ตอนที่ 100 ข้าต้องไปแล้ว
หลังจากวันโหดเหี้ยมแห่งการสังหารผ่านพ้นไป เหล่าอสูรกายต่างก็นอนตายเกลื่อนกลาดอยู่ในสนามรบ พื้นปฐพีทั่วทั้งบริเวณต่างก็เจิ่งนองไปด้วยโลหิตสีแดง นักรบเหล่าพันธมิตรที่รอดชีวิตมาได้ ต่างก็ไชโยโห่ร้อง และเตรียมที่จะเฉลิมฉลองที่สามารถผ่านพ้นหายนะใหญ่หลวงครั้งนี้มาได้
“ทุกท่าน!! ข้ามีคำพูดต้องการจะกล่าว..”
เวลานี้ราชินีเมี่ยร่างกายอ่อนแอยิ่ง ซึ่งเป็นผลพวงจากการที่กรงเหมันต์ถูกทำลาย นางจึงมิมีพลังชี่หลงเหลือที่จะเพิ่มเสียงพูดของตนให้ดังขึ้นได้ มีเพียงผู้คนรอบข้างไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ยินเสียงของนาง
“ทุกท่านฟังทางนี้!!” มาซูมัสจึงเป็นฝ่ายร้องตะโกนเรียกความสนใจจากผู้คนแทน
“ราชินีแห่งเผ่าแบนชีมีบางสิ่งบางอย่างต้องการจะกล่าวกับทุกคน! แต่เป็นเพราะนางได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงมิสามารถพูดเสียงดังกว่านี้ได้ ผู้คนที่อยู่ห่างออกไปคงจักมิได้ยิน ข้าจะอาสาเป็นผู้กล่าวย้ำคำพูดของนางให้ทุกท่านฟังอีกครั้ง!” มาซูมัสประกาศเสียงดัง
“ขอบคุณท่านยิ่งนักท่านมาซูมัน!” ราชินีเมี่ยเอ่ยขอบคุณ
“ข้ามิต้องการรบกวนเวลาแห่งความสุขของทุกท่านมากนัก จักขอกล่าวเพียงแค่สั้นๆเท่านั้น!” ราชินีเมี่ยเอ่ยขึ้นโดยมีมาซูมัสทำหน้าที่ทวนคำพูดของนางให้ทุกคนฟังอีกครั้ง
“ก่อนอื่น.. ข้าต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมทำศึกสงครามกับเผ่าแบนชีในครั้งนี้ และขอแสดงความยินดีกับชัยชนะแห่งประวัติศาสตร์ของพวกเรา แต่ถึงแม้พวกเราจักชนะสงครามในครั้งนี้ได้ แต่ก็ต้องสูญเสียนักรบในเผ่าไปมากมาย ข้าหวังว่าทุกท่านจักฝังศพพวกเขาและทำพิธีอย่างสมเกียรติ ข้าจักสร้างสถานที่แห่งนี้ให้เป็นอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญของพวกเขา..” ราชินีเมี่ยกล่าวต่อ
“เรื่องที่สอง.. หลังจากนี้หนึ่งเดือน พวกเราจักจัดงานเฉลิมฉลองชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ขึ้น เนื่องจากข้าเองได้อพยพประชาชนส่วนหนึ่งออกไปอยู่ที่อื่นก่อนสงคราม จึงต้องใช้เวลาในการเตรียมงานค่อนข้างนานเล็กน้อย..”
หลังจากกล่าวจบ ราชินนีเมี่ยจึงได้หันไปขอบคุณมาซูมัสที่ช่วยทวนคำพูด “ขอบคุณท่านมาก ท่านมาซูมัส!”
“ท่านมิจำเป็นต้องขอบคุณข้า! การที่พวกเราทุกคนต่างก็สามารถเอาชีวิตรอดจากหายนะใหญ่หลวงครั้งนี้มาได้ ทำให้ข้าได้เรียนรู้ว่า.. ความสามัคคีคือความแข็งแกร่งที่แท้จริง! พวกเราคงมิสามารถรักษาความเป็นเอกภาพนี้ไว้ได้แน่ หากพวกเรามิช่วยเหลือซึ่งกันและกัน..” มาซูมัสหันไปบอกกับราชินีเมี่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ฮึ่ม!! ความสามัคคีงั้นรึท่านมาซูมัส?! คราก่อนเผ่าของท่านรุกรานเผ่าบารองของข้า จนเกือบทำให้เผ่าของข้าแทบล่มสลายทีเดียว..” บาล่าหัวหน้าเผ่าบารองหันไปพูดกับมาซูมัสเสียงห้วน
“หึ.. ใครใช้ให้คนของเผ่าท่านดูถูกเหยียดหยามลูกสาวของข้าก่อนเล่า! และแทนที่ท่านจักมอบตัวผู้กระทำผิดมาให้ข้าลงโทษ ท่านกลับปกป้องเขาอีก! เช่นนั้นแล้ว.. ข้าก็ต้องทำโทษท่านแทนน่ะสิ!” มาซูมัสหันไปตอบโต้บาล่าพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ในเมื่อเขาถูกกล่าวหาทั้งที่มิได้กระทำความผิด ข้าย่อมต้องปกป้องเขาน่ะสิ!” บาล่าตอบโต้กลับไปอย่างมิเกรงกลัว
“นี่ท่านหาว่าลูกสาวของข้าโกหกงั้นรึ?” มาซูมัสหันไปจ้องบาล่าพร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ข้า..”
ขณะที่บาล่ากำลังจะตอบโต้มาซูมัสกลับไปนั้น ราชินีเมี่ยก็รีบขัดขึ้นทันที
“พวกท่านทั้งสองหยุดทะเลาะกันได้แล้ว! นี่หาใช่เวลาที่จะมาต่อสู้กันเอง..”
“เวลานี้พวกท่านเองต่างก็ได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ เอาล่ะๆ ข้าจะจัดที่พักให้กับพวกท่านทั้งสองภายในพระราชวัง..” ราชินีเมี่ยเอ่ยยิ้มๆ
“ไอ!!”
สิ้นเสียงเรียก.. เด็กสาวผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาใส่เสื้อคลุมให้กับนาง ทุกคนในที่นั้นต่างก็รู้สึกเศร้าไม่น้อย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าราชินีเมี่ยได้สูญเสียมือทั้งสองข้างของตนไปแล้ว นางจึงต้องมีผู้ที่คอยช่วยดูแลชีวิตประจำวันให้เช่นนี้
“ขอบใจเจ้ามาก! เจ้าช่วยไปจัดเตรียมที่พักให้กับอาคันตุกะของข้าด้วย จัดให้ทุกท่านได้พักในพระราชวัง” ราชินีเมี่ยเอ่ยบอกสาวใช้
“น้อมรับคำบัญชาองค์ราชินี..” ไอรับคำสั่งแล้วจึงเดินออกไปทันที
“เอ่อ.. ราชินีเมี่ย ท่านช่วยให้คนจัดการห่อร่างของซูเพื่อให้ข้านำกลับไปที่เผ่าเอลเฟียจะได้หรือไม่? ข้าต้องการนำร่างของเขากลับไปฝังที่แผ่นดินของเผ่าเรา ข้าจักขอบคุณมากหากช่วยจัดหารถม้าสำหรับขนไปให้ข้าด้วย ข้าจักจ่ายเบี้ยค่ารถม้าและอื่นๆให้กับท่าน หลังจากที่ข้ากลับไปถึงเผ่าของเราแล้ว” เท็นช่าเอ่ยกับราชินีเมี่ย
“ท่านมิต้องกังวลใจไป ข้าจักให้คนจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย และไม่จำเป็นที่ท่านจะต้องจ่ายเบี้ยใดๆให้กับจักรวรรดิแบนชีของเรา ท่านมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือพวกเรา นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราควรต้องตอบแทนท่าน” ราชินีเมี่ยกล่าวตอบ
“เชิญพวกท่านเฉลิมฉลองกันตามสบาย หลังจากที่จัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ข้าคงต้องเดินทางกลับ อภัยที่มิได้อยู่ร่วมฉลองกับทุกท่านด้วย” เท็นช่าเอ่ยตอบองค์ราชินี
“เฉลิมฉลองอะไรกันเล่า? ข้าทั้งเหนื่อยแล้วก็เจ็บปวดไปหมด คงต้องกลับไปพักเช่นกัน! งานเฉลิมฉลองจักจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า..” ราชินีเมี่ยเอ่ยตอบเท็นช่า
“ท่านพาเขาไปที่พระราชวังก่อนก็ได้หากต้องการ?” ราชินีเมี่ยก้มลงมองร่างของซูพร้อมกับเอ่ยบอกเท็นช่า
“มิเป็นไร..” เท็นช่าปฏิเสธไปตรงๆ
“ถ้าเช่นนั้น.. ข้าขอตัวก่อน” ราชินีเมี่ยเอ่ยร่ำลาเท็นช่าพร้อมกับหันหลังเดินจากไป
เพียงแค่หนึ่งชั่วยาม.. เผ่าแบนชีก็ได้จัดเตรียมรถม้าให้กับเท็นช่าเรียบร้อย เขาจึงออกเดินทางกลับพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของซู โดยมีเหล่านักรบเอลเฟียเดินตามหลับรถม้าไปอย่างเชื่องช้า
……
หลังจากผ่านไปร่วมสองชั่วยาม ในที่สุดหลงเฉินก็กลับมาถึงสนามรบที่ทำสงครามกันเมื่อครู่ ทุกหนแห่งล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยโลหิตสีแดง และซากศพของเหล่าอสูรกาย ซึ่งนักรบเผ่าแบนชีและเผ่าอื่นๆ ได้ช่วยกันนำมากองไว้ด้วยกัน แต่หลงเฉินมิเห็นศพของนักรบเผ่าอื่นๆ คาดว่าคงจักถูกนำไปฝังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลงเฉินได้แต่นึกอัศจรรย์ใจในการทำงานที่รวดเร็วของทุกคน นั่นเพราะเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยาม แต่ศพของนักรบนับหมื่นกลับถูกนำไปฝังเสร็จอย่างรวดเร็ว
“หัวหน้าเผ่าต่างๆไปไหนกันหมดงั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามนักรบเผ่ามู่หลานคนหนึ่ง ที่กำลังวิ่งวุ่นอยู่ภายในสนามรบ
“ทะ.. ท่านปรมาจารย์! หัวหน้าเผ่าต่างๆเข้าไปในพระราชวังกันหมดแล้ว..”
นักรบผู้นั้นถึงกับนิ่งอึ้งไปเมื่อพบว่าผู้ที่เอ่ยถามตนนั้นคือ ผู้ที่เพิ่งจะสังหารจักรพรรดิอสูรกายตายไปต่อหน้าต่อตา เขาจึงพยายามรวบรวมสติ และตอบหลงเฉินกลับไป
“แล้วนักรบของเผ่าเอลเฟียเล่าไปไหนกันหมด?” หลงเฉินเอ่ยถามต่อ
“พวกเขากลับไปพร้อมกับท่านหัวหน้าเผ่าก่อนหน้านี้แล้ว!” นักรบผู้นั้นตอบหลงเฉิน
“อ่อ.. แล้วหัวหน้าเผ่าคนอื่นๆเล่า? พวกเขากลับไปพร้อมกับเหล่านักรบด้วยหรือไม่?”
“มิใช่.. หัวหน้าเผ่าคนอื่นๆอยู่ในพระราชวังกับองค์ราชินี” นักรบผู้นั้นตอบกลับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ
หลงเฉินพยักหน้ารับรู้พร้อมกับเดินตรงเข้าไปในพระราชวังทันที
‘ข้าคงจักกลับไปอย่างไม่สบายใจแน่ หากยังมิได้ทำสิ่งนี้!’ หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจระหว่างที่เดินตรงเข้าไปในพระราชวัง