ตอนที่ 1897: เจี้ยนเฉินกลับมา
คำพูดของไคยะทำให้ปรมาจารย์เฉินหลงประหลาดใจเล็กน้อย ดวงตาชราของเขาสั่นไหวขณะที่เขาจ้องมองไคยะอย่างไม่สบายใจ สีหน้าของเขาดูแปลกไป หลังจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเบา ๆ พร้อมกับมีท่าทีสับสน
ในขณะที่เขาเห็นไคยะ เขาได้สัมผัสกับความคุ้นเคยที่ไม่รู้จัก
มันไม่รู้เพราะเขาไม่มั่นใจว่าเขาไม่เคยหญิงสาวคนนี้มาก่อนหรือไม่ แม้ว่าเขาจะไม่สนใจกับข้อเท็จจริงที่ว่าเฉินหลงไม่เคยมีมิตรแท้เลยมาตั้งแต่ที่เขาเริ่มบ่มเพาะ ไคยะเองก็อ่อนแอ นางเป็นเพียงเซียนจักรพรรดิ แม้ว่าเขาจะเห็นนางในอดีต เขาก็จำนางไม่ได้ ในสายตาของเขา คนอย่างนางเป็นได้แค่มด
ตามธรรมชาติมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยจากมด
นั่นเป็นสาเหตุที่แปลกประหลาด เขาไม่เพียงแต่รู้สึกความคุ้นเคย แต่ไคยะเองก็ดูเหมือนจะรู้สึกถึงมันแต่ไม่สามารถอธิบายได้เหมือนกับคำพูดที่นางพูดกับเขา
ปรมาจารย์เฉินหลงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงครุ่นคิดมากขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้นส่วนที่เติมเต็มความไม่อยากจะเชื่อของเขาคือวิญญาณในกับดักก็คิดแบบนี้เช่นกัน เป็นผลทำให้เรื่องนี้มีความซับซ้อนอย่างมาก
“เจ้าเป็นใครกัน ? ” ปรมาจารย์เฉินหลงถามขณะที่จ้องมองไคยะ
ในเวลานั้นแม้กระทั่งเขาที่เป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลายก็ยังสับสน
“ข้าชื่อไคยะ” ไคยะจ้องมองปรมาจารย์เฉินหลงพร้อมกับจ้องมองแหวนมิติบนนิ้วของเขาเป็นครั้งคราว ความอยากรู้อยากเห็นปรากฏอยู่ในแววตาของนางขณะที่นางถาม “ยังมีบางสิ่งที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยในแหวนมิติของท่าน ความรู้สึกนี้…มันเหมือนกับความรู้สึกที่ท่านมีต่อข้า”
คำพูดของไคยะทำให้ปรมาจารย์เฉินหลงตะลึง ดวงตาชราของเขาเบิกกว้างทันทีที่เขามองไคยะด้วยความตกใจและไม่เชื่อ
โดยธรรมชาติเขารู้ว่าไคยะรู้สึกอย่างไรกับแหวนมิติของเขา แน่นอนว่ามันเป็นเพราะวิญญาณในกับดักที่อยู่ในค่ายกลที่สามารถบอกอนาคตได้
“ผู้หญิงคนนี้รู้ได้อย่างไรว่ามีบางสิ่งในแหวนมิติของข้า ? ไม่เพียงนางจะเป็นแค่เซียนจักรพรรดิที่อ่อนแอ แม้แต่ราชาเทพก็ยังไม่อาจทำได้” ปรมาจารย์เฉินหลงพยายามสงบสติอารมณ์ขณะที่เขาสนทนากับวิญญาณอย่างลับ ๆ
“เฒ่าเฉินหลง อย่าถามข้า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่จริงข้าไม่เคยเห็นนางมาก่อน นางเป็นเหมือนกับเมฆหมอก” วิญญาณในกับดักพูด
ปรมาจารย์เฉินหลงยังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะสงบลง เขาจ้องไคยะด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ความรู้สึกที่คุ้นเคยกับไคยะมีมากขึ้นและส่งผลต่อตัวของเขาอย่างไม่รู้ตัว มันทำให้ความคิดเห็นของปรมาจารย์เฉินหลงที่มีกับไคยะเปลี่ยนไปอย่างเงียบ ๆ
ปรมาจารย์เฉินหลงเชิญไคยะให้นั่งลง เขาไม่ได้วางท่าใด ๆ ในฐานะเหนือเทพและพูดคุยกับไคยะแทนด้วยท่าทีรู้จักกัน พวกเขาเหมือนกับสหายเก่าที่หวนถึงอดีต
“แม่นางผู้นี้ชื่อไคยะ ? นางเป็นใคร ? ข้าไม่เคยเห็นนางมาก่อน ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยกับนางนัก” วิญญาณในกับดักพึมพำอย่างไม่หยุดจากภายในแหวนมิติ ขณะเฉินหลงและไคยะคุยกัน เขาเกาหัวแต่ก็ไม่อาจคิดได้ว่ามันเพราะเหตุใด
ไคยะและปรมาจารย์เฉินหลงยิ่งคุยยิ่งถูกคอและความรู้สึกสนิทสนมก็มากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาไม่ได้รู้สึกเหินห่างกันเลย สิ่งนี้ทำให้พวกเขาทั้งสองรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าพวกเขาเป็นสหายสนิทกันหรืออะไรบางอย่าง
“ไคยะดูเหมือนเจ้าและข้าจะโชคดีที่ได้มาพบกัน อย่างไรก็ตามการบ่มเพาะของเจ้าต่ำเกินไปขณะนี้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่เจ้าจะประสบอันตราย ทำไมเจ้าไม่ไปกับข้าตอนนี้ ? ใช้ป้ายอาคมสามแผ่นก่อตัวเป็นค่ายกล ป้ายอาคมแต่ละแผ่นจะสามารถป้องกันการโจมตีจากขั้นเหนือเทพช่วงปลายได้ เอาจี้หยกนี้ติดตัวตลอดเวลา ข้าสามารถช่วยชีวิตเจ้าได้ในเวลาสำคัญ เหรียญผลึกระดับสูงนี้จะช่วยให้ความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว” ปรมาจารย์เฉินหลงนำสิ่งต่าง ๆ ออกมาจากแหวนมิติและวางไว้ตรงหน้าไคยะ
แม้แต่ปรมาจารย์เฉินหลงเองก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อ จริง ๆ แล้วเขาได้ของขวัญจากบางคนมาหลายอย่าง ถ้าในอดีตเขาคงไม่เชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนใจกว้างขนาดนี้ได้
เหรียญผลึกระดับสูงนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขาเลย แต่ป้ายอาคมที่สามารถป้องกันการโจมตีจากขั้นเหนือเทพช่วงปลายนั้นไม่อาจประเมิณค่าได้ มันยากที่จะสร้างมันแต่ละอัน
และจี้หยกยิ่งมีค่ามากกว่า ไม่เพียงแต่เป็นวัตถุเซียนที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นสมบัติที่สามารถปกป้องได้ด้วยตัวเอง เมื่อถูกโจมตี จี้จะเริ่มการใช้งานด้วยตัวเองและสร้างม่านแสงที่ทรงพลังอย่างยิ่ง หากพลังของมันทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมา มันสามารถต้านการโจมตีของขั้นเหนือเทพช่วงปลายได้ระยะเวลาหนึ่ง
ปรมาจารย์เฉินหลงมอบความมั่งคั่งหนึ่งในสี่ส่วนของเขา
แต่ปรมาจารย์เฉินหลงต้องการช่วยไคยะทุกอย่างเมื่อเขาเห็นว่านางอ่อนแอแค่ไหนในตอนนี้
นี่เป็นวิธีที่เจี้ยนเฉินทำต่อสหายและครอบครัวของเขา ความเสียสละ เขามักจะหาวิธีใช้ทรัพยากรทั้งหมดในมือเพื่อให้เขาสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้
“ผู้อาวุโสเฉินหลง ขอบคุณสำหรับความตั้งใจของท่าน แต่ข้าไม่อาจรับสิ่งมากมายเหล่านี้ได้โดยไม่มีเหตุผล ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่ได้ขาดสิ่งของเหล่านี้เลย เจี้ยนเฉินได้มอบให้ข้าเป็นจำนวนมาก” ไคยะขอบคุณเขา ก่อนที่จะดันสิ่งของทั้งหมดคืนให้กับปรมาจารย์เฉินหลง
“หา ! เจี้ยนเฉิน ? ผู้นำตระกูลเทียนหยวน เจี้ยนเฉิน ? ” มีแสงวาบผ่านดวงตาของเขาขณะที่เขาเริ่มเคร่งเครียด
“ถูกต้อง เขาเป็นผู้นำตระกูลเทียนหยวน เขาเป็นสหายของข้า” ไคยะพูด
ปรมาจารย์เฉินหลงไม่สบายใจทันที
ในเวลาเดียวกันมีแสงวาบผ่านอากาศนอกเมืองอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวมันก็เข้ามาในเมือง
เจี้ยนเฉินกลับมาจากเมืองหลวงแล้ว เขาขี่กระบี่สายรุ้งเข้ามาในเมืองอย่างองอาจ
“ข้าสงสัยว่าอาการของไคยะวันนี้จะเป็นอย่างไร นางยอมรับโลกเซียนแล้วหรือยัง ? ” เจี้ยนเฉินนึกถึงไคยะทันทีเมื่อเขาเข้ามาในเมือง เขาบินไปยังตระกูลเทียนหยวนด้วยกระบี่สายรุ้งและขยายสัมผัสวิญญาณของเขาเช่นกัน เขาห้อมล้อมเอาไว้ทั้งเมืองเพื่อหาว่าไคยะอยู่ที่ไหน
ด้วยความรู้สึกของเขาในขั้นเหนือเทพช่วงปลาย เขาพบว่าไคยะได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม อย่างไรก็ตามใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและมีจิตสังหารอย่างรุนแรงปรากฏในแววตาของเขา เขาพูดอย่างเย็นชา “เฉินหลง เจ้ารนหาที่ตาย ! ”
ทิศทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นในขณะที่ปราณกระบี่ดูดซับพลังจากสภาพแวดล้อมทำให้กระบี่สายรุ้งส่องสว่าง เขาเปลี่ยนทิศทางไปยังที่ไคยะอยู่ด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
ในเวลานั้นปรมาจารย์เฉินหลงก็รู้ถึงการมาของเจี้ยนเฉิน ในไม่ช้าเขาก็เคร่งเครียดและป้ายอาคมสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นในมือขวาของเขา มันส่องสว่างด้วยแสงสีฟ้าจากพลังปราณนับไม่ถ้วนทอประกายขึ้นมา
เขาถือป้ายอาคมไว้ที่มือซ้ายขณะที่วิญญาณในกับดักก็เคร่งเครียดเช่นกัน