ตอนที่ 109 สงสัยข้างั้นรึ?
ไม่นานนัก หลงเฉินก็เข้าใกล้ห้องโถงใหญ่ของตระกูล เขาเดินตรงเข้าไปใกล้ประตู แต่ในขณะที่กำลังจะเอื้อมมือผลักประตูให้เปิดออกนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านใน และยิ่งเขาได้ฟังคำพูดเหล่านั้นมากเท่าใด ก็ทำให้เขายิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น
“ท่านประมุข ท่านต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เพราะเรื่องนี้หมายถึงอนาคตของตระกูลเลยทีเดียว!”
เสียงพูดดังขึ้นมาจากด้านในห้อง..
“ไตร่ตรองให้รอบคอบงั้นรึ? แต่สิ่งที่ท่านกำลังพูดอยู่คือการสังหารลูกชายของข้า!!” น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของผู้หญิงดังตอบโต้ขึ้นมา
“ฮูหยินซือหม่า ใช่ว่าพวกเราต้องการที่จะยกเรื่องนี้ขึ้นมาสนทนา! แต่พวกเราจำเป็นต้องพูด อีกทั้งข้าเองก็พูดเพราะความเป็นห่วงตระกูลหลง และบุตรชายของเจ้าด้วย” หนึ่งในอาวุโสตระกูลหลงเอ่ยขึ้น
“ตลอดสามปีมานี้ ตระกูลหลงของเราต้องหาซื้อโอสถราคาสูงมาเลี้ยงดูบุตรชายของเจ้าในทุกๆวัน แม้ว่าตระกูลของเราจะมีความสามารถหาซื้อโอสถมาเลี้ยงดูเขาได้ตลอดชีวิต แต่เจ้าลองใคร่ครวญถึงภาระที่ตระกูลหลงจักต้องแบกรับไปอีกนับร้อยปีสิ ถึงเวลานั้นจักต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทองไปมากมายเพียงใด และทรัพย์สินจำนวนมหาศาลนั้นสามารถนำไปสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับตระกูลหลงได้อีกมากเพียงใด?” อาวุโสท่านเดิมเอ่ยต่อ
“ท่านห่วงใยชีวิตลูกชายของข้าบ้างหรือไม่? ท่านสนใจและห่วงเพียงแค่ทรัพย์สมบัติ และผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น! นี่ท่านหวงแหนทรัพย์สมบัติจนถึงขั้นไม่แยแสชีวิตของลูกชายข้าเชียวรึ?” ซือหม่าจวี้อี๋ร้องคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล
.
“จวี้อี๋.. เจ้าสงบจิตสงบใจเสียก่อน และลองใคร่ครวญดูให้ดี หลงเทียนนอนนิ่งอยู่ในสภาพนั้นมานานถึงสามปีแล้ว หมอทุกคนต่างก็เวียนมาตรวจอาการ ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีหนทางใดรักษาเขาได้”
“ต่อให้พวกเราคิดว่าเขาเพียงแค่ป่วยหนัก แต่เคยคิดบ้างหรือไม่ว่า การที่เรายื้อเขาไว้ให้อยู่ในสภาพเช่นนี้ กลับเป็นการทรมานดวงวิญญาณของเขาเสียเปล่า ต่อให้เราสามารถยื้อชีวิตของเขาออกไปได้อีกห้าปีด้วยโอสถเหล่านี้ ก็หาได้มีประโยชน์อันใดไม่ เขามิมีทางตื่นขึ้นมาอีกเป็นแน่ และดวงวิญญาณของเขาก็จักถูกกักขังอยู่ในร่างเช่นนั้นตลอดไป หากเจ้ามิยอมปลดปล่อยเขาออกจากชะตากรรมที่โหดร้ายนี้!”
อาวุโสอีกท่านหนึ่งกล่าวขึ้น และหลงเฉินจำได้อย่างแม่ยำว่าเป็นเสียงของอาวุโสสูงสุดนามว่าหลงหัว..
“ในเจ้านึกถึงเขาในฐานะคนเป็นแม่ และนึกถึงประโยชน์ของบุตรชายเป็นที่ตั้ง นี่คือการปลดปล่อยเขาออกจากชะตากรรมที่โหดร้าย” หลงหัวอาวุโสสูงสุดกล่าวเสริม
“ท่านมิใช่เทพเจ้า!! หยุดคิดเอาเองเสียทีว่าลูกชายของข้าจักมิมีโอกาสฟื้นขึ้นมา!! ท่านเพียงแค่เป็นห่วงว่า ทรัพย์สินตระกูลหลงจักตกไปอยู่กับบุตรชายคนที่สองของท่านน้อยไปสินะ!”
ซือหม่าจวี้อี๋ตอบโต้ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว และไม่สนใจที่จะรักษามารยาทอีกต่อไป
“ท่านประมุข ท่านคงต้องตัดสินใจเรื่องนี้แล้วล่ะ ในเมื่อท่านเองก็เป็นทั้งประมุขและปู่ของหลงเทียน!! ปล่อยให้เขาไปสู่สุขติอีกทั้งยังสามารถรักษาทรัพย์สมบัติตระกูลหลงไว้ได้ หรือจะปล่อยให้ทรัพย์สมบัติร่อยหรอ และทำการทรมานดวงวิญญาณของเขาอยู่เช่นนี้” อาวุโสสูงสุดหลงหัวเอ่ยบอกพร้อมกับหันไปมองหลงเหริน
“การตัดสินใจของข้าชัดเจนยิ่ง ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ หลานชายของข้าจักต้องไม่ตายเพราะขาดแคลนโอสถ! ตระกูลหลงของเรามีสิ่งที่สามารถทำเงินได้มากมาย ทุกคนคิดถึงแต่เรื่องทรัพย์สมบัติ แต่มิมีผู้ใดคิดถึงชีวิตของหลานชายข้าเลย!”
หลงเหรินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน และเหล่าอาวุโสทั้งหมดภายในห้องต่างก็รู้สึกหวาดกลัว..
“แต่ว่า…”
อาวุโสสูงสุดต้องการจะกล่าวบางสิ่งบางอย่างต่อ แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
“อาวุโสสูงสุด ท่านมิได้ยินคำสั่งของท่านประมุขรึ? ท่านควรต้องรู้ว่าคำสั่งของเขาเสมือนกฏระเบียบที่ทุกคนในตระกูลจักต้องปฏิบัติตาม..”
ทุกคนในห้องต่างก็หันมองไปทางต้นเสียง และพบร่างของหลงเฉินที่กำลังเปิดประตูเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม..
ทุกคนในห้องถึงกับผุดลุกขึ้น และจ้องมองหลงเฉินด้วยสีหน้าตกอกตกใจ ราวกับว่ากำลังพบเห็นภูติผีวิญญาณอยู่..
“ข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่ท่านปู่?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อ
“ถูกต้อง.. ถูกต้อง.. ฮ่าๆๆๆ ได้เวลาตื่นของเจ้าแล้วสินะ!!”
หลงเหรินเอ่ยออกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงดังด้วยความดีอกดีใจ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นคือความจริง
หลงเฉินหันไปทางมารดา แล้วหันมองไปทางอื่นต่อ แต่แล้วร่างร่างหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามากอดรัดเขาไว้แน่น..
ซือหม่าจวี้อี๋กอดรัดร่างของหลงเฉินไว้แน่น ราวกับเกรงว่าหลงเฉินจักหายไป และเกรงว่านี่จักเป็นเพียงแค่ความฝัน น้ำตาเริ่มไหลรินผ่านดวงตาของนาง และเปียกชื้นไปทั่วทั้งไหล่ของเขาแทน
หลงเฉินจึงยื่นมือทั้งสองข้างออกไปโอบกอดร่างของนางไว้เช่นกัน..
“ท่านแม่ ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว ท่านมิจำเป็นต้องร้องไห้อีกแล้ว..”
หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และพยายามที่จะปลอบโยนให้นางสงบลง แต่กลับกลายเป็นว่านางยิ่งร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม
“หลานชาย!! ช่างเป็นปาฏิหารย์ที่เจ้าฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ข้ามีความสุขมากจริงๆ” อาวุโสท่านหนึ่งภายในห้องเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ
เหล่าอาวุโสภายในห้องต่างก็พากันเอ่ยแสดงความยินดีกับหลงเฉิน เว้นเพียงอาวุโสสูงสุดกับอาวุโสอีกคน ซึ่งเป็นฝ่ายเริ่มประเด็นเรื่องของหลงเฉิน ที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนยิ่ง
“หลานชาย ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องการสนทนากับเจ้า แต่กลับต้องรอคอยมานานถึงสามปีเลยทีเดียว!” อาวุโสสูงสุดกล่าวยิ้มๆ
“’อ่อ.. เรื่องอะไรงั้นรึ? ข้าให้ท่านรอมานานมากแล้ว และไม่ต้องการให้ท่านรอนานมากไปกว่านี้ ท่านอยากจะถามเรื่องใดก็เชิญถามมาตอนนี้ได้เลย?”
หลงเฉินเอ่ยตอบในขณะที่แขนทั้งสองข้างของซือหม่าจวี้อี๋ยังคงโอบกอดร่างของเขาไว้แน่น เพื่อที่จะย้ำว่านางมิได้ฝันไปจริงๆ
“เจ้ายังจำเหตุการณ์ก่อนที่จะนอนหลับไหลไปได้หรือไม่?” อาวุโสสูงสุดเอ่ยถามหลงเฉิน
“ข้าย่อมจำได้!” หลงเฉินเอ่ยตอบ
“เช่นนั้นก็ดี.. คำถามของข้าก็คือ.. ในวันก่อนที่เจ้าจะออกจากตระกูลหลงเข้าไปยังป่าเหนือทมิฬนั้น เจ้าได้ไปที่ห้องของหลงซูลูกชายของข้าหรือไม่? และได้ลงมือสังหารบ่าวของเขาตายหรือไม่?” อาวุโสสูงสุดเอ่ยถาม
“ถูกต้อง.. ข้าได้ไปที่ห้องของพี่หลงซูจริง แต่กลับได้ยินบ่าวผู้นั้นพูดถึงท่านปู่ในทางเสียหาย ข้าเกิดความโมโหยิ่ง จึงได้ลงมือสังหารบ่าวผู้นั้นไป” หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“’อ่อ.. เจ้าแน่ใจงั้นรึ? แล้วเหตุใดบ่าวผู้นั้นต้องกล่าวถึงท่านประมุขในทางไม่ดีด้วยเล่า?” หลงหัวอาวุโสสูงสุดเหลือบมองหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยถาม
“ข้าย่อมต้องมั่นใจ!! หรือท่านคิดว่าข้ากำลังกล่าววาจาโกหกงั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยท่าทางไร้เดียงสา
หลงเหรินจ้องมองอาวุโสสูงสุดด้วยแววตาที่ขุ่นเคืองเล็กน้อย..
“ข้าย่อมมิคิดเช่นนั้นแน่! เพียงแต่ต้องการสอบถามเจ้าให้แน่ใจเท่านั้น” อาวุโสสูงสุดรีบตอบกลับทันที
“ว่าแต่.. หลังจากที่เจ้าสังหารเขา.. เอ่อ.. ข้าหมายความว่าหลังจากที่เจ้าทำโทษบ่าวผู้นั้น ที่บังอาจกล่าวถึงท่านประมุขในทางเสียหายแล้ว เจ้าก็ออกเดินทางไปยังป่าเหนือทมิฬเลยงั้นรึ?” อาวุโสสูงสุดถามต่อ
“ถูกต้อง!” หลงเฉินตอบกลับไป
“ถ้าเช่นนั้น.. ข้าเองก็อยากจะถามเจ้าว่า เจ้าเข้าไปที่ป่าเหนือทมิฬในครั้งนั้น ได้พบกับหลงซูบ้างหรือไม่? จนป่านนี้เขายังมิกลับตระกูลหลงเลย และไม่ว่าข้าจะส่งคนไปตามหาอย่างไรก็ไม่พบ ข้าเชื่อว่าร่างของเขาน่าจะยังอยู่ที่ใดสักแห่งภายในป่านั้น” อาวุโสสูงสุดพึมพำออกมา
“นี่ท่านกำลังสงสัยว่าข้าสังหารเขางั้นรึ? อาวุโสสูงสุด ด้วยขั้นพลังของข้า แม้แต่จะสัมผัสเส้นผมของเขายังมิอาจทำได้เลย” หลงเฉินพึมพำ
“ข้ามิได้กล่าวหาเจ้าสังหารเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ต้องการสอบถามว่า เจ้าพบเห็นเขา หรือพบเห็นผู้ใดอยู่กับเข้าบ้างหรือไม่?” อาวุโสสูงสุดเอ่ยถาม
“อภัยให้ข้าด้วย ข้ามิพบเห็นพี่หลงซูเลยแม้แต่น้อย” หลงเฉินเอ่ยตอบอาวุโสสูงสุดไป พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสีหน้า และแววตาใสซื่อ
“งั้นรึ?!”
อาวุโสสงูสุดเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงคลางแคลงใจ ก่อนจะเดินกลับออกไปอย่างช้าๆ
“ท่านประมุข ในเมื่อหลานชายตื่นขึ้นมาแล้ว การประชุมครั้งนี้จึงมิจำเป็นอีก เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวกลับไปที่ห้องก่อน!”
อาวุโสสูงสุดเอ่ยกับหลงเหรินแล้ว จึงก้าวเดินออกจากห้องโถงใหญ่ไป โดยมีเหล่าอาวุโสคนอื่นๆ เอ่ยแสดงความยินดีกับท่านประมุข และเดินตามออกจากห้องไปเช่นกัน
และเวลานี้.. ก็เหลือเพียงหลงเฉิน ซือหม่าจวี้อี๋ และหลงเหรินอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ตามลำพัง