ตอนที่ 13 แผนแยบยล?
หลงซูมิอาจสังหารหลงเทียนภายในตำหนักตระกูลหลงได้ และหากให้ผู้คนพบร่างไร้วิญญาณของหลงเทียนที่นี่ คงต้องมีการสืบสาวเรื่องราวที่เกิดขึ้น ท้ายที่สุดอาจสืบมาถึงตัวเขาก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องนำร่างของหลงเทียนออกไปด้านนอกก่อน แล้วจึงค่อยลงมือสังหาร
นับตั้งแต่เกิดเหตุในครั้งนั้น หลงเทียนก็มิเคยออกนอกตำหนักอีกเลย ตลอดสี่ปีมานี้หลงเทียนมิเคยออกไปเที่ยวเล่นภายนอกเลยแม้แต่ครั้งเดียว หลงซูจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่า ต่อให้เขาเอ่ยปากชวน หลงเทียนก็ไม่มีทางยอมตามเขาออกไปแน่
หากเขาลงมือสังหารหลงเทียนที่นี่ และให้คนที่ไว้ใจได้ช่วยกันนำร่างของหลงเทียนออกไปทิ้งด้านนอก ก็ยังนับว่าอันตรายมากอยู่ดี เพราะหากให้ผู้ใดมาพบเห็นเข้าว่าหลงเทียนสิ้นใจแล้ว เขาคงต้องตายด้วยน้ำมือท่านปู่ของหลงเทียนเป็นแน่ หลงเหรินคงจะฝังเขาทั้งเป็น และถึงตอนนั้นต่อให้หลงหัวพ่อของเขาออกหน้าให้ ก็ยากที่จะช่วยได้
มีเพียงการวางยาให้หลงเทียนหลับไหลไป และแอบนำตัวเขาออกไปด้านนอกด้วยตัวเองเท่านั้น จึงจะมีอันตรายกับตัวเขาน้อยที่สุด เขาได้เตรียมการที่จะพาหลงเทียนออกไปทางด้านประตูหลัง เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดมาพบเห็นเข้า
แต่หากบังเอิญมีคนมาพบเห็นขณะที่เขากำลังพาหลงเทียนออกไป เขาก็สามารถอ้างได้ว่าจะพาหลงเทียนออกไปชมเมือง เปิดหูเปิดตาหลังจากที่อุดอู้อยู่แต่ในตำหนักมานานถึงสี่ปี แต่จู่ๆหลงเทียนก็เกิดง่วงนอนขึ้นมา แล้วก็หลับไหลไป เขาตั้งใจว่าเมื่อไปถึงจุดหมายจึงค่อยปลุกหลงเทียนให้ตื่นขึ้น
แม้ข้ออ้างนี้จะฟังดูน่าสงสัยคลางแคลง แต่ก็ยากที่กล่าวโทษเขาได้
ยานอนหลับที่หลงซูแอบใส่ให้หลงเทียนดื่มนั้น แม้จะออกฤทธิ์ยาวนานถึงหกชั่วยาม แต่ร่องรอยของยาที่ตกค้างภายในร่างจะหายไปภายในหนึ่งก้านธูป หากมีตรวจร่างกายของหลงเทียนอย่างจริงจัง ก็จะพบว่าเขาเพียงแค่หลับไปเหมือนคนปกติเท่านั้น จึงไม่มีสิ่งใดยืนยันว่าเขาคิดร้ายกับหลงเทียน
……
ส่วนเหตุผลที่ยานอนหลับไม่ออกฤทธิ์กับตัวเขานั้น เพราะหลงซูได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี ชาทั้งสองถ้วยนั้นล้วนมียานอนหลับอยู่ทั้งคู่ หลงซูได้เตรียมแผนสำรองไว้แล้วในกรณีที่หลงเทียนไม่ยอมดื่มชา เขาก็จะเป็นฝ่ายดื่มให้หลงเทียนดูเพื่อให้หลงเทียนมั่นใจและยอมดื่มชาถ้วยที่เหลือ
เช่นนี้แล้ว ไม่ว่าหลงเทียนจะดื่มชาถ้วยใด ก็ย่อมต้องถูกวางยาอยู่ดี
แต่ที่หลงซูไม่เป็นอะไรนั้น เพราะเขาได้กินยาแก้ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ทำให้เขาไม่สลบไสลตามหลงเทียนไป เขาหัวเราะออกมากับแผนการที่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ได้เวลาที่เขาต้องดำเนินการตามแผนขั้นต่อไป และครั้งนี้นับเป็นช่วงที่อันตรายที่สุด เพราะเป็นการนำร่างที่หลับไหลของหลงเทียนออกนอกตำหนัก
หลงซูเอ่ยกับบ่าวที่เป็นผู้นำชามาให้
“วันนี้เจ้าทำหน้าที่ได้มาก นี่รางวัลของเจ้า”
หลงซูยื่นเหรียญเงินให้กับบ่าวจำนวนหนึ่ง แม้ในสายตาของหลงซู เหรียญเงินพวกนี้จะมิได้มีค่าอันใด แต่สำหรับบ่าวของเขาแล้วมันมีค่าอย่างมากมาย บ่าวรับใช้จะได้รับเบี้ยจากการทำงานเพียงแค่ยี่สิบเหรียญทองแดงต่อเดือนเท่านั้น และหนึ่งตำลึงเงินก็มีค่าเท่ากับร้อยเหรียญทองแดงเลยทีเดียว แต่เพียงแค่ยกน้ำชามามาให้ตามคำสั่ง เขากลับได้รับรางวัลเป็นเงินมากมายถึงเพียงนี้ มีหรือที่เขาจะไม่พอใจ
“ขอบคุณนายน้อยยิ่งนัก!” บ่าวรับใช้เอ่ยขอบคุณด้วยความดีอกดีใจ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า หากเจ้าติดตามรับใช้ข้าเยี่ยงสุนัขที่ภักดีต่อเจ้านายเช่นนี้ ชีวิตของเจ้าก็มีแต่จะรุ่งเรือง” หลงซูตอบกลับอย่างผยอง
“แต่จงจำไว้ให้ดีว่า หากให้ผู้ใดล่วงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ในวันนี้ ข้าจักฆ่าเจ้าและครอบครัวทิ้งเสีย ได้ยินมาว่าเจ้าเองก็ยังมีลูกน้อยอยู่มิใช่รึ? ข้าว่าเจ้าคงไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นกับพวกเขาเป็นแน่?” หลงซูข่มขู่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
บ่าวผู้นี้ถึงกับหวาดกลัวจนตัวสั่น และรีบรับปากว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอย่างดี และจะไม่แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้โดยเด็ดขาด หลงซูยิ้มออกมาอย่างพอใจ แล้วจึงสั่งให้กลับออกไป
หลังจากที่บ่าวของเขาจากไปแล้ว เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น และดูเหมือนหลงซูจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นผู้ใด เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู ร่างของหญิงสาวสูงโปร่งปรากฏขึ้น นางอยู่ในชุดอาภรณ์สีดำ แม้ใบหน้านวลผ่องนั้นจะมิได้งดงามโดดเด่นอันใด แต่เนินอกใหญ่โตที่กำลังชูชันนั้นก็ทำให้นางน่าพิศมองมากขึ้น
“เย่ว เจ้าเข้ามาด้านในก่อน” หลงซูจ้องมองเนินอกอวบอิ่มนั้นพร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หญิงสาวชุดดำเดินเข้าไปด้านใน และตรงเข้าไปนั่งบนเตียงของหลงซูทันที หลงซูจ้องมองบั้นท้ายกลมกลึงของนางด้วยความรู้สึกหื่นกระหาย
“เรื่องที่ข้าสั่ง เจ้าทำเรียบร้อยดีหรือไม่?” หลงซูเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เดินตามเข้าไป
“นายน้อยซู ข้าได้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้อีกราวหนึ่งชั่วยามจะมีการสับเปลี่ยนเวรยามของทหารเฝ้าประตูด้านใต้ ก่อนที่ทหารยามชุดใหม่จะไปสับเปลี่ยนเวรยาม ข้าจะสั่งให้พวกเขามาพบข้าก่อน ฉะนั้นแล้ว ท่านมีเวลาหนึ่งก้านธูปกว่าที่พวกเขาจะมาพบข้าและกลับไปเฝ้าเวรยามที่ประตูด้านใต้ ในช่วงเวลานี้จะมิมีผู้ใดเฝ้าอยู่ที่ประตูแม้แต่คนเดียว ท่านจะสามารถผ่านเข้าออกได้โดยมิมีผู้ใดพบเห็น” หญิงสาวเอ่ยตอบ
หญิงสาวนางนี้นามว่าถูเย่ว ตำแหน่งของนางคือหัวหน้าทหารยามประจำประตูด้านใต้ของตำหนัก นางรับผิดชอบดูแลเรื่องเวลาและการสับเปลี่ยนเวรยามที่ประตูนี้ ในวัยยี่สิบห้าปี แต่กลับอยู่เพียงแค่อาณาจักรผสานวิญญาณระดับเจ็ดเท่านั้น ที่นางได้รับตำแหน่งหัวหน้าทหารยามรักษาประตูด้านใต้นั้น เป็นเพราะความคล่องแคล่ว และความสามารถในการสรรเวรยามของนางต่างหากหาใช่ฝีมือไม่ คนตระกูลหลงต่างก็พอใจการทำงานของนางไม่น้อย
หลงซูหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ เขาเดินตรงเข้าไปนั่งเบียดร่างของนางบนเตียง
“เช่นนั้นแล้ว ข้าจะมีเวลาว่างอยู่หนึ่งชั่วยามสินะ เจ้าว่าระหว่างนี้ข้าควรทำสิ่งใดดี.. ว่าอย่างไรเย่ว เจ้าว่าข้าควรทำอะไรดี?”
เขาเอื้อมฝ่ามือไปลูบไล้แผ่นหลัง พร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาของนางขณะที่เอ่ยถาม