ตอนที่ 1951 : กลับมายังแนวหน้าอีกครั้ง
ด้วยฐานะของเจี้ยนเฉินในจักรวรรดิเสิ่นเตาแล้ว การยืมค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ความเป็นมิตรที่จักรพรรดิมีต่อเจี้ยนเฉินนั้นยังคงอยู่เช่นเดิม เขาพาเจี้ยนเฉินไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายในพระราชวังและอนุญาตให้เจี้ยนเฉินใช้มันได้โดยไม่สนใจว่าต้องเสียอะไรไป
หลังจากที่ปรับตำแหน่ง ค่ายกลก็ได้ทำงานทันที ด้วยพลังของมัน เจี้ยนเฉินที่ยืนอยู่ในค่ายกลก็ได้หายตัวไปในทันที
ในพระราชวังของจักรวรรดิจันทราสวรรค์ เมืองตะวันจันทรา ถนนเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงตะโกน เจ้าหน้าที่และสมาชิกระดับสูงขององค์กรเดินไปมาตามท้องถนนพร้อมกับผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ร้านค้าแน่นขนัดทั้งสองข้างทางของถนนและเต็มไปด้วยผู้คน
ในฐานะจักรวรรดิโบราณที่อยู่ระดับเดียวกับจักรวรรดิเสิ่นเตา จักรวรรดิจันทราสวรรค์นั้นมีเมืองหลวงที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรวรรดิเสิ่นเตาเลย มีคนมีฐานะหลายคนในภาคใต้ได้มารวมตัวกันที่นี่
ที่ใจกลางเมืองนั้นมีอาคารที่เหมือนกับปราสาท ผู้คนได้ไปจับกลุ่ม 2-3 คนกันที่นั่น ใกล้ ๆ กันนั้นมีรอยสลักค่ายกลเคลื่อนย้าย 4 จุดที่พื้น
สองจุดนั้นค่อนข้างเล็ก มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร สำหรับอีกสองจุดนั้นมันมีขนาดใหญ่กว้างประมาณ 30 ม.ได้ ไม่ใช่แต่พลังงานที่มันมีนั้นแข็งแกร่งกว่าแต่มันยังซับซ้อนกว่าด้วย
ทุกคนในปราสาทต่างก็จ่ายเหรียญผลึกจำนวนต่าง ๆ ให้กับชายแก่ที่นั่นก่อนจะโดดเข้าไปยังจุดเคลื่อนย้ายที่กว้าง 10 ม.แล้วหายตัวจากที่นั่นไป
จุดเคลื่อนย้ายที่สองขนาดเล็กนั้นมีแสงสีขาวผันผวนอยู่ตลอด แต่ละครั้งที่แสงสีขาวหายไป มันจะมีคนจำนวนตต่าง ๆ ปรากฏตัวขึ้นมา
อันหนึ่งคือทางเข้าและอีกอันคือทางออก !
เทียบกับจุดเคลื่อนย้ายขนาดเล็กทั้งสองแล้ว จุดเคลื่อนย้ายอันใหญ่นั้นดูเงียบกว่า พวกมันไม่ได้ใช้มาหลายเดือนแล้ว
แต่ตอนนั้นเองจุดเคลื่อนย้ายใหญ่อันหนึ่งก็แผ่พลังงานออกมา พลังงานนี้แข็งแกร่งมากกว่าจุดเคลื่อนย้ายเล็กหลายเท่าตัว
“จุดเคลื่อนย้ายภาคกำลังทำงาน มีคนกำลังมาจากอีกภาค”
“จุดเคลื่อนย้ายภาคถูกใช้ไม่กี่ครั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันใช้เหรียญผลึกไปจำนวนมาก ข้าสงสัยว่าใครกันที่มาจากอีกภาค”
ผู้คนรอบ ๆ ต่างก็มองไปที่จุดเคลื่อนย้ายนั้นและพากันกระซิบกระซาบกัน
ภายใต้สายตาของทุกคนนั้น ได้มีชายหนุ่มวัยประมาณ 20 ปีปรากฏตัวขึ้นมา เขาสวมชุดสีขาวและปกปิดพลังของตัวเองเอาไว้ ผลก็คือเขาดูเหมือนกับคนธรรมดา
แต่ใบหน้าที่เด็ดเดี่ยว, หล่อเหลารวมถึงความเย็นชาที่เขามีในสายตานั้นทำให้หลายคนรู้สึกกดดันขึ้นมา
“ชายคนนั้นคงต้องเป็นนักสู้ ! ”
หลายคนรอบ ๆ จุดเคลื่อนย้ายคิด สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาและเคารพ
ชายหนุ่มคนนี้คือเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินไม่ได้อยู่เฉย ๆ เมื่อเขาออกจากจุดเคลื่อนย้ายมา เขาก็เดินออกมานอกปราสาท เขาได้ซื้อแผนที่และรีบออกมาหลังจากที่จ่ายเงินเสร็จ เขาไม่ได้เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่เขาเลือกเส้นทางถอยให้กับตระกูลเทียนหยวนก่อนหน้านี้ เขาได้สร้างจุดเคลื่อนย้ายไว้ในจักรวรรดิจันทราสวรรค์ แต่จุดเคลื่อนย้ายนั้นห่างจากเมืองหลวงของจักรวรรดิจันทราสวรรค์ ผลก็คือเขาต้องรีบกลับไปยังที่ที่เขาสร้างจุดเคลื่อนย้ายเอาไว้ จากนั้นเขาถึงจะกลับไปยังอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนได้ในเวลาที่สั้นที่สุด
ในฐานะผู้ปกครองของแคว้นตงอันแล้ว ตระกูลเทียนหยวนนั้นค่อนข้างเฉื่อยชา บรรยากาศที่น่าอึดอัดครอบคลุมไปทั่วทั้งตระกูลเทียนหยวน
นี่เพราะหัวหน้าตระกูลที่สนับสนุนตระกูลได้หายตัวไปหลายวันแล้ว
เจี้ยนเฉินคือทุกอย่างของตระกูลเทียนหยวน แม้ว่าตระกูลจะมีขั้นเหนือเทพหลายคนแต่พวกเขาก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับ เจี้ยนเฉินเลย
ผลก็คือการหายตัวไปของเจี้ยนเฉินนั้นส่งผลต่อตระกูลอย่างมาก
“ข้าหวังว่าหัวหน้าตระกูลจะกลับมาได้อย่างปลอดภัย”
“ตระกูลเทียนหยวนไม่อาจจะทนรับการหายไปของเจี้ยนเฉินได้”
ตอนนั้น โม่หลิง, อันโดฟู และอดีตหัวหน้าตระกูลของตระกูลโม่อย่างโม่ซิงเฟิง ได้มารวมตัวกันด้วยสีหน้าที่กังวล
โม่ซิงเฟิงตอนนี้ได้กลายเป็นขั้นเทพแล้วหลังจากที่ได้รับทรัพยากรจำนวนมากจากตระกูลเทียนหยวนจนเขาได้กลายเป็นผู้อาวุโสของตระกูล
ตอนนั้นเองสีหน้าพวกเขาก็นิ่งไป ตาพวกเขาเบิกกว้างและมองไปข้างหน้าด้วยความแปลกใจ
เจี้ยนเฉินในชุดขาวค่อย ๆ เดินออกมาจากพื้นที่หัวห้าม
“หั…หัวหน้าตระกูล ?” – ทั้งสามคนร้องออกมาด้วยความเหลือเชื่อ ตอนนั้นคนทั้งสามต่างก็สับสน
เพราะทุกคนรู้ว่าเจี้ยนเฉินโดนจับตัวไปโดยผูบัญชาการกองทัพที่เจ็ด หย่าซีเหลียน มันไม่ได้มีข่าวคราวเรื่องเขาอีกเลย
แต่ตอนนี้เจี้ยนเฉินที่มีข่าวลือว่าโดนจับตัวไปนั้นได้โผล่มาในพื้นที่หวงห้ามในสภาพที่สมบูรณ์ ทั้งสามจึงยากที่จะเข้าใจเรื่องนี้ได้
“ สถานการณ์ที่แนวหน้าเป็นยังไง ? พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์กับคนอื่นยังอยู่ดีรึไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถามขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวล เขากลัวว่าจะมีเรื่องที่เขาไม่หวังจะให้เกิดนั้นเกิดขึ้นมาตอนที่เขาหายตัวไป
“ผู้อาวุโสพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์และคนอื่น ๆ ยังอยู่ดีและ ผู้อาวุโสพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์กับผู้อาวุโสฮุสตันก็ได้ขึ้นเป็นขั้นเหนือเทพแล้ว” โม่หลิงพูดขึ้น เขาตื่นเต้นจนหน้าแดงขึ้นมา
สุดท้ายเจี้ยนเฉินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาก่อนจะพุ่งไปยังแนวหน้า การต่อสู้ที่ชายแดนอาณาจักรยังคงดำเนินต่อไป กำแพงที่หนาเกือบจะถล่มลงมาแล้วซึ่งบังคับให้กองทัพของอาณาจักรต้องสร้างแนวป้องกันเพื่อหยุดทหารจากลัทธิปิศาจชั้นฟ้า
ในการต่อสู้นี้อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนได้ใช้ทุกอย่างที่พวกเขามี ไม่ใช่แค่คนจากอาณาจักรทั้งหมดที่จะส่งคนในตระกูลของตัวเองมาเพิ่ม แม้แต่ทหารส่วนมากก็แห่กันออกมาจากเมืองหลวง กองทัพศักดิ์สิทธิ์เองก็เคลื่อนไหวด้วย
นอกจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนแล้ว อาณาจักรใกล้เคียงก็ได้ส่งทหารมาช่วยจำนวนมาก พวกเขราได้ใช้สมบัติมิติเพื่อเคลื่อนย้ายทหารของตัวเองไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อรับมือกับทหารจากสามกองทัพของลัทธิปิศาจชั้นฟ้าด้วยการร่วมมือกันจากหลายอาณาจักร
ราชาศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่บนท้องฟ้า เขามองไปยังสนามรบรอบกาย เขาไม่ได้ดีใจเลย คิ้วของเขาขมวดตลอดเวลา ในอีกด้าน ห้วยอันได้ยืนกอดอกลอยอยู่อย่างสบายใจ เขายิ้มออกมาราวกับชัยชนะอยู่ในกำมือ
เขามองไปยังท้องฟ้ารอบ ๆ ด้วยวิธีการบ่มเพาะที่เฉพาะตัวที่เขามี เขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่มองไม่เห็นที่รวมตัวกันอยู่ในท้องฟ้า ทั้งหมดถูกสูบเข้าไปยังทะเลโลหิตของสาขาเขา
“ภารกิจส่วนมากที่ผู้อาวุโสสั่งการมาเสร็จสิ้นแล้ว” ห้วยอันคิด เขาเข้าใจดีว่าลัทธิปิศาจชั้นฟ้าไม่ได้โจมตีเพื่อยึดที่ พวกเขาโจมตีเพื่อทำให้เกิดการตายเพื่อที่พวกเขาจะได้รวบรวมพลังวิญญาณ
ทันใดนั้นห้วยอันก็หรี่ตาลง เขามองไปด้านหลังราชาศักดิ์สิทธิ์ ด้วยสายตาในฐานะผู้ที่อยู่ขอบเขตตั้งต้นแล้ว เขาเห็นร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาหาพร้อมกับกระบี่ในมือ
“นั่นเจี้ยนเฉิน ! เขายังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ? ” ห้วยอันคิ้วขมวด
ในเวลาเดียวกันราชาศักดิ์สิทธิ์ก็รับรู้ได้ว่าเจี้ยนเฉินกำลังมาจากด้านหลัง เขาแปลกใจนิด ๆ แต่ไม่นานเขาก็เหมือนคิดบางอย่างออก เขาแสดงสีหน้าเข้าใจออกมา
“คารวะราชา ! ”
เจี้ยนเฉินมายืนอยู่ตรงหน้าราชา เขาป้องมือและคารวะราชาศักดิ์สิทธิ์
“ ดี ดีมาก ! ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ดี ! ” ราชาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม การกลับมาของเจี้ยนเฉินนั้นทำให้ความอึดอัดที่เขามีหายไป
“เจี้ยนเฉิน ผู้บัญชาการกองทัพที่เจ็ด หย่าซีเหลียน อยู่ไหนกัน ? ” ห้วยอันตะโกนออกมา เขารู้สึกแย่ขึ้นมาหลังจากที่เห็นเจี้ยนเฉินอยู่ในสภาพสมบูรณ์
เจี้ยนเฉินยิ้มออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาได้พูดขึ้นว่า “ข้ามีของขวัญเล็ก ๆ ให้กับท่าน องค์ราชา” เมื่อพูดจบ เจี้ยนเฉินก็ได้เอาตัวหย่าซีเหลียนที่โดนขังไว้ในโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มออกมา
ตอนนั้นการบ่มเพาะของนางถูกผนึกเอาไว้ นางจึงไม่อาจจะใช้พลังของตนเองได้ นางไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือ เจี้ยนเฉิน
“หย่าซีเหลียน ! ” สีหน้าของห้วยอันเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาได้ร้องออกมาพร้อมกับใบหน้าตะลึง
นี่เพราะผลลัพธ์มันต่างจากที่เขาคิดเอาไว้ มันตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
ห้วยอันได้บินเข้าไปหาหย่าซีเหลียน เพื่อต้องการจะช่วยนางจากเจี้ยนเฉิน
ผู้ที่อยู่ขอบเขตตั้งต้นนั้นรวดเร็วจนเจี้ยนเฉินตอบโต้ไม่ทัน
“ห้วยอัน หากเจ้าก้าวออกมาอีกก้าว ข้าจะกำจัดวิญญาณของนางซะ” เสียงของราชาศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้น เขามายืนอยู่ตรงหน้าเจี้ยนเฉิน พร้อมกับมือที่กดลงบนหัวของหย่าซีเหลียน
ด้วยความแข็งแกร่งที่เขามีในขอบเขตตั้งต้น เขาแค่ต้องกดหัวเบา ๆ และวิญญาณของหย่าซีเหลียนก็คงโดนกำจัดไปในทันที แม้แต่ห้วยอันก็ไม่อาจจะช่วยนางได้ทัน
ห้วยอันหยุดตอนที่ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเขาหม่นลงและมองไปที่หย่าซีเหลียนด้วยความเครียด สายตาของเขาสั่นไหวด้วยความไม่มั่นใจ
สุดท้าย ห้วยอัน ก็ไม่กล้าจะเดินหน้าต่อแต่เขาก็ไม่ได้ถอยกลับมา เขามองมาที่เจี้ยนเฉินและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “น่าประทับใจจริง ๆ เจี้ยนเฉิน ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีความสามารถจนกระทั่งหย่าซีเหลียนตกอยู่ในกำมือเจ้าได้”
“มีผู้ที่อยู่ขอบเขตตั้งต้นอยู่เบื้องหลังเด็กน้อยนี่ หากไม่ใช่เพราะนาง เขาจะหนีจากข้าด้วยความสามารถที่เขามีได้ยังไง ? ” หย่าซีเหลียนแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา ใบหน้าของนางดูใจเย็น แม้ว่านางจะอยู่ในกำมือราชาศักดิ์สิทธิ์แต่นางก็ไม่ได้ลนลานเลยแม้แต่น้อย