ตอนที่ 118 งานเลี้ยง
“ทะ.. ท่านต้องการบ้างหรือไม่?” เม่ยเอ่ยถามหลงเฉินพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาวิตกกังวล
“เอิ่ม.. อะแฮ่ม.. ข้ารึ?! ไม่ล่ะ นั่นสําหรับหญิงสาวเท่านั้น” หลงเฉินกระแอมออกมาสองสามครั้งเมื่อได้ยินคําถามของเม่ย ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
“อ่อ..” เม่ยเอ่ยตอบยิ้มๆ ในขณะที่มือของนางยังคงขยับไปมามิหยุด
“เอ่อ.. เจ้าหยุดได้แล้วล่ะ!” หลงเฉินเอ่ยบอกเม่ย
“ข้า… ข้าทําสิ่งใดมถูกต้องหรือนายน้อย?! อภัยให้ข้าด้วย.. นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้สัมผัสกับสิ่งนี้!” เม่ยเอ่ยถามหลงเฉินด้วยสีหน้างุนงง
“หาใช่เช่นนั้นไม่.. ช่างเถิด มิมีอะไร”
หลงเฉินทําท่าทางคล้ายต้องการจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เขายังจําได้ว่าเมื่อครั้งที่นั่งรถม้าเดินทางกลับจากป่าเหนือทมิฬนั้น เม่ยเองก็เคยคว้ามันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง
“เอาล่ะ ข้าต้องอาบน้ำแต่งตัวแล้ว หาไม่คงจะไปร่วมงานเลี้ยงสายเป็นแน่” หลงเฉินร้องบอกเม่ยพร้อมกับยิ้มกว้าง
“นั่นสิ ข้าควรหยุดเพียงเท่านี้” เม่ยพึมพําออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ใช่แล้ว” หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ
“นายน้อย.. ข้าจักออกไปก่อน!” เม่ยกระซิบเสียงเบาพร้อมกับหันหลังเดินออกไปจากห้องน้ำทันที แต่ก็อดที่จะเหลือบมองร่างเปลือยเปล่าของหลงเฉินเป็นครั้งสุดท้ายมิได้
หลงเฉินก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำพร้อมกับจ้องมองเม่ยที่เดินออกจากห้องน้ำไป หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย หลงเฉินก็เดินกลับไปที่ห้องนอน และสวมใส่อาภรณ์ที่ตนได้เลือกไว้
“เฮ้อ… ช่างเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่น่าสนใจยิ่งนัก ดูสิว่าวันนี้จักจบลงเช่นใด?”
หลงเฉินรําพึงรําพันออกมาในขณะที่ก้าวเท้าเดินออกจากห้องของตนเองไป เขาเดินผ่านสวนพฤกษา และพบว่าบ่าวผู้หนึ่งกําลังรดน้ำอยู่พอดี หลงเฉินจําได้ว่าเป็นบ่าวผู้ที่เขาเคยเย้าแหย่เมื่อครั้งที่มาถึงโลกนี้ในคราแรก
หลงเฉินเดินตรงเข้าไปหาบ่าวผู้นั้นด้วยรอยยิ้มที่ขบขันบนใบหน้า
“อรุณสวัสดิ์นายน้อย” บ่าวผู้นั้นเอ่ยทักทายหลงเฉินพร้อมกับยิ้มให้
“โอ้. นี่ข้ากลายเป็นนายน้อยของเจ้าไปตั้งแต่เมื่อใดกันรึ?!” หลงเฉินเอ่ยถามพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“นายน้อยเป็นนายน้อยของข้าตั้งนานแล้ว” บ่าวรับใช้หนุ่มเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม
“ว่าแต่เจ้าทํางานที่จวนตระกูลหลงมานานแล้วหรือยัง?” หลงเฉินเอ่ยถาม
“ข้าน้อยเข้ามาทํางานกับตระกูลหลงร่วมยี่สิบปีแล้วนายน้อย ข้าน้อยเริ่มทํางานที่นี่ตั้งแต่ท่านยังอายุได้สี่ขวบเท่านั้น…” บ่าวคนเดิมตอบยิ้มๆ
“เอาล่ะ.. ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็กลับไปเก็บข้าวของออกจากที่นี่ไปได้แล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้ามิต้องทํางานที่จวนของข้าอีกแล้ว!” หลงเฉินร้องสั่งด้วยใบหน้าที่ยังคงเปื้อนยิ้ม
“เพราะ.. เพราะเหตุใดงั้นหรือนายน้อย? ข้าทําความผิดอันใด?” บ่าวรับใช้เอ่ยถามหลงเฉินด้วยสีหน้างุนงง และวิตกกังวลยิ่ง
“เอาล่ะ ข้ามีเรื่องหนึ่งที่จะต้องบอกกับเจ้า!” หลงเฉินเดินตรงเข้าไปหาบ่าวผู้นั้นพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า
“เจ้าคงคิดว่าข้ามิสามารถจดจําสิ่งต่างๆได้สินะ! เรื่องราวตั้งแต่เมื่อครั้งที่ข้าถูกลอบสังหารจนกระทั่งกลายเป็นเด็กปัญญาอ่อน และฟื้นคืนสติมาได้?”
หลงเฉินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน และสีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด บ่าวผู้นั้นถึงกับหน้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อขณะที่ฟังคําบอกเล่าของหลงเฉิน
“นับว่าเจ้ายังโชคดีนักที่เช้านี้ข้าอารมณ์ดี หาไม่แล้วข้าจะใช้โลหิตของเจ้ารดต้นไม้แทนน้ำ”
หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่ไม่ต่างจากปีศาจ บ่าวผู้นั้นถึงกับร่างกายสั่นเทิ้มเมื่อ ได้ฟังคําพูดของหลงเฉิน น้ำตาไหลรินออกจากดวงตาทั้งสองข้างของเขาทันที
“ออกไปจากจวนของข้าได้แล้ว ก่อนที่ข้าจักเปลี่ยนใจจัดการกับเจ้าด้วยวิธีการอื่น” หลงเฉินกล่าวกับบ่าวผู้นั้นด้วยน้ำเสียง และสายตาดุดัน
บ่าวผู้นั้นวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต และหายไปจากสายตาของหลงเฉินอย่างรวดเร็ว
หลงเฉินเดินต่อไปทางด้านซ้ายของสวนพฤกษา และสังเกตเห็นว่าเวลานี้ทั่วทั้งจวนมีการตกแต่งประดับประดา และบ่าวไพร่ก็เดินไปมากันให้ขวักไขว่
หลงเฉินเดินไปเคาะประตูห้องของซือหม่าจวี้อี๋ ซวี่เป็นผู้เดินออกมาเปิดประตู พร้อมกับเชื้อเชิญให้หลงเฉินเข้าไปด้านใน
“อ่อ.. เจ้าอยู่ที่นี่เองหรอกรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามเมื่อมองเห็นซวี่
“เม่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย นางกําลังช่วยฮูหยินแต่งตัวใกล้จะเสร็จแล้ว” ซวี่เอ่ยตอบยิ้มๆ
“ดูท่านแม่จะชื่นชอบพวกเจ้าสองคนมากทีเดียว จึงให้พวกเจ้าสองคนอยู่รับใช้ใกล้ชิดเช่นนี้!” หลงเฉินเอ่ยขึ้นในขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ภายในห้อง
“เจ้ามาแล้วรึเทียนเอ๋อ? ข้ากําลังจะให้เม่ยไปตามปลุกเจ้าอยู่พอดี คิดว่าเจ้าน่าจะยังหลับอยู่เสียอีก” ซือหม่าจวอี้เดินออกมาจากห้องนอน พร้อมกับจ้องมองหลงเฉินที่นั่งรออยู่
“นางไปปลุกข้าตื่นตั้งแต่เช้าแล้วท่านแม่” หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
งั้นรึ?! มิน่านางถึงได้รีบตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ แต่กลับมิยอมบอกข้าว่าจะไปปลุกนายน้อย หาไม่แล้วข้าคงจักต้องไปกับนางด้วยเป็นแน่.. แม้กระทั่งกลับมาแล้วและข้าเอ่ยถาม นางก็เอาแต่หน้าแดง…มิยอมเอ่ยบอกข้าว่าเกิดสิ่งใดขึ้น? ต้องมีบางสิ่งบางยิ่งมิถูกต้องเป็นแน่” ซวี่แอบครุ่นคิดอยู่ในใจ
งั้นรึ?! พวกนางช่างน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก นับว่าโชคดีที่เจ้าพาพวกนางกลับมาที่จวนของเราด้วย” ซือหม่าจวี้อี๋เอ่ยชมซวี่กับเม่ย
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าพร้อมแล้วก็ดี พวกเราสองแม่ลูกกินอาหารเช้าด้วยกันก่อนแล้วจึงค่อยไปที่โถงรับรองใหญ่ก็แล้วกัน แขกเหรื่อคงจะเริ่มทยอยกันมาบ้างแล้ว ในฐานะที่เจ้าเป็นเจ้าภาพ และเป็นบุคคลสําคัญของงานเลี้ยงในวันนี้ เจ้าควรจะต้องไปถึงก่อนใครๆ” ซือหม่าจวี้อี๋เอ่ยยิ้มๆ
“ท่านแม่.. ข้าพร้อมแล้ว และกําลังรอท่านต่างหากเล่า ข้าได้ยินจากพวกนางว่า วันนี้ท่านแม่ใช้เวลาแต่งตัวนานไม่น้อยทีเดียว ดูท่าจะเป็นความจริง” หลงเฉินเอ่ยหยอกเย้ามารดาพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“เจ้าอย่าไปฟังพวกนางกล่าววาจาไร้สาระหน่อยเลย ข้ามิได้ใช้เวลาแต่งตัวนานดังเช่นพวกนางพูดเสียหน่อย” ซือหม่าจวี้อี๋เอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามหลงเฉิน
มิต้องรอให้ออกคําสั่งสั่ง ซี่กับเม่ยทําหน้าที่นําอาหารเช้าขึ้นมาไว้บนโต๊ะให้ทันที หลังจากที่รับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองแม่ลูกก็เดินไปที่โถงรับรองใหญ่พร้อมๆกัน
โถงรับรองใหญ่ของตระกูลหลงนั้นกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก สามารถต้อนรับผู้คนได้มากมายนับพันเลยทีเดียว หลงเฉินเดินตามซือหม่าวี้อี๋ไป และทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปภายในโถงรับรอง หลงเฉินก็พบว่าภายในมีโต๊ะทรงกลมวางอยู่มากมาย และด้านบนมีผ้าขาวสะอาดสะอ้านคลุมไว้อีกที แต่ละโต๊ะกลมนั้นก็จะมีเก้าอี้วางล้อมรอบทั้งหมดสี่ตัว ทางด้านขวาติดกําแพงของโถงรับรอง มีโต๊ะวางเรียงรายอยู่มากมาย และมีอาหารหลากหลายที่ตระกูลหลงได้จัดเตรียมไว้ ส่วนผนังทางด้านซ้ายของโถงรับรองก็มีเครื่องดื่มมึนเมา และแก้ววางเรียงรายเป็นรูปปิรามิดสวยงาม
หลงเฉินสังเกตเห็นว่ามีอยู่สองสามตระกูลที่รออยู่ในโถงรับรองแล้ว และเครือญาติบางส่วนของเขาก็อยู่ภายในโถงรับรองแล้วเช่นกัน ท่านปู่และอาวุโสคนอื่นๆ ก็อยู่ภายในโถงรับรองนี้ด้วย หลงเฉินเดินตามหลังซือหม่าจวี้อี๋ไปเข้าไป
ทันทีที่หลงเหรินเห็นหลงเฉินเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ เขาก็ผละจากอาวุโสทั้งหลาย และรีบเดินตรงเข้าไปหลานชายอย่างรวดเร็ว โดยมีเหล่าอาวุโสคนอื่นๆเดินตามมาด้วย
“เจ้าของงานเลี้ยงในวันนี้มาถึงแล้ว มาๆ มานั่งที่โต๊ะด้านหน้ากับข้านี่! อีกไม่น่าแขกเหรื่อก็จะมาถึงแล้ว” หลงเหริเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข
“อภัยให้ข้าด้วยท่านพ่อ ข้ามต้องการนั่งที่โต๊ะด้านหน้า” ซือหม่าจวี้อี๋เอ่ยบอกหลงเหริน แล้วจึงหันหลับไปบอกกับหลงเฉินว่า
“เทียนเอ๋อ.. เจ้าไปนั่งกับท่านปู่เถิด แล้วก็สนุกกับงานเลี้ยงครั้งนี้ให้เต็มที่!”
“อภัยให้ข้าด้วยท่านปู ข้ามิสามารถปล่อยให้ท่านแม่นั่งตามลําพังผู้เดียวได้”
หลงเฉินปฏิเสธคําเชื้อเชิญของหลงเหงินที่ต้องการให้เขาไปนั่งที่โต๊ะด้านหน้าด้วย แต่หลังจากทนแรงคะยั้นคะยอของหลงเหรินมิได้ สองคนแม่ลูกจึงตัดสินใจเลือกนั่งโต๊ะอื่นที่ใกล้กับโต๊ะด้านหน้าแทน
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เหล่าสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลก็เริ่มทยอยมาถึง หลงเฉินเฝ้ามองผู้คนที่เดินผ่านเข้าประตูมาทีละคนด้วยความสนอกสนใจยิ่ง
“ฮ่าๆๆๆ หลานชายมาถึงแล้วรี! ลุงว่าจะไปเยี่ยมเยียนเจ้าตั้งแต่เมื่อวานหลังจากที่ได้ทราบข่าวว่าเจ้าตื่นขึ้นมาแล้ว แต่บังเอิญมีเรื่องต้องทํามากมายจึงยังมิได้ไป แต่ในที่สุดข้าก็ได้เห็นเจ้าตื่นขึ้นมาอย่างปลอดภัย!”
เสียงหัวเราะและเสียงทักทายของชายวัยกลางคนดังขึ้นที่ทางเข้าโถงรับรอง ชายผู้นั้นสวมเสื้อคลุมสีทองปักรูปมังกรซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลหลง ที่นิ้วมือสวมแหวนทองเป็นประกายสุกสว่างไม่ต่างจากอาภรณ์ที่เขาสวมใส่
หลงเฉินจดจําได้ดีว่าคนผู้นี้ก็คือลุงใหญ่ของหลงเทียนนามว่าหลงเฉวียน เขาคือบุตรชายคนโตของท่านประมุขหลงเหริน และเป็นพี่ชายของบิดาเขา หลงเฉวียนเป็นผู้ที่มีโอกาสสูงยิ่งที่จะได้สืบทอดตําแหน่งประมุขตระกูลหลงคนต่อไป ด้านหลังของเขาตามมาด้วยหญิงสาวในวัยยี่สิบปลายๆ แต่งกายด้วยอาภรณ์ที่สง่างามยิ่ง หลงเฉินจําได้แม่นยําว่านางก็คือท่านป้าของหลงเทียนและเป็นฮูหยินของหลงเฉวียน
ด้านหลังของพวกเขาทั้งคู่เป็นเด็กหนุ่มที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับหลงเฉิน แต่ท่าทีของเขาดูแตกต่างจากหลงเฉินมากนัก เด็กหนุ่มผมสีดําขลับผู้นี้ดูท่าทางหยิ่งผยองและมั่นอกมั่นใจในตัวเองยิ่ง ใบหน้าของเขาละม้ายคล้ายกับผู้เป็นบิดา หลงเฉินจําได้ว่าเขาก็คือหลงเว่ยบุตรชายคนโตของท่านลุงหลงเฉวียน
“ขอบคุณท่านลุงที่เป็นห่วงเป็นใยข้า..” หลงเฉินลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยตอบยิ้มๆ
“ฮ่าๆๆๆ หลานชายช่างดูเฉลียวฉลาด และรู้จักวางตัวยิ่งนัก” หลังจากเอ่ยตอบหลงเฉินแล้วหลงเฉวียนก็หันไปพูดกับเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลังตนเองว่า
“เว่ย.. เจ้าทักทายญาติผู้น้องหน่อยสิ!”
“เทียนเอ๋อ.. ยินดีที่เจ้าตื่นขึ้นมาเสียที! จากนี้ไป เจ้าต้องพยายามฝึกฝนวรยุทธให้หนักล่ะ หากเจ้าขยันหมั่นเพียร ไม่นานนักก็คงจะสามารถเข้าสู่ชั้นผสานวิญญาณได้เป็นแน่! เจ้าสูญเสียเวลาในการฝึกปรือไปนานถึงเจ็ดปีทีเดียว.. แต่อย่าได้สิ้นหวังล่ะ จงพยายามต่อไป..” หลงเว่ยเอ่ยบอกด้วยสีหน้าท่าทางภาคภูมิใจ
หลงเหรินถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคําพูดของหลงเว่ย แต่ก็มิได้เอ่ยขัดขึ้นแต่อย่างใด เขาเพียงแค่เหลือบมองหลงเฉิน และรอดูท่าทีของเขา
หลงเฉินจ้องมองหลงเวยพร้อมกับยิ้มกว้าง ก่อนจะกล่าวตอบหลงเว่ยไปว่า
“หึ เวลาเปลี่ยนไป อะไรๆก็เปลี่ยนแปลง ผู้ที่เคยเรียกข้าว่าพี่เทียน เวลานี้กลับเรียกข้าว่าเทียนเอ๋อ ผู้ที่เคยเอ่ยขอคําแนะนําในการฝึกวรยุทธบ่มเพาะจากข้า เวลานี้กลับกลายเป็นผู้แนะนําการฝึกฝนให้กับข้า ข้าเคยได้ยินคํากล่าวว่า.. ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ทุกข์ แต่มิได้พบเห็นบ่อยนัก แต่สํ หรับข้า.. ผู้ไม่รู้ช่างน่าสมเพชนัก..”
หลงเฉินเอ่ยประชดประชันพร้อมกับจ้องมองหลงเว่ย..
แต่ครั้งนี้สีหน้าของหลงเฉวียนถึงกับเปลี่ยนเป็นตกใจ ในขณะที่หลงเหรินได้แต่ยิ้ม และหันไปมองหลงเว่ยพร้อมกับรอว่าเขาจะตอบโต้หลงเฉินเช่นใด
หลังจากที่ได้ฟังคําพูดประชดประชนของหลงเฉิน หลงเว่ยก็ต้องการที่จะตอบโต้กลับไป แต่ในขณะที่เขากําลังจะอ้าปากเอ่ยออกไปนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
“ฮ่าๆๆ เฒ่าเหริน ท่านกล่าวหาข้าเป็นผู้มางานเลี้ยงสายเสมอ เวลานี้ข้ามาถึงแล้วแต่ยังมิมีผู้ใดมา ย่อมหมายความว่าข้าเป็นผู้ตรงต่อเวลาสิ้นัก!” เสียงหัวเราะดังก้องขึ้นที่หน้าประตูทางเข้าโถงรับรอง