ตอนที่ 12 ติดกับดัก
ระหว่างที่เดินตามหลงซูไปนั้น หลงเฉินก็เฝ้าครุ่นคิดไปตลอดทางว่า เกิดอะไรขึ้นกับหลิงซูกันแน่? เหตุใดวันนี้เขาจึงได้เอ่ยปากคุยกับตนทั้งที่ไม่เคยมาก่อน?
เขาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับหลิงซูมาบ้างว่า หลงซูเป็นอัจฉริยะ และเป็นบุตรชายของหลงหัว อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลหลง อีกทั้งยังมีวรยุทธสูงส่ง แต่กลับยอมพูดคุยกับตนเพียงเพราะว่าเหตุผลแค่สามารถเลื่อนระดับชั้นได้อย่างหรือ?!
‘แต่คนผู้นี้เพิ่งจะบอกข้าว่า วันนี้เขามีความสุขยิ่งนักที่สามารถฝึกวรยุทธสำเร็จมิใช่รึ? เป็นไปได้ว่าเขาอาจฝึกวรยุทธที่สูงส่งมากได้สำเร็จ จึงได้ดีอกดีใจถึงเพียงนี้’ หลงเทียนเฝ้าครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
แม้ว่าความคิดของเขาจะดูสมเหตุสมผลน้อยมาก แต่ก็เป็นเหตุผลเดียวที่พอจะเป็นไปได้
เขาไม่คิดว่าหลงซูจะมีแผนร้ายอันใด เพราะพวกเขาทั้งคู่ต่างก็มิได้เป็นศัตรูกันมาก่อน อีกทั้งหลงเทียนเองก็มิได้แข็งแกร่งจนทำให้หลงซูต้องคิดร้ายด้วย
เวลานี้ หลงซูเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณระดับแปดแล้ว แต่หลงเทียนยังอยู่เพียงแค่อาณาจักรปรับกายาระดับสิบเท่านั้น หลงเฉินจึงไม่คิดว่าหลงซูจะคิดร้ายกับตน แต่เพราะเหตุใดเขาจึงสังหรณ์ใจว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นตั้งแต่ที่ได้พบหลงซู?
ระหว่างทางที่เดินไปนั้น หลงเฉินอดสงสัยมิได้ว่า เหตุใดตลอดทางที่เดินมานั้น เขากลับไม่พบเจอผู้คนเลย ไม่มีคนในครอบครัว และไม่มีแม้แต่บ่าวรับใช้ ตลอดเส้นทางที่เดินตามหลงซูไปยังเรือนพักของเขานั้น มีเพียงความว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาผู้คน
ความรู้สึกผิดปกติก่อตัวรุนแรงขึ้นภายในใจของหลงเฉินมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาหาได้ใส่ใจมากนัก อย่างไรก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึกสงสัยเท่านั้น อีกอย่าง ความบังเอิญที่น่าประหลาดก็เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ได้เสมอ เส้นทางที่เคยมีผู้คนพลุกพล่าน จู่ๆก็กลับเป็นว่างเปล่าได้ คิดได้เช่นนี้หลงเฉินจึงไม่ใส่ใจกับความคลางแคลงใจของตนอีก
หลังจากที่เดินลัดเลาะไปนานราวหนึ่งก้านธูป หลงเฉินก็ไปถึงเรือนที่มิได้โอ่โถงใหญ่โต และมีสวนพฤกษางดงามดังเช่นเรือนพักของหลงเทียน แต่ก็นับว่าโอ่อ่าสมฐานะ
‘ไม่แปลก.. ในเมื่อเขาเองก็เป็นถึงบุตรชายของอาวุโสสูงสุด อีกทั้งอยู่ในอาณาจักรผสานวิญญาณเช่นนี้ บ้านช่องย่อมต้องโอ่อ่างดงามเป็นธรรมดา’ หลงเฉินครุนคิดอยู่ภายในใจ
หลงซูเดินนำเข้าไปในบ้านพร้อมกับเอ่ยชวนให้นั่ง หลงเทียนนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเขา และมีโต๊ะไม้กั้นกลาง จากนั้นหลงซูจึงได้สั่งให้บ่าวนำชาออกมา เมื่อบ่าวของตนออกไปแล้ว หลงซูจึงเริ่มชวนหลงเทียนพูดคุย
“เจ้าก็รู้น้องหลงเทียน ข้าฝึกปรือวรยุทธ์นี้มาเนินนาน นามว่าเคล็ดมังกรคำรน กล่าวเป็นวรยุทธ์ต่อสู้แขนงคลื่นเสียงที่ทรงประสิทธิภาพชนิดหนึ่ง ทว่าสุดท้ายข้าฝึกสำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
หลงเฉินทราบเรื่องวรยุทธ์ชนิดนี้จากความทรงจำของหลงเทียน เคล็ดวิชานี้ได้ชื่อว่าเป็นวรยุทธระดับวิญญาณขั้นกลางที่ทรงอานุภาพยิ่ง เสียเพียงว่าฝึกปรือให้เชี่ยวชาญค่อนข้างยิ่งยาก และน้อยคนนักที่เลือกสรรวรุทธ์นี้ไปฝึก
ระหว่างที่รอบ่าวของเขานำชามาให้นั้น หลงซูก็พล่ามพูดถึงสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างมาก จนต้องการที่จะแบ่งปันความสุขนี้ให้กับหลงเทียน และยังได้บอกอีกว่าหากตนสำเร็จระดับขั้นที่สูงกว่านี้ จะชวนหลงเทียนมาฉลองด้วยกันอีก
และเวลานี้ชาสองถ้วยก็ได้วางอยู่ในถาดงดงามบนโต๊ะไม้ตรงหน้าแล้ว
“น้องเทียน เจ้าดื่มสิ!” หลงซูร้องบอกด้วยสีหน้ากระตือรือร้น
หลงเทียนสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของหลงซู เขาจ้องมองถ้วยชาที่อยู่ตรงหน้า แต่มิได้หยิบขึ้นมาดื่มในทันที ในใจกลับครุ่นคิดว่าในถ้วยชานี้จะผสมสิ่งใดที่เป็นอันตรายต่อตนเองหรือไม่? หลงซูเองก็สังเกตเห็นท่าทีลังเลของหลงเทียนเช่นกัน เขาจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ น้องเทียน นี่เจ้าคิดว่าข้าจะผสมยาพิษในชางั้นรึ? แค่คิดข้ายังไม่กล้าเลย ข้ายังไม่อยากตายด้วยน้ำมือของปู่เจ้า” หลงซูอ้างหลงเหรินซึ่งเป็นปู่ของเขาและเป็นประมุขตระกูลหลง เพื่อให้ตนเองดูไม่มีพิษมีภัยและบริสุทธิ์ใจ
แต่ถึงอย่างนั้น หลงเทียนก็มิได้หยิบถ้วยชาขึ้นดื่ม เขาไม่กล้าที่จะนำชีวิตของตนเองเข้าไปเสี่ยง
เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล หลงซูยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้ และเปลี่ยนมาใช้แผนใหม่ที่เตรียมมา เขาคาดการและวางแผนสำรองไว้แล้วหากเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น แม้เขาจะรู้ว่าหลงเทียนเป็นเด็กปัญญาอ่อน แต่บางคราคนประเภทนี้ก็สามารถทำบางสิ่งบางอย่างที่เฉลียวฉลาดได้ด้วยความบังเอิญ เขาจึงได้เตรียมแผนสำรองมาไว้ล่วงหน้า
หลงซูหยิบชาถ้วยหนึ่งขึ้นมา และกระดกเข้าปากทันที!
“เอาล่ะ คราวนี้เจ้าเชื่อข้าได้หรือยังน้องเทียน?” หลงซูถามด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
หลงเฉินเห็นเช่นนั้นจึงคิดว่าตนเองคงกังวลใจมากเกินไป จึงได้ยกถ้วยชาที่เหลือในถาดขึ้นดื่ม แต่เมื่อจิบไปได้เพียงแค่สองสามอึก เขาก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ และจู่ๆก็เริ่มรู้สึกง่วงนอนขึ้นมาทันที
“น้องเทียนเจ้าเป็นอะไร? นี่เจ้าง่วงนอนรึ?” หลงซูเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย แต่ภายในใจกลับกระหยิ่มยิ้มย่อง
หลงเฉินรู้ได้ทันทีว่าตนเองได้ติดกับดักที่หลงซูวางไว้แล้ว แต่ก็คิดไม่ออกว่าเหตุใดเขาจึงต้องทำเช่นนี้ด้วย
หลงเทียนพยายามที่จะลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะเดินออกไปด้านนอกให้ได้ แต่เขาก็รู้สึกง่วงนอนอย่างมาก และท้ายที่สุดก็หลับไหลไป
“ฮ่าๆๆๆ หลงเทียน เจ้าควรต้องดีใจที่เมื่อครู่หาใช่ยาพิษไม่ แต่เป็นเพียงยานอนหลับที่จะทำให้เจ้าหลับไหลไปครู่ใหญ่เท่านั้น ข้าหาใช่คนใจไม้ไส้ระกำแต่อย่างใด” หลงซูพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะร่วน
แต่ที่หลงซูมิได้วางยาพิษหลงเทียน และเพียงแค่ทำให้เขาหลับไหลไปนั้น ย่อมต้องมีเบื้องหลังมากกว่านั้น..