สุดกลับเกิดขึ้นทันทีที่เขากลับมา
ลู่เทียนมีสีหน้าหม่นลง หลังจากที่เงียบไปไม่นานเขาก็ป้องมือให้กับบรรดาขั้นเทพและพูดขึ้นมา “ทุกคน เชิญไปที่ห้องโถงหลัก”
ขั้นเทพทั้งหกป้องมือตอบ ยังไงซะลู่เทียนก็เป็นขั้นเทพเช่นกัน เขามีฐานะทัดเทียมกับพวกเขา พวกเขาต่างก็ตาม ลู่เทียนเข้าไปในตระกูลลู่
“ดูเหมือนว่าเราจะฆ่าลู่เทียนตอนนี้ไม่ได้” เจี้ยนเฉินบอกกันเฉินเจี้ยน พร้อมกับปิดบังพลังของตัวเองไว้
เฉินเจี้ยนพยักหน้า “แล้วเราจะทำยังไงกันต่อ ? ”
หลังจากที่เงียบได้ไม่นาน เจี้ยนเฉินก็กัดฟันแน่น “ไปที่ภูเขาเมฆดำและหวังว่าตระกูลที่แข็งแกร่งพวกนั้นจะไม่ส่งคนไปที่นั่น”
ทั้งสองคนได้ออกเดินทางในทันที
ชายชุดดำยืนอยู่ตรงหน้าชายวัยกลางคนที่สวมชุดหรูหราในคฤหาสน์ใหญ่ภายในเมืองหลัก
“หัวหน้าตระกูล ข่าวเรื่องภูเขาเมฆดำรั่วไหลออกมา มีหลายตระกูลในเมืองเขตที่รู้เรื่องนี่และมีขั้นเทพหลายคนได้ไปยังตระกูลลู่” ชายชุดดำพูดขึ้น
ตาของชายวัยกลางคนหรี่ลงก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมา “รั่วไหลออกมาแล้วรึ ? ดูเหมือนว่าจะไม่อาจจะยับยั้งไม่ให้ไฟลามทุ่งได้ เราได้ทุ่มเทเพื่อปิดข่าวนี้แต่คนอื่นก็ยังรู้ถึงมัน มันก็แค่ว่าพวกนี้เคลื่อนไหวเร็วไปหน่อย บรรพชนหยาน ยังคงอยู่ในการเดินทางอยู่…ซานยี่ เจ้าไปได้แล้ว “
ด้วยการเรียกเรียกร้องจากบรรพชนตระกูลลู่ อันโดฟูได้โผล่ออกมาจากถ้ำเพื่อตรวจการภูเขาเมฆดำ เขาได้พูดขึ้นมาอย่างหมดหนทาง “ตระกูลที่แข็งแก่รงก็ยังคงรู้เรื่องเกี่ยวกับที่นี่ เฮ้อ ขั้นเทพพวกนี้ได้ไปยังตระกูลลู่แล้ว ไม่นานมันต้องมีคนอื่นที่จะได้เหมืองนี้ไป มันไม่มีประโยชน์ที่ข้าจะต้องมาดูแลที่นี่ต่อ”
อันโดฟูไปถึงเหวและไปหาหนึ่งในผู้อาวุโสที่พำนักอยู่ที่นั่น เขาได้พูดขึ้นมา “คนของแคว้นตงอันได้ไปยังตระกูลลู่แล้ว ข้าทำตามที่ลู่เทียนขอไว้เรียบร้อยแล้ว ข้าคงต้องขอตัว”
ผู้อาวุโสโค้งให้อันโดฟูอย่างสุภาพก่อนจะยื่นแหวนมิติมาให้ “ลำบากท่านแล้ว”
อันโดฟู รับแหวนมิติเอาไว้ไปตรวจสอบ เขาพยักหน้าด้วยความพอใจก่อนที่จะกลับออกไปโดยไม่รีรอ