ตอนที่ 107 รางวัลชิ้นสุดท้าย
“แท้จริงลวดลายบนกำแพงที่ข้าเลือกก็คือความรู้เรื่องการหลอมโอสถงั้นรึ? ฉะนั้นแล้ว เวลานี้ความรู้ที่ข้ามีย่อมเทียบเท่ากับนักหลอมโอสถที่เก่งกาจที่สุดในจักรวาล แต่เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่านี่ยังมิใช่ความรู้ทั้งหมดเล่า?”
หลงเฉินหันไปถามซุน..
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เพราะความรู้ในด้านการหลอมกลั่นโอสถของเจ้าในเวลานี้ เทียบเท่ากับนักหลอมโอสถระดับวิญญาณขั้นที่เก้า เจ้าอย่าลืมว่ายังมีนักหลอมโอสถที่เหนือกว่าระดับวิญญาณอีก..” ซุนอธิบายให้หลงเฉินฟัง
“ข้าพอเข้าใจแล้ว.. นักหลอมโอสถระดับต่ำสุดคือระดับมนุษย์ สูงขึ้นมาก็คือนักหลอมโอสถระดับวิญญาณ และสูงสุดก็คือนักหลอมโอสถระดับเซียน ในแต่ละระดับยังแยกย่อยได้อีกเป็นเก้าขั้น และขั้นที่หนึ่งก็คือขั้นต่ำสุด” หลงเฉินเอ่ยตอบซุน
“ถูกต้อง.. ความรู้ที่เจ้าได้ไปนั้นจักทำให้เจ้ากลายเป็นนักหลอมโอสถระดับวิญญาณขั้นที่เก้าเลยทีเดียว แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความรู้ทางทฤษฏีเท่านั้น!” ซุนเอ่ยย้ำ
“รางวัลนี้นับว่าไม่เลวทีเดียว ที่จักรวรรดิของข้ามีเพียงนักหลอมโอสถระดับมนุษย์เท่านั้น แต่ข้ากลับเหนือกว่าพวกเขา..” หลงเฉินเอ่ยตอบซุนพร้อมกับยิ้มสดใส
“เจ้ายังมิได้เหนือกว่าพวกเขา แต่จะเหนือกว่าหากเจ้านำความรู้ที่มีอยู่ไปฝึกฝน และปฏิบัติ” ซุนเอ่ยตอบหลงเฉิน
“แล้วลวดลายอื่นเล่า เป็นความรู้ด้านใดบ้างงั้นรึ?!”
หลงเฉินเงยหน้าขึ้นมองลวดลายอื่นๆบนผนังพร้อมกับเอ่ยถาม แต่กลับพบว่าเวลานี้ลวดลายต่างๆ กลับอันตธานหายไปจนหมดแล้ว
“เจ้ามิต้องเสียเวลามองหาอีกแล้ว หลังจากที่เจ้าตัดสินใจเลือกแล้ว ลวดลายต่างๆก็จักอันตธานหายไปในทันที ส่วนลวดลายอื่นๆ ก็จะมีทั้งความรู้ในเรื่องยุทธศาสตร์ จิตรกร กวี การแพทย์ ช่างฝีมือ นักประเมิน ค่ายกล และอีกมากมาย..” ซุนเอ่ยตอบ
“ข้าเองก็มิอยากจะนำตนเองไปเปรียบเทียบกับเขานักหรอกนะ แต่ก็อดที่จะอยากรู้มิได้ว่า เขาเลือกลวดลายอะไรงั้นรึ?” หลงเฉินจ้องหน้าซุนพร้อมกับเอ่ยถาม
“เขา?! เจ้าหมายถึงเทียนเฉินงั้นรึ?!”
ซุนถึงกับหัวเราะออกมา เมื่อเห็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของหลงเฉินที่กำลังจ้องมองมา..
“เขาเลือกลวดลายที่อยู่ทางด้านขวามือสุด ซึ่งเป็นความรู้ที่แตกต่างจากลวดลายที่เจ้าเลือกโดยสิ้นเชิง ในขณะที่เจ้าเลือกความรู้เรื่องการหลอมกลั่นโอสถ สิ่งที่เขาเลือกจึงเป็นเรื่องตรงข้าม ความรู้ของเขาคือการสร้างสรรสิ่งทำลายล้าง..”
ซุนทำท่าครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต พร้อมกับบอกเล่าให้หลงเฉินฟัง..
“มันคือสิ่งใดกันแน่?!” หลงเฉินถามย้ำอย่างไม่เข้าใจ
“เอาล่ะ.. ในเมื่อเจ้าเลือกเสร็จแล้ว พวกเราก็ออกจากห้องนี้กันเถิด!” ซุนเปลี่ยนเรื่อง แล้วหายตัวออกไปทันที
หลงเฉินเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้างุนงง และพบซุนกำลังยืนรออยู่ด้านนอก
“รางวัลทั้งสองล้วนยอดเยี่ยมทั้งสิ้น แต่หากพิจารณาจากความพยายาม และความยากลำบากในการทดสอบ น่าจะยังมีรางวัลอื่นๆให้อีก?” หลงเฉินเอ่ยบอกซุนทันทีที่เดินออกมาจากห้อง
“ถูกต้อง! ยังมีเหลืออีกหนึ่งรางวัล และนับเป็นรางวัลสูงสุดในบรรดารางวัลทั้งสามชิ้นอีกด้วย!” ซุนเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มกว้างให้หลงเฉิน
“เป็นสิ่งใดงั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น..
“เอาล่ะ.. ข้าคงต้องเข้าไปในห้องดูเองสินะ!” หลงเฉินเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับเดินตรงเข้าไปในห้องเดิมอีกครั้ง
“สำหรับรางวัลสุดท้าย เจ้ามิจำเป็นต้องเข้าไปที่ห้องนั้นอีก!” ซุนเอ่ยตอบยิ้มๆ
“รางวัลชิ้นสุดท้ายของข้าเป็นสิ่งใดกันงั้นรึ?” หลงเฉินหยุดเดิน แล้วรีบหันกลับไปถามซุน
“ก็ข้ายังไงเล่า!”
ซุนยกมือทั้งสองข้างขึ้นเท้าเอว และตอบหลงเฉินด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“เจ้านี่นะ?! อย่าล้อข้าเล่นหน่อยเลย!” หลงเฉินจ้องมองซุนด้วยสีหน้างุนงง พร้อมกับร้องถามออกไปเสียงดัง
“เป็นความจริง! ข้าหาได้ล้อเจ้าเล่นไม่ หากเจ้ามิผ่านบททดสอบ พวกเราก็จักมิได้พบกันอีก แต่ในเมื่อเจ้าผ่านบททดสอบครั้งนี้ไปได้ ข้าก็จะไปอยู่กับเจ้าในฐานะวิญญาณนำทางของเจ้า” ซุนแสยะยิ้มในขณะที่เอ่ยตอบหลงเฉิน
หลงเฉินถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาเดินตรงเข้าไปหาซุนพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
“ในเมื่อเจ้าบอกว่าตัวเจ้าคือรางวัลของข้า ย่อมหมายความว่าเจ้าเป็นของข้าแล้วสินะ?!” ระหว่างที่พูดหลงเฉินก็ได้เอื้อมมือออกไปหยิกแก้มของซุน
“นี่.. เจ้า..”
ใบหน้าของซุนแดงก่ำ นางถึงกับพูดตะกุกตะกัก และพยายามที่จะหาคำพูดมาโต้เถียงหลงเฉิน แต่ยังมิทันที่นางจะได้กล่าวอันใดออกไป หลงเฉินก็เดินหัวเราะเสียงดังออกไป
“ซุน.. เจ้าช่างน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก!” หลงเฉินกล่าวไปพร้อมกับหัวเราะไปด้วย
“น่ารักน่าเอ็นดูบ้าอะไร.. เจ้างั่ง!!” ซุนพึมพำออกมาด้วยความหงุดหงิดแล้วก็หายตัวไปพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ
“นี่ซุน!! เจ้ายังมิได้บอกวิธีกลับไปยังโลกของข้าเลย!” หลงเฉินร้องตะโกนเสียงดังอยู่ภายในเจดีย์ที่ว่างเปล่า
“เจ้าเดินออกจากเจดีย์แห่งนี้ ก็จะตื่นขึ้นในสถานที่แห่งนั้นแล้ว!” เสียงร้องตะโกนของซุนดังก้องอยู่ภายในเจดีย์
“ได้เลยแม่หนูน้อย!!”
หลิงเฉินพึมพำพร้อมกับยิ้มออกมา เขาเดินตรงไปที่ประตูของเจดีย์สืบสายโลหิต หลังจากก้าวเดินออกจากประตูก็ผ่านลำแสงสีขาวสว่างเจิดจ้าไป
….
“อืมม…” หลงเฉินรู้สึกหิวขึ้นมาทันที เขาเปิดเปลือกตาขึ้นพร้อมกับสำรวจมองไปรอบๆตัว
“ห้องนอนของข้า.. ดูเหมือนว่าข้าจักกลับมาแล้วสินะ!”
หลงเฉินลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหันมองไปรอบๆอีกครั้ง และพบว่ามิมีสิ่งใดเปลี่ยนไปเลย ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
“ซุนน่าจะอยู่ใกล้ๆข้าเช่นเคย”
หลงเฉินพึมพำออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืน แต่แล้วกลับสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่แตกต่างออกไป..
เขาจ้องมองแขนทั้งสองข้างที่เวลานี้ดูเหมือนจะยาวขึ้นกว่าเดิม รวมถึงขาทั้งสองข้างด้วย อีกทั้งยังรู้สึกว่าตนเองนั้นสูงขึ้นจากเดิมด้วย
หลงเฉินรีบเดินตรงไปที่หน้ากระจกทันที แต่เมื่อได้เห็นเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก เขาก็ถึงกับอ้าปากกว้างด้วยความตกอกตกใจ
แม้ว่าดวงตาทั้งสองข้างจะยังคงเป็นสีทองสุกสว่าง ผมยังคงเป็นสีดำขลับ แต่ใบหน้าของเขากลับดูเป็นหนุ่มมากขึ้นกว่าเดิม เวลานี้รูปลักษณ์ภายนอกของเขาดูคล้ายกับเด็กหนุ่มในวัยสิบห้าถึงสิบหกปี และร่างกายของเขาก็สูงขึ้นมาก จากเดิมที่เคยสูงห้าฟุต เวลานี้ดูเหมือนจะสูงราวห้าฟุตเจ็ดนิ้วได้..
“ซุนกล่าวได้ถูกต้อง.. ดูเหมือนเวลาในโลกจริงจะผ่านไปถึงสองสามปีแล้ว แต่ก็นับเป็นเรื่องที่ดียิ่ง ข้าเติบโตเป็นหนุ่มโดยมิต้องเสียเวลารอคอย..” หลงเฉินยิ้มออกมา และเลือกที่จะมองโลกในแง่ดี
“แต่ประเดี๋ยวก่อน.. ก่อนจะไปในโลกทดสอบ ข้าหาได้สวมใส่ชุดนี้นี่ ผู้ใดกันที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับข้า?”
หลงเฉินพึมพำออกมา พร้อมกับก้มลงมองสำรวจอาภรณ์ที่ตนเองกำลังสวมใส่อยู่
“เป็นท่านแม่ของเจ้า!” เสียงของซุนดังขึ้นภายในห้วงจิตใจของหลงเฉิน
“นี่นาง.. นางเห็น..?!!!”
ใบหน้าของหลงเฉินเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ และสีหน้าเปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วนขึ้นทันที
“แล้วยังไง?! ข้าเองก็เห็นเช่นกัน.. แต่นับว่าของเจ้าไม่เลวทีเดียว!”
เสียงหัวเราะคิกคักของซุนดังขึ้น หลงเฉินได้ยินในระหว่างที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เงาของตนในกระจก
“เหตุใดเจ้าจึงไม่ปรากฏตัวออกมาเล่า?” หลงเฉินเอ่ยถามซุนเป็นการเปลี่ยนเรื่อง
“ข้ากำลังพักผ่อน ระหว่างที่อยู่ในเจดีย์สืบสายโลหิต ข้าต้องสอนหลายสิ่งหลายอย่างให้กับเจ้า เวลานี้รู้สึกเหนื่อยมาก หลังจากพักผ่อนแล้ว ข้าจะออกมาพบเจ้าเอง” ซุนตอบหลงเฉิน
“เอาล่ะ.. เวลาล่วงเลยไปนานเพียงใดแล้ว?” หลงเฉินเอ่ยถามอีกครั้ง