ตอนที่ 1931 : พระราชวังของจักรวรรดิเสิ่นเตา
“คณิกา ? พี่สาวเฮายู่ เจ้าคิดจะ….” เทียนซวงพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดของนางฟ้าเฮายู่ นางมองไปที่นางฟ้าเฮายู่ด้วยสายตาสับสนราวกับว่าเห็นบางอย่างที่ผิดปกติไป
แม้ว่านางคณิกานั้นมักจะชอบใช้เรือนร่างกับผู้ชาย แต่มันเกี่ยวข้องอะไรกับนางด้วย ? มันมีคนแบบนั้นนับไม่ถ้วนในโลกเซียน
ยิ่งกว่านั้นนางก็เป็นแค่เพียงราชาเทพ ด้วยฐานะของนางฟ้าเฮายู่แล้ว นางเบื่อจนอยากจะเล่นกับพวกราชาเทพแล้วหรือไร ?
ตอนนั้นเทียนซวงรู้สึกว่านางไม่เข้าใจความคิดของพี่สาวเฮายู่เอาเสียเลย
“น้องสาวเทียนซวง ข้าขอยืมยาปรับแต่งเก้าชีวิตหน่อย” นางฟ้าเฮายู่บอกกับเทียนซวง
เทียนซวงแปลกใจขึ้นมาเมื่อได้ยินแบบนั้น นางมองไปที่เจี้ยนเฉินซึ่งลอยอยู่ข้าง ๆ นางฟ้าเฮายู่และพูดขึ้นว่า “พี่สาวเฮายู่ ยาปรับแต่งเก้าชีวิตนั้นเป็นยาระดับเทพ เจ้าคิดจะใช้ยาระดับเทพนี้เพื่อรักษาชายผู้นี้หรือ ? มันไม่น่าเสียดายเกินไปหน่อยรึไง ? ”
ด้วยระดับการบ่มเพาะของเทียนซวงแล้ว เป็นธรรมดาที่นางจะมองเห็นเจี้ยนเฉิน แม้ว่าเขาจะถูกรายล้อมไปด้วยแสงจันทร์ก็ตาม
“พี่สาวเฮายู่ นี่ใครกัน ? เขาเป็นศิษย์ของเจ้ารึ ? เจ้าถึงได้ดูแลเขาดีนักถึงกับจะให้ยาปรับแต่งเก้าชีวิตกับเขา” เทียนซวงถามด้วยความสงสัย ด้วยการพลิกฝ่ามือก็มีขวดหยกปรากฏขึ้นในมือของนาง จากนั้นนางก็ได้โยนให้มันกับนางฟ้าเฮายู่
“นางฟ้าเฮายู่ นี่ยาปรับแต่งเก้าชีวิต ข้าไม่ได้มีติดตัวมากนัก”
“ไม่ต้องคิดมากไป น้องสาวเทียนซวง ข้าจะคืนยาที่ระดับสูงกว่านี้ให้กับเจ้าในอนาคต” เฮายู่ยิ้มออกมา จากนั้นนางก็ได้เอาเม็ดยาออกมาจากขวดก่อนจะป้อนเข้าไปในปากของเจี้ยนเฉิน
“เจ้าพูดเช่นนั้นไม่ได้ มันจะทำให้ข้าดูเป็นคนเห็นแก่ได้ ข้าแค่รู้สึกว่ามันไร้ค่ากับการใช้ยาที่ล้ำค่าเช่นนี้ไปกับเหนือเทพ ยาระดับเซียนขั้นสูงสุดนั้นน่าจะเพียงพอรักษาบาดแผลของเขาได้” เทียนซวงเอ่ยขึ้นมา
หลังจากที่กินยาเข้าไปแล้ว บาดแผลของเจี้ยนเฉินก็ฟื้นฟูด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เขาฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าการฟื้นฟูของร่างบรรพกาล
ด้วยยาระดับเทพนี้จึงทำให้ยาปรับแต่งเก้าชีวิตนั้นฟื้นฟูบาดแผลให้กับเจี้ยนเฉินได้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงยาระดับเทพขั้นต้นก็ตาม ในเวลาไม่กี่วินาที เจี้ยนเฉินก็ฟื้นฟูจนหายดี เขาถึงกับฟื้นฟูพลังวิญญาณขึ้นมาได้อย่างมากด้วย
เจี้ยนเฉินลืมตาขึ้น เมื่อมองผ่านแสงจันทร์ออกไปเขาก็พบนางฟ้าเฮายู่ที่ยืนอยู่ข้างกายเขา เมื่อเขาต้องการจะพูดบางอย่างออกมา นางฟ้าเฮายู่ก็สะบัดมือและพูดขึ้น “เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ก่อน”
เจี้ยนเฉินพุ่งผ่านอากาศไปโดยยังมีแสงจันทร์รายล้อมตัว เขาพุ่งเข้าไปในพระราชวังของจักรวรรดิเสิ่นเตาโดยไม่อาจจะต้านทานได้แม้แต่น้อย
จักรพรรดิและศิษย์ของเทียนซวงอย่างหมานเย่เห็นทุกอย่าง แต่ก็ได้แต่ยืนนิ่ง ๆ พวกเขาสงสัยในตัวตนของเจี้ยนเฉิน เนื่องจากนางฟ้าเฮายู่นั้นถึงกับใช้ยาล้ำค่าเพื่อช่วยเขาเอาไว้
“พี่สาวเฮายู่ เจ้าคิดจะจัดการกับคนผู้นี้อย่างไรกัน ? เจ้าไม่อาจจะทิ้งนางไว้ที่นี่ตลอดไป มันจะเป็นการทำให้สังคมวุ่นวาย” เทียนซวงพูดขึ้นและชี้ไปที่หย่าซีเหลียนซึ่งลอยอยู่ในอากาศ
นางฟ้าเฮายู่จ้องมองหย่าซีเหลียนด้วยท่าทีเฉยเมย ก่อนจะนั่งลงไปแล้วพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงคนนี้มักจะเปิดเผยเรือนร่างให้กับผู้ชายอยู่แล้ว ดังนั้นทิ้งนางไว้ที่นี่ก่อน เราจะจัดการนางเมื่อเขากลับมา” ตอนที่พูดนั้นนางก็ได้มองไปที่ เจี้ยนเฉินซึ่งนางได้โยนเข้าไปยังพระราชวัง บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมาซึ่งทำให้นางดูร้ายกาจขึ้นมาเล็กน้อย
ด้านในพระราชวัง มันมีน้ำพุร้อนอยู่ มีเสียงหัวเราะด้วยความพอใจดังขึ้นมาจากสองสาวงามที่เล่นน้ำอยู่ด้านใน เจี้ยนเฉินตกลงจากอากาศและตกลงไปในน้ำพุร้อน เขาตกลงไประหว่างกลางของผู้หญิงทั้งสองคน ทันใดนั้นน้ำก็กระจายออกมาจนทำให้เกิดระลอกคลื่น
น้ำพุร้อนแห่งนี้คือสถานที่ที่ได้รับการดูแลอย่างดีในพระราชวัง ชัดแล้วว่าผู้หญิงสองคนที่เล่นน้ำนี้ไม่คิดว่าจะมีใครตกมาจากฟ้าลงสู่น้ำพุร้อนได้ พวกนางตะลึงราวกับว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นางฟ้าเฮายู่ได้โยนเจี้ยนเฉินลงไปในน้ำหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา เขายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวเขา เขามองเห็นสาวงามเปลือยกายอยู่ตรงหน้าเขาก่อนที่เขาจะได้สติ ซึ่งนั่นทำให้เขาตะลึงอย่างมากจนไม่อาจรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ อ๊า ! “
แต่ท่าทีของสองสาวนั้นเร็วกว่าเจี้ยนเฉินที่เพิ่งจะได้สติขึ้นมาโดยยังไม่ทันได้ฟื้นฟูพลังวิญญาณทั้งหมด เสียงกรีดร้องของสองสาวนี้ดังก้องไปทั่วทั้งพระราชวัง ทั้งสองรีบใช้พลังงานสร้างเสื้อผ้าเพื่อปกปิดร่างกายและเผยสายตาโกรธเกรี้ยวออกมา พวกนางหยิบกระบี่ด้วยความอายก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉินจากทั้งด้านหลังและด้านหน้า
ตอนนั้นทั้งสองคนเตรียมพร้อมที่จะตายด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่มีผู้ชายเห็นเรือนร่างของทั้งสองคน แต่ชายคนนี้เองก็ยังตัวเปล่าเปลือยในบ่อน้ำร้อนอีกด้วย
นี่คือเรื่องที่พวกนางไม่มีทางรับได้
“เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดกันไปแล้ว ! ใจเย็น ๆ กันก่อน ! ” เจี้ยนเฉินหลบการโจมตีจากทั้งสองคน เขาไม่คิดจะล้างเลือดออกจากตัวด้วยซ้ำ เขาเอาเสื้อผ้าออกมาและรีบวิ่งออกไปทันที
ตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่านางฟ้าเฮายู่คิดอะไรอยู่ถึงได้โยนเขาลงมาที่นี่
“เจ้าบ้ากามนั่นมาจากไหนกัน ? เจ้าอย่าคิดหนีนะ ! ข้าจะไม่หยุดจนกว่าจะฆ่าเจ้าได้ ….”
“เจ้าบ้ากาม ! องค์หญิงผู้นี้จะถลกหนังเจ้าทั้งเป็นและตัดเส้นเอ็นทั้งหมดของเจ้าก่อนจะสับเจ้าเป็นชิ้น ๆ…”
สองสาวไล่ล่าเจี้ยนเฉินด้วยความอาฆาต พลังงานอันแข็งแกร่งแผ่ครอบคลุมตัวของพวกนางเอาไว้
แต่ทั้งสองคนเป็นเพียงแค่ขั้นเทพ พวกนางจะมาไล่ตามเจี้ยนเฉินทันได้ยังไง ? ในพริบตาเจี้ยนเฉินก็หายไปจากสายตาพวกนาง
“เร็วเข้า รีบจับเจ้าบ้านั่นเอาไว้ เราปล่อยเขาหนีไม่ได้” หนึ่งในนั้นตะโกนออกมา เสียงของนางดังก้องไปทั่วทั้งพระราชวัง
ทันใดนั้นทั้งพระราชวังก็วุ่นวายขึ้นมา ทหารหลายกองแห่กันมาอย่างรวดเร็วโดยมีเหนือเทพอยู่ในหมู่พวกนั้นด้วย
“ทำไมถึงได้มีนักสู้มากมายแบบนี้ ? นางฟ้าเฮายู่พาข้ามาที่ไหนกัน ? ” เจี้ยนเฉินรู้สึกเจ็บปวดเมื่อรับรู้ได้ถึงพลังโดยรอบ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นมาจากฝันและเขาก็ยังคงสับสนอยู่ เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวเขา
เขาต้องการตรวจสอบโดยรอบด้วยการรับรู้วิญญาณแต่ที่นี่มีการยับยั้งไว้ ด้วยพลังวิญญาณของเขาที่ยังน้อยนิดอยู่จึงทำให้การรับรู้วิญญาณของเขาไร้ค่า
“ท่าน เอ่ยนามของท่านออกมา ! ”
ตอนนั้นเองก็มีชายวัยกลางคน 4 คนปรากฏตัวขึ้นล้อมเจี้ยนเฉินเอาไว้ พวกเขามองเจี้ยนเฉินด้วยท่าทีเฉยเมย พลังที่พวกเขาแผ่ออกมานั้นพุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน
สีหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ชายทั้งสี่คนนี้เป็นถึงราชาเทพ !
เฮายู่, เทียนซวงและจักรพรรดิที่จับตาดูการแข่งขันด้านล่างนั้นย่อมเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในพระราชวัง เป็นธรรมดาที่ใบหน้าของจักรพรรดิจะบิดเบี้ยวไป หลังจากที่โค้งให้กับเทียนซวงและเฮายู่ เขาก็ออกไปทันที
“ฮิฮิ พี่สาวเฮายู่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะขี้เล่นเช่นนี้ ดูสิว่าเขาตกอยู่ในปัญหาเพียงใด เจ้าอยากให้เหนือเทพผู้นี้ลำบาก พี่สาวเฮายู่ ข้าเริ่มสงสัยขึ้นทุกทีแล้วว่าเจ้ามีความสัมพันธ์กับเหนือเทพผู้นี้ยังไง” เทียนซวงหัวเราะ
นางฟ้าเฮายู่เผยอยิ้มเล็กน้อย นางเหมือนจะพอใจเมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินหมดท่าเพียงใด จากนั้นนางก็ได้พูดขึ้นว่า “อย่าดูถูกเขา การทำให้เขาตกที่นั่งลำบากนั้นเป็นเรื่องยากที่จะทำได้ น้องสาวเทียนซวง ไปที่นั่นกันเถอะ ไม่งั้นแล้วเขาคงตกที่นั่งลำบากขึ้นมาจริง ๆ ”