ตอนที่ 23 พบถูเย่ว
หลงซูตกใจและกังวลใจยิ่งนักเมื่อเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น แต่เขาแสร้งทำเป็นสงบนิ่งอีกครั้ง พร้อมกับร้องตะโกนบอกให้บ่าวที่เคาะประตูเข้ามาได้ บ่าวผู้นั้นเดินเข้ามาพร้อมกับส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้กับเขา
“นายน้อย.. เป็นทหารยามที่นำจดหมายนี้มาให้ข้า เขาบอกว่ามีคนนำจดหมายฉบับนี้มาให้เขา และขอให้นำมามอบให้กับนายน้อยเพียงผู้เดียวเท่านั้น และยังย้ำอีกว่าเรื่องนี้สำคัญยิ่งนัก หากให้ท่านพบว่าเขาไม่นำจดหมายฉบับนี้มาให้ท่าน จะต้องถูกท่านลงโทษเป็นแน่!” บ่าวของหลงซูกล่าวพร้อมกับยื่นจดหมายในมือให้หลงซู
“ขอบใจเจ้ามาก เจ้ากลับไปทำงานต่อได้แล้ว”
หลงซุรับจดหมายมาพร้อมกับสั่งให้บ่าวของตนกลับออกไป หลังจากจ้องมองจดหมายฉบับนั้นอยู่ประเดี๋ยว หลงซูจึงเปิดออกอ่านทันที แม้เนื้อความในจดหมายจะมิได้ยาวนัก แต่ก็ทำให้สีหน้าของหลงซูถึงกับเปลี่ยนไปทันที
และในจดหมายฉบับนั้นก็มีใจความว่า:
‘นายน้อยซู
เมื่อคืนข้าออกมาทำบางสิ่งบางอย่างนอกตำหนัก แต่กลับได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ทหารนายหนึ่งได้ทรยศข้า และบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับหลงเหรินฟัง และเวลานี้ทุกคนในตระกูลหลงก็กำลังตามล่าตัวข้าอยู่
ข้ารู้ตัวดีว่าคงมิอาจกลับตระกูลหลงได้อีกแล้ว จึงตั้งใจที่จะไปเมืองอื่นเพื่อหลบหนีการไล่ล่าครั้งนี้ แต่ก่อนที่ข้าจะออกเดินทาง ข้าจะขอรักท่านและเก็บความทรงจำนี้ไว้ตลอดไป และอยากพบท่านเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะต้องจากกัน
ข้าจักคอยท่านอยู่ที่โรงเตี๊ยมทางด้านตะวันตกของเมืองมังกรจนกระทั่งถึงพรุ่งนี้เช้า ได้โปรดมาพบข้าเป็นครั้งสุดท้ายด้วย
จากถูเย่วของท่าน..’
หลังจากที่อ่านจดหมายฉบับนั้นจบแล้ว หลงซูจึงรีบเผาทิ้งทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางด้านตะวันตกของเมืองมังกร สีหน้าบ่งบอกว่ากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
‘โรงเตี๊ยมด้านตะวันตก… แม้ที่นั่นจะมีผู้คนพลุกพล่าน และแต่ละคนก็ล้วนป่าเถื่อน กลับเป็นที่ซ่อนตัวที่ดีมาก นับว่ายังโชคดีที่ถูเย่วสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตระกูลหลงมาได้จนถึงตอนนี้’ หลงซูรำพึงรำพันอยู่ในใจคนเดียว
‘เวลานี้ทหารตระหูลหลงออกตามหาหลงเทียนกับถูเย่วไปทั่วทุกหนแห่ง อันตรายยิ่งนักหากจะออกไปข้างนอกในเวลานี้ ไม่แน่ว่าอาจทำให้คนอื่นหันมาสงสัยระแวงในตัวข้าได้ แต่นี่เป็นความต้องการของถูเย่ว นางช่วยข้ามาตั้งมากมาย เอาล่ะ.. ข้าจะไปพบเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายตามที่เจ้าต้องการ’ หลงซูครุ่นคิดและตัดสินใจ
หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดหลงซูก็ตัดสินใจที่จะไปพบถูเย่วตามที่นางปรารถนา หลงซูบอกกับหลงหัวผู้เป็นบิดาว่าเขาจะออกไปซื้อสิ่งของบางอย่าง หลังจากเตรียมตัวแล้ว หลงซูก็นั่งรถม้าออกไปทันที
……
ในขณะที่หลงซูกำลังง่วนอยู่กับปัญหาที่ตนเองเป็นผู้ก่อขึ้น หลงเฉินก็กำลังฝึกวรยุทธบ่มเพาะด้วยจิตใจที่สงบนิ่ง
และเวลานี้ หลงเฉินก็ได้เข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นสองได้แล้ว อีกทั้งยังดูเหมือนว่ากำลังจะทะลวงเข้าสู่ขั้นต่อไปได้อีกในเวลาอันใกล้
……
หลงซูเข้าไปในโรงเตี๊ยมพร้อมกับผ้าคลุมปิดบังใบหน้า ก่อนที่จะเข้ามาโรงเตี๊ยมแห่งนี้ เขาได้เปลี่ยนจากอาภรณ์หรูหราเนื้อดีมาเป็นเสื้อผ้าที่คนธรรมดาทั่วไปสวมใส่ และมิได้ให้รถม้าขับตรงเข้ามาที่นี่
เมื่อรถม้าของหลงซูแล่นเข้าสู่ใจกลางเมืองมังกร เขาจึงสั่งให้คนขับหาที่เงียบๆจอดรถม้าทิ้งไว้ แล้วสั่งให้คนขับไปเดินเล่นชมเมืองให้ทั่ว จากนั้นสองชั่วยามจึงค่อยมาพบกับเขาที่นี่อีกครั้ง
หลงซูจัดการเปลี่ยนอาภรณ์ของตนภายในรถม้าก่อนแล้ว เมื่อเขาเดินลงมาจึงมิมีผู้ใดจดจำเขาได้ จากนั้นหลงซูจึงได้เดินไปยังโรงเตี๊ยมที่นัดหมาย
ภายในโรงเตี๊ยม หลงซูเห็นผู้คนนั่งดื่มกินและสนทนากันอยู่มากมาย..
‘โรงเตี๊ยมแห่งนี้ช่างพลุกพล่านไปด้วยผู้คนยิ่งนัก!’ หลงซูครุ่นคิดอยู่ในใจขณะเดียวกันก็สอดส่ายสายตามองหาถูเย่ว แม้หลงซูจะสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้า แต่ก็มิมีผู้ใดในโรงเตี๊ยมสนใจเขาเป็นพิเศษ เพราะผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่ก็มักปิดบังอำพรางใบหน้าของตนเองเช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจหรือเป็นสิ่งที่สะดุดตา
หลงซูหันมองไปทั่วร้านอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็พบใครบางคนสวมผ้าคลุมสีดำปิดบังใบหน้าเช่นกัน ดูจากเรือนร่างของคนผู้นี้คล้ายกับเรือนร่างของหญิงสาวยิ่งนัก หลงซูจึงเดินตรงเข้าไปทักถาม
หลงซูเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวผู้นั้นทันที เมื่อเข้าไปใกล้จึงได้เอ่ยถามเสียงเบา “เจ้าคือเย่วรึ?”
“ท่านคือนายน้อยซูรึ?” คนผู้นั้นถามกลับไปเช่นกัน
“ใช่แล้ว ข้าเอง! ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบ” หลงซูตอบถูเย่วพร้อมกับวางมือลงบนไหล่ของนาง
“นายน้อยซู ไปที่ห้องพักของข้าด้านบนดีกว่า พวกเราจักได้สนทนากันได้สะดวก” ถูเย่วบอกหลงซูพร้อมกับจูงมือเขาขึ้นไปบนห้องพักด้านบนด้วยกัน
ทันทีที่เข้าไปในห้อง ถูเย่วก็รีบปิดประตู แล้วถอดผ้าคลุมหน้าและเสื้อคลุมของตนออกทันที เรือนร่างของนางยังคงงดงามไม่เปลี่ยน หลงซูอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเนินอกอวบอิ่มที่คุ้นเคย
“ไม่ง่ายเลยที่จะหลบซ่อนตัวจากการไล่ล่าของทหารตระกูลหลง แต่ในที่สุดข้าก็พบโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ที่นี่มีผู้คนค่อนข้างพลุกพล่าน อีกทั้งเถ้าแก่ยังมิต้องการหลักฐานใดในการเข้าพักด้วย เพียงแค่มีเงินจ่ายค่าห้องก็เข้าพักได้แล้ว อีกอย่าง ทหารตระกูลหลงก็เคยเข้ามาตรวจค้นที่นี่ก่อนหน้าที่ข้าจะเข้ามาพักแล้ว ตอนนั้นข้าหลบซ่อนอยู่ที่อื่นพอดี..” ถูเย่วบอกเล่าปัญหาที่นางพบเจอตลอดที่หลบซ่อน และหนีการไล่ล่าของทหารตระกูลหลงให้กับหลงซูฟัง
หลงซูได้ฟังถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย และเข้าใจแล้วว่าเหตุใดนางจึงสามารถหลบหนีได้นานเช่นนี้ แต่เขาก็รู้ว่านางจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นานนัก
“เย่ว.. ข้าเสียใจนักที่เป็นเหตุให้เจ้าต้องตกระกำลำบาเช่นนี้” หลงซูกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดและเสียใจ
“นายน้อยซู เพื่อท่านแล้วข้ายินดีทำทุกอย่าง เพียงแต่ตอนนี้ข้าไม่อาจอยู่ที่เมืองนี้ได้อีกต่อไป จำต้องหนีไปเมืองอื่นสักพัก รอให้เรื่องราวทุกอย่างสงบลงเมื่อใด ข้าจึงจะกลับมาอีกครั้ง..” ถูวเย่กระซิบบอกหลงซู
“ก่อนที่ข้าจะออกเดินทางจึงอยากจะพบหน้าท่านเป็นครั้งสุดท้าย ข้าเองก็ไม่มั่นใจนักว่าท่านจะมาหรือไม่ แต่ได้เห็นท่านเช่นนี้ ข้ารู้สึกมีความสุขยิ่งนัก!” ขณะที่พูดถูวเย่วก็ยกมือขึ้นโอบกอดหลงซูเบาๆ
กายของหลงซูสัมผัสเข้ากับเนินอกอวบอิ่มนุ่มนวลที่เบียดเสียดลงบนร่าง เขาอดใจไว้ไม่ได้จึงเอื้อมมือไปโอบร่างของนางด้วยเช่นกัน
“เจ้าช่างดีต่อข้านักเย่วเอ๋อ!”
กล่าวจบ.. หลงซูก็ประทับริมฝีปากของตนลงไปบนริมฝีปากของนาง
…..
ในขณะที่หลงซูกำลังวุ่นอยู่กับถูวเย่ว และหลงเฉินกำลังวุ่นอยู่กับการฝึกวรยุทธบ่มเพาะนั้น ห่างจากเมืองมังกรไปมีหญิงสาวงดงามสองคนกำลังเหาะมุ่งหน้ามายังเมืองมังกรแห่งนี้ ทั้งสองคือหงส์จันทร์ขาวซึ่งเป็นสัตว์อสูรวิญญาณ