ตอนที่ 1755: การต่อสู้ที่รุนแรง
ไม่เพียงแค่ขั้นเหนือเทพเท่านั้นที่ตะลึงเมื่อพวกเขาเห็นนางฟ้าเฮายู่หลอมรวมเข้ากับกฎอย่างช้า ๆ แม้แต่สายตาของกู่หานเซี่ย,ปิงเหลา,เฟิงปูเล่อ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ชั้นพลังที่ปกป้องราชาเทพต้วนมู่คือกฏที่ก้าวเข้าไปสู่ขอบเขตตั้งต้น แม้ว่าจะไม่สามารถโจมตีแรง ๆ และป้องกันเพียงแค่ซากศพเท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าใกล้พลังนี้ได้ง่าย ๆ
แม้แต่ขั้นราชาเทพส่วนใหญ่พวกเขาก็จะบาดเจ็บหากพวกเขาเข้าไปใกล้พลังของกฏ ไม่ต้องพูดถึงขั้นเหนือเทพเลย
นี่เป็นเพราะพลังของมันเกินกว่าระดับราชาเทพ !
อย่างไรก็ตามตอนนี้นางฟ้าเฮายู่ได้เข้าไปในฐานะวิญญาณ ไม่เพียงแค่นางจะหลีกเลี่ยงการแตกสลายได้ แต่นางยังหลอมรวมเข้ากับกฏอย่างช้า ๆ มันดูเหมือนว่านางจะทะลุผ่านม่านพลัง
โดยธรรมชาติมันทำให้ขั้นเหนือเทพที่เห็นนั้นตกตะลึง
“เจี้ยนเฉิน นางเป็นใคร ? ”
เสียงของกู่หานเซี่ยดังขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉิน เสียงของนางเต็มไปด้วยความตกใจ
“นางเป็นใครไม่สำคัญ แต่ข้าบอกได้เลยว่านางเป็นจอมยุทธชั้นยอด” เจี้ยนเฉินตอบปิงเหลา,กู่หานเซี่ยและเฟิงปูเล่อ
สีหน้าของทั้งสามเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น
ในเวลาเดียวกันเม็ดยาก็ปรากฏขึ้นมาที่มือของเฉินเจี้ยน ยาเม็ดนี้เป็นสิ่งที่เขาได้รับจากสุสานของลูกศิษย์ของราชาเทพต้วนมู่ เป็นที่รู้จักกันในชื่อยาเมฆเพลิง มันสามารถเพิ่มการบ่มเพาะให้กับผู้กินเป็นการชั่วคราวในระดับเล็ก ๆ โดยไม่สนใจกฏของโลก อย่างไรก็ตามราคาของการกินมันนั้นก็มากเช่นกัน ไม่มีใครเต็มใจที่จะกินเว้นแต่ว่ามันจะอยู่ในสถานการณ์เป็นตาย
เฉินเจี้ยนกินยาเมฆเพลิงโดยไม่ลังเล ประสิทธิภาพของเม็ดยาที่ทรงพลังเปล่งประกายออกจากกายของเฉินเจี้ยนทันทีที่เม็ดยาลงไปถึงกระเพาะและการบ่มเพาะของเขาก็เพิ่มสูงอย่างรวดเร็วเช่นกัน มันพุ่งจากขั้นเทพช่วงต้นไปถึงขั้นเทพช่วงกลาง
ยาเมฆเพลิงปรากฏอยู่ในมือของเจี้ยนเฉินเช่นกัน เขาคิดว่า “ข้าหวังว่าการกินยาเมฆเพลิงจะไม่มีผลกับร่างบรรพกาล” เจี้ยนเฉินกินยาเมฆเพลิงโดยไม่ลังเลเช่นกัน ในช่วงเวลานี้เขารู้สึกเหมือนกับว่าพลังบรรพกาลของเขาปั่นป่วน แม้ว่าพลังบรรพกาลของเขามาถึงขั้นสิบแล้ว แต่เจี้ยนเฉินก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามันโคจรอย่างรุนแรงยิ่งกว่าแต่ก่อน มันรู้สึกเหมือนว่ามันได้คลั่งมากขึ้นและมันก็ทรงพลังมากกว่าแต่ก่อน
ยาเมฆเพลิงเป็นของดี แต่ราคาที่กินลงไปนั้นหนักเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ให้ยากับกู่หานเซี่ย, ปิงเหลาหรือเฟิงปูเล่อ แม้ว่าเขาจะให้มันกับพวกเขา แต่พวกเขาก็จะไม่กินมันในตอนนี้
“โอ้ ไม่ วิญญาณกำลังขโมยสมบัติของราชาเทพต้วนมู่ หยุดนาง ! เราไม่อาจปล่อยให้นางทำสำเร็จ ! ” เช่นเดียวกับเฉินเจี้ยนและเจี้ยนเฉินที่ใช้ยาเมฆเพลิง ขั้นเหนือเทพต่างก็ตอบสนองทันที ความเป็นอริหลั่งไหลออกมาจากดวงตาของพวกเขา ขณะที่พวกเขาพุ่งเข้าหานางฟ้าเฮายู่อย่างไม่ลังเล คนสองคนโบกมือและลำแสงพลังงานดั้งเดิมก็พุ่งเข้าหานางฟ้าเฮายู่
“ปิงเหลา, กู่หานเซี่ย, เฟิงปูเล่อ เคลื่อนไหวเร็ว ๆ เจ้าจะช่วยเหลือจอมยุทธระดับสูงสุด เมื่อจอมยุทธระดับสูงสุดสร้างร่างใหม่ เจ้าจะได้รับประโยชน์เช่นกัน” เจี้ยนเฉินกล่าวกับปิงเหลา, กู่หานเซี่ยและเฟิงปูเล่อก่อนที่จะมาถึงนางฟ้าเฮายู่ในพริบตา เขาใช้ร่างกายของเขาบังนางฟ้าเฮายู่
ในเวลาเดียวกันกระบี่หิมะบินก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา มันเปล่งกระกายจิตสังหารอย่างเดือดพล่าน ขณะที่ความเข้าใจอย่างสมบูรณ์กับกฏของกระบี่ เขาปล่อยปราณกระบี่ที่ทรงพลังออกไปสองสายเพื่อกระจายพลังงานดั้งเดิมที่พุ่งเข้ามา
ตูม !
ปราณกระบี่และพลังงานดั้งเดิมปะทะกันและระเบิดขึ้นพร้อมกับปล่อยคลื่นพลังกระแทกออกมา เท้าของเจี้ยนเฉินดูเหมือนจะหยั่งรากลงไปที่พื้น เขายืนดุจขุนเขา ร่างกายกลายเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง
พลังงานทั้งหมดกระทบร่างของเจี้ยนเฉินและไม่อาจไปถึงนางฟ้าเฮายู่ที่อยู่ข้างหลังของเขา
ในเวลาเดียวกัน ปิงเหลา, กู่หานเซี่ยและเฟิงปูเล่อก็เคลื่อนไหวเช่นกัน พวกเขาพุ่งเข้าไปและฟันเข้าใส่ขั้นเหนือเทพและทำให้พวกเขาทั้งสามคนปั่นป่วน
นอกจากเจี้ยนเฉินแล้วยังมีขั้นเหนือเทพทั้งหมด 14 คนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ เฟิงปูเล่อ, ปิงเหลาและกู่หานเซี่ยที่รั้งขั้นเหนือเทพทั้งสามคน จึงเหลือทั้งหมด 8 คน
ขั้นเหนือเทพ 8 คนพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉิน ขณะนั้นพวกเขาทั้งหมดต่างเต็มไปด้วยความก้าวร้าวและเกลียดชัง
แม้ว่าพวกเขาจะกลัวเจี้ยนเฉินเพียงเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ลืมมันไปอย่างสมบูรณ์ เพราะมรดกราชาเทพต้วนมู่ที่อยู่ด้านหน้าของเขา
“เจคจำนงแยกสวรรค์:กระบี่สั่นสะเทือน ดวงดาวแตกสลาย ! ” เฉินเจี้ยนคำรามออกมาและกระบี่หมอกเมฆของเขาปล่อยพลังออกไปยังขั้นเหนือเทพ 2 คน
กฏกระบี่ของเฉินเจี้ยนได้มาถึงความสมบูรณ์แบบของต้นกำเนิดกระบี่ มันเทียบเท่ากับจุดสูงสุดของขั้นเทพ การบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นจากยาเมฆเพลิงเช่นกัน จากขั้นเทพช่วงต้นเป็นขั้นเทพช่วงกลาง ยิ่งกว่านั้นกฏของกระบี่ยังเป็นหนึ่งในกฏที่น่ากลัวที่สุด ดังนั้นทักษะกระบี่ของเขาก็เพียงพอที่จะสังหารขั้นเทพช่วงปลายได้เลย แม้ว่ามันจะไม่เพียงพอที่จะคุกคามขั้นเหนือเทพช่วงต้น พวกเขาก็จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างระมัดระวัง
นอกเหนือจากหลิงเฮ่ากงแล้ว ขั้นเหนือเทพคนอื่นทุกคนเข้าใจกฏเล็กน้อยของพลังกฏของกระบี่
หลิงเฮ่ากงมีพลังมากพอที่จะท้าทายผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาด้วยกฏของกระบี่ เขาสามารถสู้ได้ถึงขั้นเหนือเทพช่วงกลางขณะที่อยู่ในขั้นเหนือเทพช่วงต้น ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงเฉินเจี้ยนในตอนนี้
ใบหน้าของขั้นเหนือเทพ 2 คนแรกนั้นเย็นชาเมื่อพวกเขาเห็นการโจมตีของเฉินเจี้ยน ความกดดันมันไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาและมันบังคับให้เขาเผชิญหน้ากับมันอย่างจริงจัง
“หืม.. เป็นแค่ขั้นเทพแต่กล้าที่จะสู้กับขั้นเหนือเทพ ? ความกล้าหาญของเจ้านั้นน่ายกย่องจริง ๆ แต่เจ้ารนหาที่ตาย” ขั้นเหนือเทพสองคนแรกเย้ยหยัน หนึ่งในนั้นซัดฝ่ามือและปล่อยพลังงานดั้งเดิมโดยตรงและพลังของกฏพุ่งทะยานทำลายคลื่นปราณของเฉินเจี้ยน
หลังจากนั้นไม่นานขั้นเหนือเทพทั้งสองก็เปลี่ยนทิศทาง พวกเขาไม่ได้โจมตีเจี้ยนเฉินอีกต่อไป สายตาของพวกเขาเย็นชา ขณะที่พวกเขาพุ่งเข้าหาเฉินเจี้ยนพร้อมกับจิตสังหาร
เฉินเจี้ยนกลายเป็นขึงขัง ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับเขาในการต่อสู้กับขั้นเหนือเทพ 2 คนที่พุ่งเข้าหาเขา โชคดีที่เขาต้องการเวลาเพียงครึ่งนาที
“เจตจำนงแยกสวรรค์: เจตจำนงกระบี่และจักรวาลดับสูญ ! ” ทันใดนั้นเฉินเจี้ยนก็เปล่งประกายและมีจุดแสงมากมายล้อมรอบตัวเขา มันกลายเงาของเป็นจักรวาลซึ่งแผ่รังสีอย่างยิ่งใหญ่
ร่างกายทั้งหมดของเขาดูเหมือนจะหลอมรวมกับจักรวาลกลายเป็นเทพที่ใหญ่คับท้องฟ้า ในขณะที่แทงกระบี่หมอกเมฆ พลังของจักรวาลก็พุ่งเข้าไปหาขั้นเหนือเทพทั้งสองทันทีพร้อมทั้งการปรากฏตัวโบราณ
ขั้นเหนือเทพทั้งสองคนแรกนั้นค่อนข้างจริงจังเมื่อพวกเขากำลังเผชิญกับพลังนี้ ขณะที่พวกเขาทั้งสองก็สามารถสัมผัสกับภัยคุกคามจากมัน ทำให้พวกเขาตกใจอย่างมาก
พวกเขากับพลังเผชิญหน้ากับขั้นเทพ !
อีกด้านเจี้ยนเฉินยืนอยู่บนกระบี่หิมะบิน ขณะที่เกราะที่เสียหายได้ปรากฏขึ้นบนตัวของเขา
เขาได้รับชัดเกราะนี้จากอาณาเขตทะเล ในความเป็นจริงมันเป็นวัตถุเทพที่ค่อนข้างมีคุณภาพสูงยกเว้นว่ามันได้รับความเสียหายมากเกินไป ดังนั้นมันจึงไร้ค่าเกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินไม่สามารถเก็บมันไว้ได้อีก ไม่ว่ามันจะเป็นเกราะที่มีประโยชน์หรือไม่ ตอนนี้เขาต้องรั้งขั้นเหนือเทพอีก 6 คนเป็นเวลาครึ่งนาที เขาจึงสวมใส่มัน