ตอนที่ 1829 : ความอดทนของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินแค่นเสียงออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโส เขามองไปที่ผู้อาวุโสราวกับครุ่นคิดและพูดขึ้นอย่างใจเย็น “ข้าขอถามได้รึไม่ว่าสิ่งที่ชายชราผู้นี้พูดถึงการร่วมมือนั้นคืออะไร ? ”
ชายแก่นี้มีประสบการณ์มากมายในชีวิต เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกถึงการถากถางในน้ำเสียงของเจี้ยนเฉิน แต่เขาไม่ได้สนใจ เขายิ้มออกมาและพูดขึ้นว่า “มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจ้า ที่เจ้าต้องทำก็แค่ส่งวัตถุเซียนระดับสูง ‘กระบี่สายรุ้ง’ ที่เจ้าเพิ่งซื้อมาจากศาลากระบี่แท้จริงเมื่อตะกี้มา แค่นั้นก็เพียงพอที่เจ้าจะชดเชยความผิดกับการตัดแขนนายน้อยไป แน่นอน ข้าเข้าใจว่าเจ้าจ่ายเงินไปเยอะกับการซื้อมันมา แต่เจ้าต้องเข้าใจว่าเจ้าหาเรื่องใครในครั้งนี้ มันคือนายน้อยตระกูลหยาง”
“ในฐานะตระกูลที่แข็งแกร่งในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนแล้ว ตระกูลหยางให้ความสำคัญกับเกียรติอย่างมาก สำหรับความจริงเรื่องนี้เราไม่อาจจะมองข้ามเรื่องที่เกิดขึ้นได้และการกระทำของเจ้าในวันนี้ก็ทำเกินไปยิ่งกว่าการดูหมิ่น หากเรื่องนี้ไม่ถูกจัดการในทางที่เหมาะสม เจ้าจะกลายเป็นศัตรูของตระกูลหยาง ไม่ใช่แค่ต้องหนีจากเมืองหลวงแต่ตระกูลของเจ้าก็จะถูกลากเข้ามาในปัญหานี้ด้วย นี่ไม่ต้องนับความจิรงที่ว่าไม่มีใครกล้าหาเรื่องตระกูลหยางในอาณาจักร เราล้วนแต่มีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงอาณาจักรใกล้เคียง”
ชายแก่ยิ้ม ทันทีที่เขาพูดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อเป็นศัตรูกับตระกูลหยาง เขาก็รู้สึกได้ว่าชัยชนะอยู่แค่เอื้อม เขาเชื่อว่าเจี้ยนเฉินนั้นคงต้องยอมจำนน
ตระกูลหยางนั้นมีชื่อเสียงและอำนาจ
และนี่เพราะบรรพบุรุษที่เป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลาย หยางไค !
“ข้าไม่คิดว่าตระกูลหยางที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนจะทำเรื่องแบบนี้ได้ แต่เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะส่งกระบี่ที่ข้าเพิ่งจะใช้เหรียญผลึกระดับสูง 6 ล้านชิ้นไปให้กับเจ้า” เจี้ยนเฉินถามขึ้น
ชายแก่ยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ น้ำเสียงเขาเปลี่ยนไปเป็นเชิงบังคับ “น้องชาย เจ้าหาเรื่องตระกูลหยาง ดังนั้นเจ้าต้องส่งกระบี่มา ไม่งั้นแล้วตระกูลหยางคงไม่ปล่อยเจ้าออกไปจากเมืองแน่”
“ผู้อาวุโสหม่าพูดถูก มันจะดีกว่าหากเจ้าส่งกระบี่สายรุ้งมา เราจะรับรองว่าตระกูลหยางจะไม่หาเรื่องเจ้ากับการที่ตัดแขนนายน้อย ไม่งั้นแล้วเราคงต้องทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับเจ้า และต้องให้เจ้าไปกับเราเพื่อไปยังตระกูลหยาง” ผู้อาวุโสคนที่สองพูดขึ้นมา เขาเองก็เป็นชายแก่และเขามองมาที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทีอคติ
“วัตถุเซียนระดับสูงนั้นล้ำค่า แต่หากเจ้าไม่อาจจะรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้ มันจะมีประโยชน์อะไรกันกับการมีอาวุธเช่นนั้น ? น้องชาย เจ้าควรคิดให้ถี่ถ้วน ยังไงซะตระกูลหยางก็ไม่ใช่พวกที่หาเรื่องได้ หากเจ้าทำให้ตระกูลหยางโกรธและพวกเราต้องไปกำจัดตระกูลของเจ้า มันคงเป็นเรื่องแย่” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมา เขายิ้มและพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงเขาก็แสดงความเย็นชาออกมา
มีแค่ผู้อาวุโสคนสุดท้ายที่ยังเงียบอยู่ เขาคือคนที่ติดตามหยางเทียไปยังศาลากระบี่แท้จริงและทำการกล่อมอีกฝ่าย สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เจี้ยนเฉิน เขารู้สึกว่าชายตรงหน้านี้ไม่ได้เรียบง่ายแบบที่ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ คิด
“กำจัดตระกูลของข้า ? ” เจี้ยนเฉินพึมพำ สีหน้าของเขาหม่นลงพร้อมกับครามอาฆาตที่เริ่มแผ่ออกมาจากสายตา เขาไม่คิดจะปกปิดมันเลยแม้แต่น้อย
หากผู้อาวุโสทั้งสามแค่ขู่ตัวเจี้ยนเฉิน เขาคงไม่มีทางที่จะทำรุนแรงเช่นนี้ แต่พวกนี้ไม่ควรจะขู่ตระกูลของเขา ไม่ใช่แค่มีสมาชิกของครอบครัวที่อยู่ในตระกูล แต่ยังมีสหายของเขาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน มันคือจุดอ่อนของเจี้ยนเฉิน รวมถึงความอดทนของเขาที่พวกนี้ไม่ควรจะแตะต้อง
เมื่อรู้สึกได้ถึงความอาฆาตจากตัวเจี้ยนเฉิน ผู้อาวุโสทั้งสี่ในห้องก็มองหน้ากันและเริ่มเครียดขึ้นมา ความอาฆาตนี้ทำให้พวกเขาต้องขนลุก
จากความอาฆาตที่แผ่ออกมานี้ ผู้อาวุโสทั้งสี่ก็พอเข้าใจความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน เขาแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสทุกคนที่อยู่ที่นี่
ตอนนั้นเจี้ยนเฉินได้ลงมือ เตียงที่เขานั่งอยู่สั่นเบา ๆ พร้อมกับเขาที่กลายเป็นภาพพร่ามัว เขาไปโผล่อยู่ตรงหน้าชายวัยกลางคนด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อพร้อมกับบีบคอของอีกฝ่ายเอาไว้
เมื่อรูสึ้กว่าคอถูกบีบและเห็นเจี้ยนเฉินมาอยู่ตรงหน้า สายตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตะลึงพร้อมกับหัวใจที่หล่นวูบ
ด้วยความแข็งแกร่งของขั้นเทพที่เขามีแล้ว เขาไม่อาจจะต่อต้านเจี้ยนเฉินได้เลย เขาไม่เห็นแม้แต่การเคลื่อนไหวของเจี้ยนเฉิน ที่เขารู้สึกก็มีแค่คอของเขาอยู่ในกำมือของเจี้ยนเฉิน
“นี่มันใครกัน ? แม้แต่ข้าก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ตอนที่เขาเคลื่อนไหว แม้แต่ขั้นเทพช่วงปลายก็ไม่อาจจะทำเช่นนี้ได้ เขาเป็นขั้นเหนือเทพงั้นหรือ ? เป็นไปได้ยังไง ? เขาเป็นขั้นเหนือเทพได้ยังไงกัน ? ” ชายวัยกลางคนกลัวอย่างมาก
“เจ้ากล้าขู่จะกำจัดตระกูลข้างั้นหรือ ? นี่ไม่ต้องนับเจ้าที่เป็นแค่ขั้นเทพ แม้แต่บรรพชนของเจ้า หยางไค มายืนอยู่ตรงหน้าข้า ข้าก็ไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป” เจี้ยนเฉินมองไปที่ชายวัยกลายคนแล้วพูดออกมาทีละคำ ๆ ก่อนจะตบหัวอีกฝ่ายด้วยมือของเขา
ตระกูลนั้นคือความอดทนสุดท้ายของเจี้ยนเฉิน มันคือสิ่งที่ไม่อาจแตะต้องได้ แม้ว่าเขาจะไม่สนใจที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลหยางมาก่อน แต่เขาก็ต้องฆ่าชายคนนี้เพราะสิ่งที่ชายคนนี้พูด
ปัง ! หัวของชายวัยกลางคนแตกเป็นชิ้น ๆ จากการโจมตีของเจี้ยนเฉิน และวิญญาณก็ถูกกำจัดไปทันที
เจี้ยนเฉินปล่อยมือจากลำคอและปล่อยให้ศพตกลงไปที่พื้น หลังจากนั้นเขาก็หันกลับไปหาผู้อาวุโสอีกสามคนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “ตอนนี้ไม่ใช่แค่ทำให้แขนนายน้อยพวกเจ้าขาด แต่ข้ายังฆ่าผู้อาวุโสตระกูลหยางของเจ้าด้วย พวกเจ้าจะทำยังไงกันต่อ ? ”