ตอนที่ 1866: เตรียมการ
ข่าวการเสียชีวิตของขั้นเหนือเทพทั้งสามจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้าที่ล้อมรอบแคว้นค้นกระบี่แพร่กระจายไปทั่วเหมือนไฟป่า มันแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ทันที อาณาจักรวุ่นวายอย่างมาก กลุ่มขั้นเหนือเทพตกตะลึง พวกเขาคาดเดาได้ว่าใครเป็นคนที่กล้าพอที่จะสังหารผู้คนจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้า
ยิ่งกว่านั้นคนที่ทุกคนสงสัยได้สังหารขั้นเหนือเทพ 3 คน
แม้จะเป็นองค์กรที่ยิ่งใหญ่เช่นลัทธิปีศาจชั้นฟ้า ขั้นเหนือเทพก็ไม่ได้ถือว่าเป็นคนทั่วไป พวกเขามีสถานะ
การเสียชีวิตของขั้นเหนือเทพทั้งสามกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน แต่มันก็แพร่กระจายไปยังอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ใกล้เคียงในเวลาอันสั้น ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ก็ตกตะลึง
พวกเขาชื่นชมความกล้าหาญของคนผู้นั้นและรู้สึกทึ่งกับความแข็งแกร่งของเขา คนผู้นั้นสังหารขั้นเหนือเทพ 3 คนในเวลาอันสั้น
แม้แต่ขั้นเหนือเทพช่วงปลายหลายคนก็ไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้
“เขาสังหารขั้นเหนือเทพ 3 คนในเวลาเพียงครู่เดียวโดยที่หนึ่งในนั้นคือขั้นเหนือเทพช่วงกลาง ชายคนนั้นเป็นราชาเทพหรือไม่ ?…”
“มันเป็นเพียงข่าวลือ บางทีขั้นเหนือเทพ 3 คนจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้าอาจถูกฆ่าตายโดยคนคนเดียว แต่แน่นอนว่ามันคงไม่เกินความจริงตามข่าวลือที่ว่าเขาสังหารทั้งหมดภายในไม่กี่วินาที มันอาจจะเกินจริงไปเมื่อข่าวลือแพร่กระจาย … ”
บทสนทนาปรากฏในสถานที่ต่าง ๆ กว่าเก้าในสิบส่วนของคนส่วนใหญ่เชื่อว่ามันเป็นการพูดเกินจริง ในขณะที่คนที่เหลือทั้งหมดมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เจี้ยนเฉินทรงพลังมากจริง ๆ มันไม่น่าเชื่อเลย” ผู้บัญชาการซวนเตาแห่งกองทัพศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ในห้องทำงานของเขาขณะที่ถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ
เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงครั้งแรกที่เขาพบกับเจี้ยนเฉิน ย้อนกลับไปตอนนั้นเขาได้เห็นเจี้ยนเฉินเอาชนะวายเนอร์หยานด้วยตาตัวเอง เขาเป็นเพียงขั้นเหนือเทพช่วงกลางในแง่ของความแข็งแกร่งในเวลานั้น
เพียงไม่กี่สิบปีผ่านไปจนถึงครั้งต่อมาที่ซวนเตาเห็นเขา แต่เจี้ยนเฉินกลับมีความแข็งแกร่งต่อสู้กับหยางไคในเวลานั้น ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าตกใจ
ถึงตอนนี้เจี้ยนเฉินสังหารขั้นเหนือเทพ 3 คนจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้าในระยะเวลาอันสั้น เมื่อเทียบกับตอนที่เขาต่อสู้กับหยางไค ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นมาก
“พลังของเจี้ยนเฉินรุดหน้าตลอดเวลาหรือ ? ด้วยความเร็วเช่นนี้ เขาจะกลายเป็นราชาเทพในอีกไม่นาน” ซวนเตาถอนหายใจด้วยอารมณ์หลากหลาย เขาไม่ฟังข่าวลือ เขาให้คนนอกแค้นค้นกระบี่ซึ่งรู้สถานการณ์ตลอดเวลาคอยสอดส่อง
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถพูดได้ว่าเขารู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแคว้นค้นกระบี่ แต่เขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่ อย่ายั่วยุตระกูลเทียนหยวนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป…”
ในเวลาเดียวกันบรรพชนของตระกูลขั้นเหนือเทพทั้งหมดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนก็ออกคำสั่งอย่างเข้มงวด พวกเขากลัวเจี้ยนเฉินมาก
ในตระกูลหยาง บรรพชนหยางไคยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับเจี้ยนเฉิน เขาไม่สามารถฟื้นฟูใหม่ได้เหมือนเจี้ยนเฉิน ดังนั้นแม้หลังจากรับประทานยารักษา เขาก็ยังต้องใช้เวลาสักพักเพื่อให้อาการหายดี
เมื่อหยางไคซึ่งอยู่ในห้องลับได้ยินว่าเจี้ยนเฉินสังหารขั้นเหนือเทพ 3 คนจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้า เขาก็เยาะเย้ยทันที เขาพูดเบา ๆ ว่า “เจ้าสังหารผู้คนจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้าอย่างนั้นได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้าสังหารไปถึง 3 คน ? ลัทธิปีศาจชั้นฟ้าจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ให้ผ่านไปเฉย ๆ แน่”
“ยิ่งกว่านั้นเรื่องนี้ควรเกี่ยวข้องกับรองหัวหน้าลัทธิปีศาจชั้นฟ้า เจี้ยนเฉิน เจ้ากำลังกัดกินมากกว่าที่สามารถเคี้ยวได้ แม้การตายจะกลายเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้า”
หยางไคมีความสุขกับความโชคร้ายของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินกลับไปยังตระกูลเทียนหยวนในแคว้นตงอัน
ปัจจุบันม่านพลังและค่ายกลล้อมรอบโถงประชุมของตระกูลเทียนหยวน มันไม่เพียงแต่ตัดเสียงรบกวนในโถงจากโลกภายนอก แต่ยังหยุดการเข้ามาด้วยสัมผัสทางวิญญาณอีกด้วย
เจี้ยนเฉินนั่งบนบัลลังก์ของผู้นำอย่างไม่ตั้งใจในชุดคลุมสีขาวและหรูหรา ด้านล่างมีแถวนั่ง 2 แถว มีผู้คนมากกว่ายี่สิบคน แต่ละคนอยู่ในช่วงอายุที่หลากหลาย คนที่อายุน้อยที่สุดดูเหมือนจะอายุแค่สิบสี่หรือสิบห้าปี ในขณะที่คนที่อายุมากสุดมีผมหงอกและหลังค่อม
คนเหล่านี้เป็นคนที่แข็งแกร่งของตระกูลเทียนหยวน พวกเขาทั้งหมดเป็นขั้นเทพ
ในหมู่พวกเขา คนที่อายุน้อยที่สุดคือชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาว ใบหน้าของเขาเย็นชาและดวงตาของเขาส่องประกายสดใส เขาเผยพลังแห่งการมีอยู่ที่น่าเกรงขาม
แม้ว่าหน้าตาของเขายังดูหนุ่ม แต่หลายคนก็จ้องมองเขาด้วยความกลัวขณะที่เขานั่งตัวตรงอย่างมีสง่าราศี
ในช่วงหลายปีที่เจี้ยนเฉินหายไป ตระกูลเทียนหยวนก็ขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว ขั้นเทพจำนวนมากเข้าร่วมตระกูลและดำรงตำแหน่งในฐานะผู้อาวุโส นั่นเป็นสาเหตุที่ตอนนี้มีขั้นเทพมากมายในตระกูลเทียนหยวน
เจี้ยนเฉินมองลงไปและหยุดที่ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะอายุแค่สิบสี่ปีหรือสิบห้าปีเท่านั้น เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยความโล่งใจ
นี่เป็นเพราะชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีขาวคือเสือขาว ตอนนี้เขากลายเป็นขั้นเทพ
แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงขั้นเทพช่วงต้น แต่ขั้นเทพช่วงกลางที่นั่งอยู่ยังกลัวเขา
นอกเหนือจากนั้น ซีหยู, โม่หลิง, อันโดฟู่และเหล่าขั้นเทพจากตระกูลหนานหยุน ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นหนึ่งในสามตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของแคว้นตงอันก็นั่งอยู่ที่นั่นเช่นกัน
ตระกูลหนานหยุนกลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเทียนหยวนอย่างสมบูรณ์ในขณะนี้ เดิมทีพวกเขาเข้าร่วมด้วยความหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากขั้นเหนือเทพเท่านั้น เพื่อพวกเขาจะได้มีคนที่ไว้ใจ
อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาพวกเขาใช้เวลากับตระกูลเทียนหยวน พวกเขาได้รับประโยชน์อย่างมาก วิธีการบ่มเพาะทั้งหมดที่พวกเขาใช้คือวิธีการบ่มเพาะขั้นเหนือเทพที่ทิ้งไว้โดยเจี้ยนเฉิน
“ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทุกคนเคยได้ยินเกี่ยวกับการตายของขั้นเหนือเทพทั้งสามจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลเทียนหยวนอาจสูญเสียความสงบ ข้าเรียกพวกเจ้าทั้งหมดมาที่นี่ในวันนี้เพื่อให้พวกเจ้าได้เลือก ไม่ว่าจะต้องการจากไปหรืออยู่ต่อก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า ข้าจะไม่หยุดยั้งถ้าพวกเจ้าต้องการจากไป” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างเคร่งเครียด
ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่บางคนลังเล ในท้ายที่สุดบางคนเลือกที่จะออกไปและแยกตัวออกจากตระกูลเทียนหยวน
ที่จริงแล้วผู้อาวุโสส่วนใหญ่เลือกที่จะออกไป
อย่างไรก็ตาม หนานหยุนตงและคนอื่น ๆ เลือกที่จะอยู่ต่อโดยไม่ลังเลเลย พวกเขามีความหวังอันยิ่งใหญ่ในตัวเจี้ยนเฉิน พวกเขารู้ว่าเจี้ยนเฉินมีวิธีเอาชนะภัยคุกคามนี้
ยิ่งกว่านั้นตระกูลเทียนหยวนยังถือว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในนั้น พวกเขาค่อย ๆ พัฒนาความรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นเจ้าของตระกูลเทียนหยวน ในตอนนี้ตระกูลตกอยู่ในอันตราย มันก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะแสดงความจงรักภักดี
โม่หลิงและอันโดฟูเลือกที่จะอยู่ต่อโดยไม่ลังเลเช่นกัน พวกเขาสองคนอาศัยอยู่ในตระกูลมากกว่าเจี้ยนเฉินด้วยซ้ำ
นี่เป็นเพราะเจี้ยนเฉินแทบไม่เคยจัดการกิจการของตระกูล พวกเขาเป็นคนสั่งการวางอิฐทุกก้อนในตระกูล
สำหรับพวกเขาที่นี่เท่ากับบ้านหลังใหม่
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเขาเห็นว่ามีขั้นเทพเพียง 10 คนที่ยังคงอยู่นอกเหนือจากเสือขาว เขาพูดว่า “เอาล่ะ เนื่องจากพวกเจ้าไม่ได้วางแผนที่จะจากไปและเต็มใจที่จะตายไปพร้อมกับตระกูลเทียนหยวน ข้ารับประกันได้ว่าหากเราเอาชนะภัยพิบัตินี้ได้สำเร็จ ข้าจะตอบแทนพวกเจ้าอย่างสุดความสามารถในอนาคต”
“ ซีหยู วัสดุที่ข้าให้เจ้าไปรวบรวมมาไปถึงไหนแล้ว ? ” เจี้ยนเฉินหันไปมองซีหยู
ซีหยูหยิบแหวนมิติออกมาและมอบให้เจี้ยนเฉิน นางกล่าวว่า “ผู้นำ ข้าได้รวบรวมวัสดุทั้งหมดที่เราสามารถรวบรวมได้จากเหล่าผู้อาวุโส ทั้งหมดอยู่ในแหวนมิติ ยิ่งกว่านั้นข้าได้ส่งคนไปเมืองหลักอื่น ๆ เพื่อรวบรวมวัสดุที่จำเป็นต้องใช้มาเพิ่ม ข้าเชื่อว่าชุดที่สองจะมาเร็ว ๆ นี้”
เจี้ยนเฉินหยิบวัสดุขึ้นมาและเข้าสู่การเก็บตัวทันที