ตอนที่ 124 ถึงคราวของท่าน
“ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมจะพยายามออมมือให้ก็แล้วกัน..” หลงเฉินกระซิบบอกเสียงเบา
“วรยุทธเคลื่อนไหวของเจ้านับว่าไม่เลวทีเดียว แต่ข้าเองก็มิได้ด้อยไปกว่าเจ้าเลยในเรื่องนี้!”
องค์ชายเย่วติงกระซิบบอกหลงเฉินในระหว่างที่เริ่มเคลื่อนไหว เสียงร่างที่เคลื่อนผ่านห้วงอากาศดังหวีดหวิวขึ้น และก่อนที่จะเข้าใกล้ร่างของหลงเฉิน ฝ่ามือของเขาก็ได้เคลื่อนไหวไปมา แล้วแสงสว่างสีฟ้าทรงกลมก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือข้างหนึ่งของเขา จากนั้นจึงได้ซัดดวงไฟทรงกลมสีฟ้านั้นเข้าใส่ร่างของหลงเฉินทันที หลงเฉินมิได้เคลื่อนหลบดวงไฟทรงกลมสีฟ้าเลยแม้แต่น้อย
ซือหม่าจวี้อี๋และคนอื่นๆภายในโลงฝึกยุทธถึงกับลุกขึ้นยืน และจ้องมองหลงเฉินด้วยความตกใจ เมื่อเห็นภาพที่หลงเฉินถูกลูกไฟทรงกลมสีฟ้านี้กระแทกเข้าใส่ร่าง
“เฮอะ, ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก จบสิ้นเพียงแค่การจู่โจมในครั้งแรกเท่านั้น?” หลงเว่ยได้แต่นึกสมเพชหลงเทียนอยู่ในใจ
แต่จักรพรรดิเย่วหาน และประมุขทั้งสองกลับมิได้คิดดังเช่นคนอื่นๆ สายตาของคนทั้งสามยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลงเฉินแน่นิ่ง แม้ว่าหลงเทียนจะถูกวรยุทธต่อสู้ขององค์ชายเย่วติงปะทะเข้าใส่ร่าง แต่เขากลับยังคงยืนนิ่งโดยมิได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ร่างของเขายังคงยืนอยู่ที่เดิมซึ่งเคยยืนอยู่ก่อนหน้า
“นับเป็นวรยุทธต่อสู้ที่ไม่เลวเลยทีเดียว หากเปรียบเทียบกับกู่หนานหลี่แล้ว พระองค์นับว่าแข็งแกร่งกว่านัก!” หลงเฉินพึมพําออกไปเสียงเบาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“มิทราบว่าองค์ชายพอใจเพียงแค่การประมือเท่านี้เองหรือ?!” หลงเฉินเอ่ยถามองค์ชายเย่วติง
“ข้ายอมรับว่าเจ้ามีร่างกายที่แข็งแกร่งยิ่ง และความสามารถในการรับมือก็เยี่ยมยอด! ถ้าเช่นนั้น พวกเราสองคนก็มาประลองกันด้วยวรยุทธต่อสู้ที่ตนเองถนัดมิดีกว่าหรือ? ข้าได้ยินมาว่าเจ้านั้นเก่งในเรื่องเพลงดาบยิ่งนัก และช่างบังเอิญที่ตัวข้าเองก็เก่งในเรื่องการใช้ดาบเช่นกัน แต่เจ้ามิต้องกังวลใจไป ข้าจักหยุดมือทันทีหากการจู่โจมของข้าจะเป็นการทําร้ายเจ้าให้บาดเจ็บ” องค์ชายเย่วติงเอ่ยท้าทายพร้อมกับจ้องมองหลงเฉิน
“หากพระองค์ต้องการเช่นนั้นข้าก็ตกลง แม้ว่าการใช้ดาบจะเป็นการต่อสู้ที่ดุดันยิ่งกว่า แต่ข้าเองก็จะพยายามควบคุมตนเอง เพื่อมิให้เผลอสังหารองค์ชายโดยมิได้ตั้งใจ!” หลงเฉินกระซิบตอบพร้อมกับจ้องมององค์ชายเย่วติงอย่างพินิจพิจารณาเช่นกัน
“ฮ่าๆๆๆ น้องชายของข้าผู้นี้เก่งในเรื่องการยั่วโมโหผู้คนเสียจริง! องค์ชายสองได้แต่แอบคิดอย่างสนุกสนาน เขาถึงกับยิ้มออกมาเมื่อเหลือบเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวขององค์ชายเยวติงหลังจากที่ได้ฟังคําพูดของหลงเฉิน
“นําดาบของข้ามา!” องค์ชายเย่วติงตะโกนสั่งเสียงดังกึกก้อง จากนั้นทหารผู้หนึ่งก็ถือดาบวิ่งเข้ามาภายในโถงฝึกยุทธ และส่งดาบในมือให้กับองค์ชายเย่วติง
ดาบเล่มนี้มีสีฟ้าสดใส ด้ามจับเป็นสีดํา และมีรัศมีที่แก่กล้ายิ่งนัก หลงเฉินตระหนักได้ว่าดาบเล่มนี้น่าจักต้องเป็นยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณขันสูงทีเดียว!
“หากข้าใช้ดาบที่แข็งแกร่งที่สุดของตน จักเป็นการข่มเหงรังแกผู้ใหญ่หรือไม่นะ? ไม่ดีกว่า นั่นจะเป็นการรังแกเขามากเกินไป ข้าจักใช้ดาบที่ด้อยลงมากว่านั้น!” หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจ
“ฉันควรกลั่นแกล้งเขากับผู้เป็นใหญ่หรือไม่? ฉันรู้สึกเหมือนจะมากเกินไป ฉันจะใช้คนที่อ่อนแอกว่า “หลงเฉินคิดอยู่ภายในใจ
“ซวี่…นําดาบเล่มเล็กของข้าเข้ามา!”
หลงเฉินร้องสั่งซวี่ที่ยืนถือบางสิ่งบางอย่างไว้ในมือ แม้ของสิ่งนั้นจักถูกห่อหุ้มไว้อย่างเรียบร้อย แต่หากดูจากรูปร่างของมันแล้ว มิว่าผู้ใดย่อมต้องดูออกว่ามันก็คือดาบ หรือไม่ก็กระบี่เป็นแน่ ทางด้านขวาของซวีนั้น เป็นเมียที่กําลังยืนถือดาบที่ใหญ่กว่าไว้ในมือ หลงเฉินได้มอบดาบทั้งสองเล่มให้กับสาวใช้ทั้งสองคนถือไว้ ก่อนที่จะเดินเข้ามาภายในโถงฝึกยุทธแห่งนี้
“นายน้อย!”
ซวี่เดินถือดาบเล่มเล็กในมือเข้าไปกลางลานประลอง พร้อมกับยืนดาบในมือให้กับหลงเฉิน หลงเฉินจัดการเปิดห่อผ้าออกมา เผยให้เห็นดาบซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ระดับมนุษย์ชั้นยอด ดาบสะบั้นบรรพตปรากฏขึ้นต่อสายตาทุกคน หลงเฉินตัดสินใจที่จะไม่ใช้ยุทธภัณฑ์ระดับวิญาณ ชั้นยอดของตน เพราะเกรงว่าด้วยพลังที่แข็งแกร่งของมันนั้น อาจสังหารองค์ชายสามตายโดยมิได้ตั้งใจได้ เขามต้องการสังหารผู้ใดต่อหน้าคนในตระกูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนผู้นั้นคือองค์ชาย
ทันทีที่หลงเฉินเปิดห่อผ้าออก ทุกคนในโลงฝึกยุทธต่างก็รับรู้ได้ถึงรัศมีที่รุนแรงพวยพุ่งออกมาจากดาบสะบั้นบรรพตทันที
“น่าแปลก!! ข้าเองก็เคยพบเห็นดาบเล่มนี้มาก่อน แต่มันมิได้มีรัศมีที่รุนแรงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้นี่! เหตุใดข้าจึงรู้สึกราวกับว่า ดาบเล่มนี้ได้ดื่มเลือดผู้คนมาแล้วนับไม่ถ้วน? ดาบเล่มนี้เป็นเพียงแค่ยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณชั้นยอดเท่านั้น เหตุใดจึงมีรัศมีที่แข็งแกร่งรุนแรงนัก เมื่อเทียบกับยุธภัณฑ์ระดับวิญญาณชั้นยอด
หลงเหรินได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจเมื่อพบเห็นดาบสะบั้นบรรพตของหลงเฉิน เปล่งรัศมีดุร้ายเช่นนี้ แม้แต่องค์จักรพรรดิเย่วหาน และฉินเหวินยังจ้องมองดาบในมือของหลงเทียนด้วยความสนอกสนใจยิ่ง
องค์ชายเย่วติงใช้วรยุทธเคลื่อนไหวพาร่างของตนเข้าใกล้หลงเฉินที่อยู่ห่างออกไป และพุ่งดาบในมือเข้าใส่ที่หน้าอกของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความช่ำชองในการใช้เพลงดาบ หลงเฉินยกดาบในมือของตนขึ้นสะกัดกั้นไว้ได้ทันท่วงที และออกแรงผลักจนร่างขององค์ชายเย่วติงกระเด็นถอยหลังออกไป หลงเฉินสังเกตเห็นว่าดาบสะบั้นบรรพตของตนถึงกับบินเล็กน้อย แม้คนธรรมดาจักมิสามารถมองเห็นได้ แต่ด้วยประสาทสัมผัสที่มีการรับรู้เหนือกว่าคนธรรมดา ทําให้หลงเฉินสามารถสังเกตเห็นได้
“ดูเหมือนความทนทานแข็งแกร่งของตัวดาบ จะสัมพันธ์กับประโยชน์ของดาบด้วยเช่นกัน แม้พลังของดาบจะขึ้นอยู่กับผู้ใช้ แต่ความทนทานของตัวดาบมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ และแน่นอนว่าดาบระดับมนุษย์ชั้นยอด ไหนเลยจะแข็งแกร่งเท่ากับดาบระดับวิญญาณชั้นยอดได้เล่า….” หลงเฉินได้แต่คิดใคร่ครวญอยู่ภายในใจ
“เอาล่ะ ข้าต้องรีบลงมือให้จบๆเสียที!” หลงเฉินพึมพําเสียงเบา
หลงเฉินจํากัดพลังบ่มเพาะของตนให้อยู่เพียงแค่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นหกเท่านั้น เพราะเขาเชื่อว่าเพียงเท่านี้ก็สามารถใช้ดาบสะบั้นบรรพตเอาชนะองค์ชายเย่วติงได้แล้ว เขารู้สึกว่าหากตนเองใช้พลังบ่มเพาะที่มากกว่านี้ อาจจะสังหารองค์ชายเย่วติงโดยมิตั้งใจได้ ซึ่งหลงเฉินมิต้องการทําเช่นนั้น เพราะองค์ชายเย่วติงก็หาใช่ศัตรูของเขาไม่
“ได้สิ! ข้าจักทําให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริงโดยเร็ว!” องค์ชายเย่วติงเอ่ยตอบ พร้อมกับพุ่งดาบในมือของตนออกไปทันที
องค์ชายเย่วติงเป็นฝ่ายรุกโจมตีเข้าใส่หลงเฉินอีกครั้ง เขาตวัดดาบในมือออกไป และลําแสงสว่างเจิดจ้าก็พุ่งผ่านห้วงอากาศตรงเข้าใส่ร่าของหลงเฉินทันที แต่ยังมิทันทีดาบแรกจะสิ้นสุด องค์ชายเย่วติงก็ฟาดฟันดาบที่สอง และดาบที่สามตามเข้าใส่ร่างของหลงเฉินติดๆ ลําแสงจากดาบทั้งสามครั้งที่ฟาดฟันลงไปนั้น ผสานรวมกันกลายเป็นลําแสงที่สว่างเจิดจ้ายิ่งขึ้น และพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลงเฉินพร้อมกัน
หลงเฉินจ้องมองการจู่โจมขององค์ชายเย่วติงด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
“เพลงดาบยอดเซียนเจ็ดกระบวน, วิถีที่หนึ่ง คลื่นชําระ!”
หลงเฉินพึมพําเบาๆ ในขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่ลําแสงสีแดงสว่างเจิดจ้าที่กําลังพุ่งตรงเข้าใส่ร่างขององค์ชายเย่วติง ด้วยความเร็วที่รวดเร็วกว่าการจู่โจมของเขา ไม่นานลําแสงสีแดงจากดาบของหลงเฉินก็ปะทะเข้ากับลําแสงจากดาบขององค์ชายสาม เพียงแค่ชั่วพริบตาลําแสงสว่างจากดาบขององค์ชายสามก็ถูกทําลาย และลําแสงสีแดงยังคงพุ่งไปข้าหน้าอย่างต่อเนื่อง
องค์ชายเย่วติงจ้องมองภาพที่ปรากฏขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง ก่อนจะรีบยกดาบในมือขึ้นสะกัดกั้นไว้ในทันที แต่ไม่เพียงจะมิสามารถสะกัดกั้นพลังของดาบนั้นได้ ร่างของเขายังถึงกับถูกกระแทกจนกระเด็นถอยหลังออกไป องค์ชายสามถึงกับกระอักเลือดออกมาคําโต และพยายามที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่กลับรู้สึกว่าเจ็บร้าวไปทั่วกระดูกทั้งร่าง แต่ถึงกระนั้นก็ยังพยายามจนสามารถลุกขึ้นยืนได้ และรีบใช้แขนเช็ดคราบโลหิตออกทันที
องค์ชายสามจ้องมองหลงเฉินแน่นิ่ง ก่อนจะค่อยๆเดินตรงเข้าไปหา
“แม้เจ้าจักยังเด็กนัก แต่กลับแข็งแกร่งยิ่ง! ข้าเองก็มิอาจรคาดเดาได้ว่า หากพวกเราสองคนต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ผลจักเป็นเช่นใด? แต่ในการประลองครั้งนี้ ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้!”
องค์ชายเย่วติงเอ่ยบอกหลงเฉินก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตน องค์หญิงเหมียวจึงรีบส่งโอสถให้ในขณะที่องค์ชายสามนั่งลงด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก
“น้องสาม.. เจ้าทําดีมากแล้ว!” องค์ชายสองเย่วหยวนเอ่ยขึ้น พร้อมกับยิ้มให้เป็นการปลอบใจองค์ชายเย่วติง
“พี่สอง ถึงคราวของท่านแล้ว! ข้าเองก็กําลังรอดูความสามารถของท่านอยู่!” องค์ชายเย่วติงหันไปยิ้มให้กับองค์ชายสองพร้อมกับเอ่ยตอบ