ตอนที่ 1719 : ความวุ่นวายในเมืองหลัก
ไม่นานเจี้ยนเฉินก็ออกมาจากห้องโถงที่เจ็ด เขาคิดจะไปที่ตระกูลลู่ทันทีเพื่อเก็บสมบัติ แม้ว่าบรรพชนและผู้อาวุโสส่วนมากของตระกูลลู่จะมาโจมตีตระกูลโม่ แต่หัวหน้าตระกูลลู่นั้นไม่ได้มามีส่วนร่วมด้วย ในฐานะหัวหน้าตระกูลแล้ว เขาต้องมีเหรียญผลึกค่อนข้างมากแน่
นอกจากนี้แล้วโดยพื้นฐานแล้วตระกูลใหญ่ทั้งหมดต่างก็มีสมบติของตัวเอง สมบติส่วนมากจะถูกเก็บไว้และจะใช้พลังทั้งหมดของตระกูลเพื่อปกป้องมัน โดยพื้นฐานแล้วทรัพยากรการบ่มเพาะอย่างเหรียญผลึกนั้นจะถูกเก็บไว้ในคลังและมันไม่น่จะอยู่กับบรรพบุรุษ
นี่เพราะเหรียญผลึกคือของที่ใช้งานที่มักจะถูกใช้และได้รับมาอยู่ตลอด มันไม่ได้เป็นเรื่องพิเศษอะไรที่บรรพชนตระกูลที่จะเข้าเก็บตัวหลายพันปีหรือมากกว่านั้น หากเขาเอาเหรียญผลึกไปกับตัว มันคงไม่สะดวก หากเหรียญผลึกเหล่านั้นอยู่กับหัวหน้าตระกูล งั้นมันก็อาจจะมีเรื่องที่หัวหน้าตระกูลเกิดเหตุไม่คาดฝันได้และทั้งตระกูลก็จะเสี่ยงกันอย่างมาก
ผลก็คือหลายตระกูลไม่คิดจะให้คน ๆ เดียวจัดการดูแลสมบัติทั้งหมด กลับกันแล้ว พวกเขาจะเก็บมันไว้ในคลังที่มีค่ายกลซึ่งทำให้มันปลอดภัยอย่างมาก
ตอนที่เจี้ยนเฉินออกมาจากห้องโถงที่เจ็ด ผู้อาวุโสตระกูลโม่ได้ออกไปล่าคนของตระกูลลู่กัน แม้แต่โม่หลิงเองก็ไปจัดการกับผู้อาวุโสตระกูลลู่ด้วยตัวเอง ส่วนคนของตระกูลอันโดที่หนีไปก่อนหน้านี้นั้นได้มารวมตัวที่บริเวณด้านนอกตระกูลโม่ พวกนั้นต่างก็มีสภาพน่าอดสู ไม่น่าแปลกใจที่อันโดฟูก็เป็นหนึ่งในนั้น
ชัดแล้วว่าพวกเขาได้รู้ว่าตระกูลอันโดนนั้นพ่ายแพ้ พวกเขาได้กลายเป็นนักโทษ แม้แต่บรรพชนตระกูลอันโดก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้
ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายขึ้นมาเมื่อมองไปยังอันโดฟู เขาไม่อาจจะทิ้งอันโดฟูไว้ที่นี่ได้ เผื่อว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเมื่อเจี้ยนเฉินออกไปยังตระกูลลู่ ยังไงซะเมื่อเจี้ยนเฉินออกจากที่นี่ไป มันก็ไม่มีใครที่สามารถจัดการกับอันโดฟูได้ อันโดฟูอาจจะพาคนของตัวเองหนีไปได้
แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บหนักแต่โม่หลิงก็ยังไม่อาจจะตามอีกฝ่ายทัน หากอีกฝ่ายหนีไป
“อันโดฟู ไปตระกูลอันโดกับข้า” เจี้ยนเฉินบอกกับอันโดฟู เป้าหมายเดิมของเขาคือตระกูลลู่นั้นได้เปลี่ยนไปเป็นตระกูลอันโดแล้ว
อันโดฟูสลด เขาพยักหน้าตอบรับและไม่ได้พูดอะไรมาก เขาได้พาเจี้ยนเฉินไปยังตระกูลอันโดเพื่อที่เขาจะได้มอบสมบัติของตระกูลให้กับเจี้ยนเฉิน
“พี่โม่หลิง ข้าจะไปที่ตระกูลอันโดก่อน ข้าคงต้องรบกวนท่านให้รวบรวมสมบัติจากตระกูลลู่” ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็ได้ส่งข้อความให้กับโม่หลิง
“ไม่ต้องกังวล น้องเจี้ยนเฉิน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” ห่างไปหลายแสนกิโลเมตร โม่หลิงได้ฆ่าผู้อาวุโสคนสุดท้ายของตระกูลลู่ก่อนจะตอบกลับเจี้ยนเฉิน เขาได้บินไปยังตระกูลลู่พร้อมกับผู้อาวุโสอีกคนของตระกูลโม่ แม้ว่าตระกูลลู่จะยังมีจอมยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์อีก 2 คนแต่พวกเขาก็ได้สูญเสียขั้นเทพของตนไปแล้ว แม้ว่าจะมีค่ายป้องกันที่คล้ายกับตระกูลโม่ แต่โม่หลิงก็สามารถเข้าไปได้ก่อนที่ค่ายกลจะทำงานและฆ่าพวกนั้นทั้งหมด
เจี้ยนเฉิน, อันโดฟูและโม่หลิงได้ไปถึงตรงหน้าค่ายกลที่ลู่เทียนได้ใช้เอาไว้ พวกเขาไม่ได้เร่งรีบที่จะฝ่าค่ายกลออกไป กลับกันแล้ว พวกเขาได้รอกันสักพักและโจมตีค่ายกลหลังจากที่ตระกูลโม่ได้ฆ่าขุมกำลังที่เหลือของตระกูลลู่ แล้วพวกเขาจึงได้เดินทางออกไป
เมฆและหมอกปกคลุมสันเขาที่ตระกูลอันโดตั้งอยู่ สัตว์อสูรกระจายอยู่ไปทั่ว นกยังคงโบยบินอยู่ในท้องฟ้า มันเหมือนกับเป็นอีกโลก
แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ยังต้องชมกับความงดงามของที่นี่เมื่อไปถึง เขาต้องบอกว่าตระกูลอันโดนั้นทำได้ดีในด้านนี้ เจี้ยนเฉินตามอันโดฟูไปยังตระกูลอันโด ตอนนี้อันโดฟูได้กลับมาดูยิ่งใหญ่ดังเดิม สภาพของเขาตอนนี้คงตัวหลังจากที่กินยาไปบ้าง แม้ว่าเขาจะยังไม่หายดีแต่อย่างน้อยสภาพของเขาก็ไม่ได้ดูแย่ สำหรับเจี้ยนเฉินแล้ว เขาไม่ทำตัวโดดเด่น เขาตามอันโดฟูไปติด ๆ ซึ่งทำให้เขาดูเหมือนกับผู้ช่วยของอันโดฟูแทน
แต่เจี้ยนเฉินจับตาดูอันโดฟูอยู่ตลอดคอยสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายเพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายตุกติก
ยังไงซะนี่ก็คือฐานของตระกูลอันโด เจี้ยนเฉินต้องระวังตัว เขาไม่ได้กลัวว่าจะมีปัญหาอะไรแต่เขากลัวว่าอันโดฟูจะหนีไป
ตระกูลอันโด, ตระกูลโม่และตระกูลลู่เคยมีเหนือเทพแต่เจี้ยนเฉินรู้มาจากโม่หลิงว่าเหนือเทพทั้งสามได้ตายไปในสุสานราชาเทพและไม่ได้ให้ความสำคัญต่อตระกูลที่พวกเขาสร้างขึ้นมานัก ผลก็คือจอมเทพทั้งสามไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ในตระกูล การป้องกันของตระกูลนั้นถูกเพิ่มขึ้นมาโดยลูกหลาน นอกจากบรรพชนที่ก่อตั้งขึ้นมาทั้งสามแล้ว ตระกูลนั้นไม่ได้ให้กำเนิดเหนือเทพหรือแม้แต่ขั้นเทพช่วงปลายอีกเลย ผลก็คือการป้องกันของพวกเขาจึงไม่ได้ยอดเยี่ยมนัก
ตอนที่เจี้ยนเฉินเข้าไปในตระกูลอันโด ตระกูลที่แข็งแกร่งทั้งสิบแปดตระกูลที่ปกครองเมืองหลักไกลออกไปจากตระกูลอันโดได้มารวมตัวกัน พวกเขาได้ส่งบรรพชนขั้นเทพไปกลุ่มละคน จนมี 18 คนมารวมตัวกัน พวกเขาได้ปรึกษากันเรื่องเหรียญผลึกระดับสูงในเหมืองภูเขาเมฆดำที่น่าจะแบ่งกันอย่างเหมาะสม
“ในหมู่ตระกูลที่แข็งแกร่งของแคว้นตงอัน ตระกูลฮู, ตระกูลดงและตระกูลหนานหยุนนั้นแข็งแกร่งที่สุด เราต่างก็มีขั้นเทพช่วงปลาย ดังนั้นเราสามตระกูลก็น่าจะได้ส่วนแบ่งมากที่สุด แต่ละตระกูลของเราจะได้ 1 ใน 10” ชายแก่ชุดแดงพูดขึ้นมาพร้อมกับหรี่ตา เขาเป็นขั้นเทพมาจากหนึ่งในสามตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นตงอัน ตระกูลฮู
สามตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นไม่ได้เป็นมิตรกัน อันที่จริงแล้วพวกเขาต่อสู้กันมาหลายครั้งแต่ด้วยการปรากฏขึ้นมาของเหรียญผลึกระดับสูง ทั้งสามตระกูลจึงมองข้ามความขัดแย้งและร่วมมือกันเพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุด
พวกเขาต่างก็เข้าใจว่าเหรียญผลึกขั้นสูงนี้มีค่ามากมาย มันไม่มีองค์กรไหนในเขตตงอันที่จะเอามันไปทั้งหมดได้ แม้แต่ตอนที่สามตระกูลใหญ่ร่วมมือกันแต่พวกเขาก็ได้แต่หวังว่าแต่ละฝั่งจะได้แค่ 1 ใน 10 จากทั้งหมด
“ฮึ่ม มันมีกว่า 18 ตระกูลมารวมตัวกันในวันนี้ ตระกูลฮู, ตระกูลดงและตระกูลหนานหยุนต้องการเอาไปถึง 3 ใน 10 โดยเหลือแค่ 7 ใน 10 ให้แบ่งกันใน 15 ตระกูล หากเจ้าคำนวณดี ๆ แล้ว แต่ละตระกูลจะได้ไม่ถึง 5 ใน 100 ตระกูลจินของเราเป็นพวกแรกที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอเช่นนี้” ขั้นเทพของตระกูลจินค้านขึ้นมาทันที เขาไม่ได้กลัวสามตระกูลนี้สักนิด
ทั้งสามตระกูลนั้นแข็งแกร่งแต่อย่างมากพวกเขาก็มีขั้นเทพช่วงปลายเพียงคนเดียว แค่ขั้นเทพช่วงปลายเพียงคนเดียวไม่เพียงพอที่จะถือสิทธิขาดในแคว้นตงอัน แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันแต่ก็ไม่อาจจะคุกคาม 15 ตระกูลอื่นได้เพราะขั้นเทพทั้งหมดจาก 15 ตระกูลก็เพียงพอที่จะบดขยี้ 3 ตระกูลนี้ได้ แม้แต่ขั้นเทพช่วงปลายคนหนึ่งก็สามารถรับมือได้ด้วยขั้นเทพช่วงกลาง 2-3 คน
นอกซะจากว่าขั้นเทพช่วงปลายนั้นมีพลังต่อสู้ที่สูงส่งเหมือนกับพวกที่มีชื่อเสียงในนิกายหรือตระกูลใหญ่ งั้นพวกเขาก็ไม่มีทางกลัว
ขั้นเทพจากตระกูลฮูไม่ได้โกรธจากคัดค้านนี้ ตระกูลจินเองก็เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งในแคว้นตงอัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่หนึ่งในสามตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดแต่พวกเขาก็มีขั้นเทพพอ ๆ กับสามตระกูลใหญ่ พวกเขาไม่ได้มีแค่ขั้นเทพช่วงปลายเพียงคนเดียว
“ในความเห็นข้าแล้ว เหรียญผลึกระดับสูงนี้น่าจะแบ่งกันอย่างเสมอภาค….” ขั้นเทพอีกคนพูดขึ้น เขาเป็นหนึ่งในตัวแทนของตระกูลที่อ่อนแอกว่าในแคว้นตงอันแต่ถึงแม้ว่าจะเป็นหนึ่งในตระกูลที่อ่อนแอแต่พวกเขาก็มีขั้นเทพอย่างน้อย 3 คน
“แบ่งอย่างเสมอภาค ? เจ้าต้องคิดแบบนั้นอยู่แล้ว ตระกูลคังของเจ้ามีขั้นเทพช่วงต้นแค่ 3 คน ไม่ใช่แค่ตระกูลดงของเราจะมีขั้นเทพช่วงปลาย 1 คน แต่เรายังมีขั้นเทพช่วงกลาง 2 คนและขั้นเทพช่วงต้น 2 คน รวมไปแล้วมีขั้นเทพถึง 5 คน เจ้ามีสิทธิอะไรที่จะได้เท่ากับตระกูลดงของเรา ? ” ขั้นเทพจากตระกูลดงฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา
หลังจากที่พูดจบ สีหน้าของขั้นเทพจากตระกูลดงก็เปลี่ยนไป เขาพลิกมือก่อนจะมีหยกสื่อสารปรากฏขึ้นมาในมือ สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเมื่อได้รู้ข่าวที่ส่งมา ได้ลุกขึ้นยืนและป้องมือให้กับทุกคนก่อนจะพูดขึ้น “ทุกคน ข้ามีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ ข้าขอตัวก่อน ตระกูลดงของข้าจะเข้าร่วมการปรึกษาเรื่องนี้ในวันอื่น” เมื่อพูดจบขั้นเทพจากตระกูลดงก็รีบออกไปทันที
ก่อนที่เทพจากตระกูลดงจะได้ออกจากห้องไป เทพจากตระกูลฮูและตระกูลดงก็ได้รับข้อความเดียวกัน สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันทีและพวกเขาก็ได้ขอตัวโดยไม่ลังเล
หลังจากนั้นเทพคนอื่นๆต่างก็ได้รับข้อความเช่นเดียวกัน สีหน้าของทุกคนต่างก็เปลี่ยนไป พวกเขาไม่สนใจเรื่องเหมืองและรีบกลับไปทันที
ในพริบตาคนกว่า 18 คนที่มาปรึกษากันเรื่องเหมืองต่างก็พากันแยกย้ายกันไปหมด
ทั้งเมืองงเขตของเขตตงอันเข้าสู่ความวุ่นวายเมื่อข่าวหนึ่งแพร่ออกมา
“ สุสานราชาเทพปรากฏขึ้นในเขตตงอัน น่าเหลือเชื่อ มันจริงรึเปล่า …”
“ ข้าเคยได้ยินเรื่อง ราชาเทพตวนมู่ เขาเป็นราชาเทพที่แข็งแกร่งอย่างมาก บอกกันว่าเขาขึ้นถึงขั้นสูงสุดของราชาเทพและห่างจากขอบเขตตั้งต้นก้าวเดียว “
“ อะไรกัน ? ราชาเทพตวนมู่ ขึ้นถึงขั้นสูงสุดของราชาเทพงั้นรึ ? มันไม่ได้หมายความว่าเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาสวรรค์ของอาณาจักรสวรรค์ผิงเทียนรึไง….”
“ หยุดเปรียบเทียบราชาสวรรค์กับ ราชาเทพตวนมู่ ได้แล้ว พวกเขาอยู่คนละระดับกัน หาก ราชาเทพตวนมู่ สู้กับราชาสวรรค์ เขาก็สามารถฆ่าราชาสวรรค์ได้ด้วยมือเดียวเพราะ ราชาเทพตวนมู่ นั้นเป็นราชาเทพขั้นสูงสุดที่เข้าถึงบัลลังก์ราชาเทพได้ แม้ว่าเขาจะเข้าถึงหนึ่งในพันของราชาเทพชั้นสูงมได้แต่เขาก็ยังเป็นนักสู้ระดับสูงที่เข้าถึงบัลลังก์ราชาเทพได้….”
“ อะไรกัน ? ราชาเทพตวนมู่ เข้าถึงบัลลังก์ราชาเทพได้รึ ? บอกกันว่ามีราชาเทพขั้นสูงสุดนับไม่ถ้วนที่พยายามขึ้นบัลลังก์ราชาเทพแต่จำนวนคนที่ไปถึงได้นั้นยังคงเป็นเรื่องไม่แน่นอน มันยากที่จะขึ้นไปถึง แม้แต่คนที่มีชื่อเสียงหลายคนก็ยังล้มเหลว…”
“ สวรรค์ สุสานราชาเทพที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นกลับปรากฏขึ้นในเขตตงอันของเรา น่าเหลือเชื่อจริงๆ…”
“ เร็วเข้า รีบไปหาตระกูลโม่และตระกูลอันโด บอกกันว่าคนของสองตระกูลนี้รู้ว่าสุสานนั้นอยู่ที่ไหนและพวกเขาก็มีกุญแจเพื่อเข้าไปยังสุสานแห่งนั้นด้วย….”