ตอนที่ 1955 : แอบเข้าไป
เจี้ยนเฉินเริ่มลังเลหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น เขาพูดขึ้นโดยไม่ได้มีความมั่นใจ “แต่คนที่ข้าหาได้ตอนนี้ดีสุดก็แค่ขั้นเหนือเทพ ค่ายกลของสาขาลัทธิปิศาจชั้นฟ้านั้นต้องแข็งแกร่งอย่างมาก ด้วยความแข็งแกร่งของเราแล้วมันจะพอหรือ ? ”
“ข้าไม่ได้ต้องการจะทำลายเพื่อเข้าไป ข้าต้องการให้เจ้าสี่คนสร้างค่ายกลมายาแสงจันทร์เพื่อปกปิดการรบกวนที่ข้าสร้างขึ้น” นางฟ้าเฮายู่พูดออกมา
เจี้ยนเฉินคิดอย่างจริงจังและพูดขึ้น “ได้ ข้าจะติดต่อพวกนั้นเดี๋ยวนี้”
เจี้ยนเฉินกลับออกไปเรียกเฉินเจี้ยน, พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ และฮุสตัน เข้ามาหาก่อนจะบอกถึงรายละเอียด
“อะไรนะ ! นางฟ้าเฮายู่ต้องการจะแทรกซึมเข้าไปในสาขาของลัทธิปิศาจชั้นฟ้ารึ ? ” ทั้งสามคนต่างก็พากันตกตะลึง พวกเขาเคร่งเครียดกันอย่างมาก
ทั้งสามคนพูดอะไรไม่ออก สิ่งที่นางฟ้าเฮายู่ต้องการทำให้พวกเขาตะลึง ในสายตาพวกเขาแล้ว มันบ้าบิ่นเกินไป
เฉินเจี้ยนพูดขึ้นหลังจากที่ขบคิด “ด้วยสถานการณ์ตอนนี้แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่สงครามจะจบลงเร็วนัก ถ้ายังเกิดสงครามต่อไป มันก็คงแย่สำหรับทุกคน แม้แต่ตัวพวกเราเองก็อาจจะตายหากยืดยื้อไปนานกว่านี้ ถ้าเราเข้าไปในสาขาของพวกนั้นได้และรู้ถึงบางอย่างจากนางฟ้าเฮายู่ เราอาจจะจบสงครามได้เร็วขึ้น”
“เจี้ยนเฉิน เราจะลงมือกันตอนไหน ? ” ฮุสตันถามขึ้นมา ชัดแล้วว่าเขาตัดสินใจแล้ว
สุดท้าย พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ทำการขบคิด เขาเติบโตมาพร้อมกับเจี้ยนเฉิน เขาไปทุกที่ที่เจี้ยนเฉินไป แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันมีความตายรออยู่ แต่เขาก็ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“ก่อนที่เราจะไปยังสาขาของลัทธิปิศาจชั้นฟ้า เราต้องเรียนรู้ค่ายกลมายาแสงจันทร์ก่อน” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้บอกกับคนอื่น ๆ ว่าจะไปเก็บตัวเพื่อทำการฟื้นฟูตัวเองและไม่ให้ใครเข้าไปรบกวน พวกเขาได้ใช้ค่ายกลระดับราชาเทพเพื่อห่อหุ้มทั้งตระกูลเอาไว้ก่อนที่จะออกจากแคว้นตงอันไปพร้อมกับเฮายู่
ในสันเขาไกลจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน มันมีบ่อน้ำลึกแห่งหนึ่ง มันลึกหลายพันเมตรและมีต้นไม้หนาปิดทางเข้าเอาไว้ มันยากที่จะมองออกได้จากภายนอก
บ่อน้ำแห่งนี้มีรูปร่างสามเหลี่ยมที่ซึ่งส่วนบนจะแคบและกว้างที่ส่วนล่าง ทางเข้าแห่งนี้กว้างแค่ประมาณ 10 เมตร ส่วนที่ฐานด้านล่างนั้นกว้างหลายพันเมตร
ตอนนั้นแสงจันทร์ได้ฉายแสงออกมาที่ส่วนลึกของบ่อน้ำที่ควรจะมืดมิด พลังงานอันแข็งแกร่งแผ่ออกไปโดยรอบกดดันต้นไม้ทั้งหมดที่ก้นบ่อให้ถูกทำลาย
มันก็ผ่านมา 3 วันแล้ว เจี้ยนเฉิน, เฉินเจี้ยน, ฮุสตัน และพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ยืนอยู่ประจำตำแหน่งของตนเพื่อสร้างค่ายกล แสงสีขาวที่เกิดจากพลังแสงจันทร์ได้ครอบคลุมระยะหลายพันเมตรจากตัวพวกเขา
ทั้งสี่อาบไปด้วยแสงจันทร์
แต่หากมองใกล้ ๆ จะเห็นว่าพลังนี้ไม่ได้มาจากพลังของพวกเขา มันเกิดขึ้นจากเหรียญผลึกในมือพวกเขาแทน ทั้งสี่ได้ควบคุมพลังแสงจันทร์ในเหรียญผลึกเพื่อสร้างค่ายกลมายาแสงจันทร์ร่วมกัน
นางฟ้าเฮายู่ลอยอยู่ในอากาศ นางมองไปที่ค่ายกลและพูดขึ้น “โดยพื้นฐานแล้วไม่มีปัญหาอันใดกับค่ายกล ค่ายกลนี้ไม่อาจจะป้องกันหรือโจมตีได้ แต่มันลดการผันผวนจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ตราบใดที่มันไม่เกิดขีดจำกัดของค่ายกลนี้ แม้แต่รองหัวหน้าทั้งสามของลัทธิปิศาจชั้นฟ้าก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในค่ายกล ด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกลมายาแสงจันทร์ ข้ามั่นใจว่าเราจะแทรกซึมเข้าไปยังสาขาของพวกนั้นได้โดยไม่ทำให้ใครรู้ตัว”
“ ไปกันเถอะ ได้เวลาที่เราจะออกเดินทางแล้ว ! ”
หลังจากนั้นทั้งห้าคนก็ออกจากบ่อน้ำและมุ่งหน้าไปที่สาขาของลัทธิปิศาจชั้นฟ้าบนที่ราบเมฆา
มันเป็นเขตที่แห้งแล้งในทางใต้ของที่ราบเมฆา ท้องฟ้าเต็มไปด้วยความมืดมิด แสงอาทิตย์ไม่อาจจะส่องลงมาถึง พื้นดินที่นี่เป็นสีแดง มันแดงทึบราวกับว่าถูกย้อมไปด้วยเลือด
ที่นี่เหมือนจะมืดมิดอยู่ตลอดกาล ส่วนลึกในพื้นที่ที่นี่มีปราสาทแห่งหนึ่งตั้งอยู่
ปราสาทแห่งนี้ใหญ่และแดงทึบราวกับว่าอาบไปด้สวยเลือด แม้ว่าจะเข้าไปมองใกล้ ๆ ก็ยังได้กลิ่นคาวเลือดอยู่ กลิ่นแห่งความตายครอบคลุมอยู่ทั่วทุกที่
เมื่อรวมกับเสียงลมที่พัดมาเหมือนกับเสียงกรีดร้องของภูตผี ปราสาทแห่งนี้จึงดูน่ากลัวขึ้นไปอีก มันทำให้ผู้คนต้องตัวสั่น
ตอนแรกนั้นมีลมพัดรอบปราสาท มันเงียบสนิทแต่ด้วยสงครามที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ ลมก็ปรากฏขึ้นมาโดยรอบ ถ้าคนที่มีการรับรู้ที่เฉียบคมมาที่นี่ พวกเขาคงรับรู้ได้ว่าลมนั้นได้พัดวนอยู่ด้านบนปราสาท มันได้ก่อตัวเป็นวังวนที่นั่น
มันราวกับมีบางอย่างถูกสูบเข้าไปในลมนั้น
ปราสาทแห่งนี้คือที่ตั้งสาขาของลัทธิปิศาจชั้นฟ้าบนที่ราบเมฆา
ปราสาทแห่งนี้คือเขตหวงห้ามสำหรับนักสู้ในที่ราบเมฆา แม้แต่พวกขอบเขตตั้งต้นก็เข้ามาที่นี่ได้ไม่ง่ายนัก
แต่มีร่างหนึ่งที่สั่นไหวอยู่ในโลกที่มืดมิดนี้ นางเหมือนกับหลอมรวมกับมิติโดยรอบที่แม้แต่ราชาเทพก็ไม่อาจจะรับรู้ถึงตัวตนนางได้ แค่พริบตาเดียวนางก็เข้าไปถึงปราสาทได้
การคุ้มกันที่นี่แน่นหนาเป็นพิเศษ ชั้นค่ายกลถูกซ่อนไว้ในมิติห่อหุ้มทั้งภายในและภายนอกปราสาทเอาไว้ มันถึงกับมีค่ายกลขอบเขตตั้งต้นอยู่ด้วย
แต่ค่ายกลเหล่านี้เหมือนกับของตกแต่งสำหรับผู้ที่หลอมรวมตัวเองกับมิติรอบข้าง มันไม่อาจจะทำอะไรได้เลย ร่างนั้นเข้าไปที่ปราสาทได้อย่างง่ายดาย
ทหารกลุ่มใหญ่ได้ไปรวมตัวกันภายใต้การนำของราชาเทพด้านนอกปราสาท
ตอนนั้นประตูของปราสาทได้เปิดออก มีชายชุดขาวซึ่งกอดอกอยู่ได้ก้าวออกมา ใบหน้าที่ซีดของเขานั้นทำให้เขาดูเหมือนกับผู้หญิง หน้าตาของเขาเพียงพอทำให้คนต้องจับจ้องได้
“คำนับผู้พิทักษ์จักรวรรดิเคิง ! ” ราชาเทพตรงหน้ากองทัพโค้งให้กับชายชุดขาวทันที
ชายคนนั้นพยักหน้าและพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “รองหัวหน้าห้วยอัน ได้สั่งพวกเจ้าให้ออกเดินทางกันทันที จำไว้ว่าพวกเจ้าต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ดึงตัวราชาศักดิ์สิทธิ์ออกจากผู้พิทักษ์จักรวรรดิจากห้องโถงผู้พิทักษ์”
“ ได้ ! “
ผู้พิทักษ์จักรวรรดิเคิงไม่รู้เลยว่าตอนที่เขาเปิดประตูและเดินออกมานั้น มีร่างหนึ่งได้พุ่งผ่านเขาไปห่างจากเขาแค่ไม่กี่เมตรและหายเข้าไปในปราสาท
ในที่ซ่อนแห่งหนึ่งภายในปราสาท นางฟ้าเฮายู่ในชุดขาวค่อย ๆ เผยตัวออกมาจากมิติโดยรอบ นางมองไปด้านหน้าและต้องคิ้วขมวด นางได้พึมพำออกมา “ค่ายกลในปราสาทแห่งนี้ทรงพลังกว่าด้านนอก มันต่างกันถึง 2 ขั้น ในนี้น่าจะเป็นที่ที่ลัทธิปิศาจชั้นฟ้าต้องการจะปกป้องจริง ๆ ค่ายกลด้านนอกนั้นถูกสร้างขึ้นโดยพวกรองหัวหน้าทั่วไป ข้าต้องพึ่งค่ายกลมายาแสงจันทร์เพื่อผ่านค่ายกลพวกนี้โดยไม่ให้ใครรู้ตัว”
ตอนที่นางพูดนั้น โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มก็หดขนาดลงมาอยู่ในฝ่ามือของนาง แค่เพียงคิดก็มีแสงสีขาวพุ่งออกมาเปลี่ยนเป็นร่างของคนสี่คน
พวกนั้นคือเจี้ยนเฉิน, เฉินเจี้ยน, ฮุสตัน และพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์
“เราเข้ามาด้านในปราสาทของพวกนั้นแล้ว ตามข้ามาและอย่าส่งเสียงดัง เราจะโดนพบตัวไม่ได้” นางฟ้าเฮายู่บอกกับคนด้านหลัง
ทั้งสี่คนพยักหน้า พวกเขาเข้าใจว่าตอนนี้ได้เข้ามาในรังสัตว์อสูรแล้ว มันมีอันตรายอยู่รอบตัวพวกเขาเต็มไปหมด
“ข้ารับรู้ได้จากด้านนอกว่ามีความลับที่แท้จริงซ่อนอยู่ที่ชั้นบน ตอนนี้ค่ายกลได้ปกป้องทางเข้าของชั้นต่อไปเอาไว้ ใช้ค่ายกลมายาแสงจันทร์ ข้าจะผ่านค่ายกลพวกนี้ไป” นางฟ้าเฮายู่บอกกับทั้งสี่คนด้านหลัง