ตอนที่ 1891: ตระกูลเหนือเทพที่ยิ่งใหญ่
หลังจากมอบดอกพลังงานดั้งเดิมให้แก่ซีหยู เจี้ยนเฉินก็ออกเดินทางต่อไปยังพื้นที่ต้องห้ามในตระกูล
ซีหยูถือดอกพลังงานดั้งเดิม แม้ว่านางจะเข้าใจคุณค่าของมัน แต่ยังมีราชาเทพมากมายที่ไม่ได้ครอบครอง แต่นางก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย ดวงตาของนางงุนงงเล็กน้อยขณะที่จ้องมองไปยังเจี้ยนเฉินตลอดทางจนกระทั่งเจี้ยนเฉินหายลับสายตาของนาง
ในตอนนี้ผลกระทบจากดอกพลังงานดั้งเดิมก็ได้แสดงออกมาอย่างสมบูรณ์ การดูดซับพลังลึกลับส่งผลกระทบให้กับพลังงานดั้งเดิมหนาแน่นภายในตระกูลเทียนหยวนในตอนนี้ มันเริ่มรวบรวมพลังจากทุกสารทิศมาจากดอกไม้ที่อยู่ในมือของซีหยู พลังงานดั้งเดิมที่รายล้อมรอบ ๆ ดอกไม้ได้กลายเป็นหมอกอย่างหนาแน่น
ผู้คนที่ติดตามเจี้ยนเฉินมาจากโลกเบื้องล่างล้วนได้แต่บ่มเพาะอยู่ในบริเวณต้องห้ามของตระกูล
เจี้ยนเฉินเคยใช้ความพยายามและทรัพยากรในการออกแบบพื้นที่ต้องห้าม เป็นผลทำให้พลังงานดั้งเดิมที่นี่มีความหนาแน่นมากที่สุดในตระกูล มีหมอกสีขาวจาง ๆ ในพื้นที่เหล่านี้
หมอกขาวไม่ใช่หมอกธรรมดา แต่มันเป็นพลังงานดั้งเดิมที่รวมกันเป็นวัตถุหนัก
ในบริเวณต้องห้าม เจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนโต๊ะหิน เขาชงชาด้วยตัวเองและจิบมันทีละน้อย ดูเหมือนว่าเขากำลังใช้เวลาว่างอย่างผ่อนคลาย แต่ใบหน้าของเขาดูไม่ผ่อนคลายเลย
คิ้วของเขามีขมวดเข้าหากันและคลายออกเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าเขาจะเผยให้เห็นความกังวลเล็กน้อยบนใบหน้าของเขาเป็นครั้งคราวเช่นกัน บางสิ่งที่ดูเหมือนจะทำให้เขาหนักใจ
“ตอนนี้ตระกูลเทียนหยวนได้อยู่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนได้อย่างมั่นคง มันไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าหวังว่าเราจะสามารถผ่านพ้นการบุกรุกครั้งใหญ่จากกองพันทั้งสามของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า” เจี้ยนเฉินพูดกับตัวเองเบา ๆ เขารู้สึกกดดันเมื่อกองพันทั้งสามของลัทธิปีศาจชั้นฟ้ากำลังรุกรานอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน
นี่เป็นเพราะเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว มีตระกูลที่ทรงพลังไม่กี่ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังของเขาพร้อมกับคนจำนวนมาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะจัดการทุกอย่างในแคว้นตงอัน มันจะดีที่สุดที่เขาจะไม่ทิ้งใครไป
ในเวลานี้สีแสงสีทอง นูบิสที่สวมเสื้อผ้าสีทองจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าเจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้มีท่าทีสุภาพและนั่งฝั่งตรงข้ามเจี้ยนเฉินลงทันที เขาหยิบชาที่เจี้ยนเฉินเทลงในถ้วนและพูดว่า “น้องเจี้ยนเฉิน ตอนนี้เจ้าต้องยุ่งอีกแล้ว มันยากที่จะเห็นเจ้าในตระกูล ในช่วงเวลาไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ข้าเห็นเจ้าเพียงไม่กี่ครั้ง”
เจี้ยนเฉินอดยิ้มไม่ได้ “เราทุกคนก็กลายเป็นขั้นเทพแล้ว หากเราฝึกฝนอย่างสันโดษสักหนึ่งร้อยปี มันก็ผ่านแค่กระพริบตาและหนึ่งพันปีก็เหมือนสิบวินาที มันจะเทียบกับไม่กี่สิบปีได้อย่างไร ? ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปการไม่เห็นข้าตลอดเวลาพันปีหรือหมื่นปี มันก็เป็นเรื่องธรรมดา”
“นั่นก็สมเหตุผล” นูบิสพยักหน้าเห็นด้วย เขามองเจี้ยนเฉินและพูดต่อ “เมื่อมาคิดว่าเจ้าคงไม่ได้เรียกข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ มาแค่คนเดียวคงไม่ใช่มาเพื่อถกเถียงกันเกี่ยวชีวิตที่ผ่านมา มันต้องมีอย่างอื่นอีก”
“ถูกต้อง ข้าเรียกเจ้ามาเพื่อมอบหมายบางอย่างให้เจ้า” เจี้ยนเฉินกล่าวพลางโยนแหวนมิติไปให้นูบิสทันที
นูบิสไม่ได้คิดอะไรมาก ของขวัญสำหรับเจี้ยนเฉินอาจจะเป็นเหรียญผลึกหรือสมบัติสวรรค์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นสิ่งที่อยู่ในแหวนมิติ เขาก็หวาดกลัวพลางกระโดดขึ้นทันทีด้วยความตกใจ พร้อมกับใบหน้าที่ตกอกตกใจของเขา
“โอ้ว สวรรค์ นะ-นะ-นะ-นี่คือ ? เจี้ยนเฉิน จะ-เจ้าได้รับสิ่งนี้มาจากที่ไหน ? ” ดวงตาของนูบิสเบิกกว้างเมื่อเขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความตกใจอย่างรุนแรง ความไม่อยากจะเชื่อได้แสดงอยู่บนใบหน้าของเขา
“ข้า-มันเป็นของที่ทรงพลังมาก ตายแล้ว มันยังคงมีสถานที่น่ากลัวอยู่อีก ขะข้าต้องตาฝาดไปแล้ว ต้องตาฝาดเป็นแน่” นูบิสบ่น เสียงของเขาสั่นเล็กน้อยขณะที่เขาขยี้ตาอย่างแรง เขาถูกล่อลวงให้เอาหัวมุดเข้าไปในแหวนมิติเพื่อมองให้ชัดเจน
ท้ายที่สุดหลังจากที่ยืนยันหลายครั้ง เขาก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นของจริง
สิ่งของในแหวนมิติคือศพของอสรพิษทองริ้วเงินจากภูเขาหยินเจ็ดทลาย มันเป็นราชาเทพช่วงปลาย
“ถ้าข้าจำไม่ปิด ของสิ่งนี้ต้องมีประโยชน์กับเจ้า”เจี้ยนเฉินกล่าว
นูบิสพยักหน้าอย่างแรง เขาพูดอย่างตื่นเต้น “มันไม่ได้มีประโยชนืมากมายนัก นอกจากข้าจะมีโชค ถ้าข้าดูดซับแก่นสายโลหิต ข้าจะมีพลังมากขึ้นและน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ความแข็งแกร่งของข้าจะเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายเช่นกัน เจี้ยนเฉิน เจ้าได้ซากนี้มาจากไหน มันต้องเป็นเหนือเทพก่อนที่มันจะตายเป็นอย่างน้อย”
เจี้ยนเฉินส่ายหัว “มันเป็นราชาเทพช่วงปลายก่อนที่มันจะตาย นอกจากว่ามีผู้เชี่ยวชาญสังหารมันแล้ว ข้าจึงได้รับซากมันมาแค่นั้น”
“หา ! ราชาเทพช่วงปลาย ! ” นูบิสตะลึง
สำหรับเขา ราชาเทพ มันก็ราวกับเป็นบุคคลในตำนาน
ทันใดนั้นใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็ดุดันก่อนที่จะกล่าวว่า “เบื้องหลังของอสรพิษทองริ้วเงินนั้นไม่ธรรมดา เพื่อหลีกเลี่ยงฝันร้าย จงดูดซับแก่นลับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และทำลายซากทีหลัง เจ้าไม่ควรทิ้งร่องรอยใด ๆไว้ ไม่เช่นงั้นเราจะประสบเภทภัย”
นูบิสเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องรุนแรงอย่างมากเมื่อเขาเห็นเจี้ยนเฉินจริงจังแค่ไหน เขากล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล ข้านูบิสผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง อย่าเสียเวลาเลย ตอนนี้ข้าจะเก็บตัวก่อน”
นูบิสรีบออกไปอย่างตื่นเต้น
เจี้ยนเฉินก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะที่เขาดูนูบิสจากไป เขาคิดไม่ออกเลยว่านูบิสจะแข็งแกร่งแค่ไหนหลังจากที่เขาดูดซับแก่นลับจากอสรพิษทองริ้วเงินขั้นราชาเทพช่วงปลาย
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจ เมื่อนูบิสโผล่ออกมาจากการเก็บตัว ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างท่วมท้น มันจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ตอนนี้ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเริ่มจริงจัง เขามองไปยังทิศทางที่ซางกวนมู่เอ๋อบ่มเพาะก่อนที่จะใช้ค่ายกลแยกมิติกับพื้นรอบ ๆ ในบริเวณต้องห้าม
หลังจากที่เจี้ยนเฉินทำทุกอย่างแล้ว มีบางอย่างที่ทรงพลังก็ปะทุจากพื้นที่ที่ซางกวนมู่เอ๋อบ่มเพาะ
สิ่งนั้นทรงพลังมากจนทำให้เมืองหลักทั้งเมืองสั่นสะเทือน อย่างไรก็ตามด้วยการแยกพื้นที่ผ่านค่ายกล มันจึงไม่ได้ส่งผลใด ๆ ออกมา
ผู้คนที่บ่มเพาะบริเวณนั้นต่างตื่นตระหนก พวกเขาออกมาจากห้องและจ้องมองไปยังทิศทางที่ซางกวนมู่เอ๋อบ่มเพาะอยู่ด้วยความอิจฉาและมีความสุขอยู่เต็มใบหน้าของพวกเขา
ท้ายที่สุดซางกวนมู่เอ๋อก็ทะลวงผ่าน นางทะลวงผ่านจากขั้นเทพกลายเป็นขั้นเหนือเทพ !
“ยอดเยี่ยมมาก มู่เอ๋อได้กลายเป็นขั้นเหนือเทพแล้ว เมื่อรวมกับเฉินเจี้ยนแล้ว ตระกูลเทียนหยวนก็มีขั้นเหนือเทพ 3 คนแล้ว” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเองอย่างตื่นเต้น
ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใกล้เคียงหรือแม้แต่ตระกูลที่ทรงพลังที่สุดก็มีขั้นเหนือเทพมากสุดแค่ 2 คนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากเพียงไม่กี่สิบปีหลังจากการก่อตั้งตระกูลเทียนหยวน มันก็มีเหนือเทพ 3 คน เมื่อรวมกับพลังการต่อสู้ของเจี้ยนเฉินซึ่งเพียงพอที่จะรับมือกับขั้นเหนือเทพช่วงสูงสุด ตระกูลเทียนหยวนได้กลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอย่างไม่รู้ตัว