ตอนที่ 24 ฝันอีกครั้ง
หลงซูจุมพิตถูเย่วดูดดื่ม ในขณะที่ฝ่ามือลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเรื่อยลงไปจนกระทั่งถึงบั้นท้ายของนางจึงหยุด และบีบเค้นเล่นไปมาอยู่เช่นนั้น หลงซูผละออกหลังจากจุมพิตดื่มด่ำอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งคู่ต่างจ้องลึกลงไปในดวงตาของกันและกัน
หลงซูค่อยๆเปลื้องอาภรณ์ของถูเย่วและของตนเองออกจนหมด และเวลานี้ทั้งคู่ก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าด้วยกัน หลงซูจ้องมองเรือนร่างงดงามของนางด้วยความหื่นกระหาย เขาช้อนร่างของนางไว้ในอ้อมแขนพาไปเตียงนอนทันที
…….
ณ ก้นเหวของผาสวรรค์
หลงเฉินยังคงฝึกวรยุทธบ่มเพาะอยู่เช่นเคย และสามารถทะลวงเขาสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นสามได้แล้ว
“ข้าสามารถทะลวงเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นสามได้แล้ว แต่กลับดูดซับพลังจากผลึกปราณเข้าไปเพียงแค่หกสิบส่วนเท่านั้นเองรึ? ยังเหลือพลังอีกถึงสี่สิบส่วน มิหนำซ้ำยังมีผลึกปราณระดับสูงสุดเหลืออีกหนึ่งชิ้น ข้าคงจะสามารถทะลวงสู่อาณาจักรที่สูงขึ้นได้กว่านี้”
หลงเฉินยิ้มออกมาขณะที่พึมพำกับตนเอง เขาเหลือบมองผลึกปราณในมือก่อนจะเริ่มฝึกวรยุทธบ่มเพาะต่อไป..
…..
หลงซูนอนกอดถูเย่วไว้ในอ้อมแขนหลังจากเริงรักกันอยู่ราวครึ่งชั่วยาม เวลานี้ทั้งคู่ดูเหน็ดเหนื่อยแต่สีหน้ากลับมีความสุขยิ่งนัก หลงซูพิศมองใบหน้าของถูเย่วในขณะที่นางเองก็มองตอบด้วยสายตารักใคร่ยิ่ง
หลงซูจุมพิตนางดื่มด่ำอีกครั้ง ฝ่ามือที่ว่างอยู่เคล้าคลึงเนินอกอวบอิ่มคู่นั้นเล่นไปด้วย ผ่านไปเพียงสองสามอึดใจ หลงซูจึงผละออกจากร่างของถูเย่วแล้วลุกขึ้นยืน
“ได้เวลาที่ข้าต้องไปแล้ว..” หลงซูเอ่ยขึ้นขณะที่สวมใส่เสื้อผ้ากลับคืน ถูเย่วจ้องมองด้วยแววตาเสน่หาและคล้ายอยากให้เขาอยู่ต่อ แต่ก็ตัดใจลุกขึ้นจากเตียงเช่นกัน
“ช่วงเวลาที่ข้าได้อยู่กับเจ้าช่างเป็นช่วงเวลาที่ดียิ่งนัก ข้าคงจะคิดถึงเจ้ายิ่งนัก” หลงซูเอ่ยบอกพร้อมกับโอบกอดร่างของถูเย่วไว้อีกครั้ง
“ข้าเองก็คงจะคิดถึงท่านมากเช่นกันนายน้อยซู ข้า…” ดูเหมือนถูเย่วตั้งใจที่จะกล่าวสิ่งใดออกมา แต่แล้วกลับหยุดไปครึ่งๆกลางเช่นนั้น สีหน้าของนางพลันเปลี่ยนจากรักใคร่เป็นเจ็บปวดตรงหัวใจอย่างที่สุด
นางเหลือบตามองลงเบื้องล่าง พลันเห็นโลหิตสีแดงกำลังไหลหลั่งออกจากตำแหน่งหัวใจ และมีดสั้นที่ปักคาอยู่..
“เหตุ.. เหตุใด..” ถูเย่วไม่อาจกล่าวสิ่งใดได้อีก ดวงตาทั้งสองข้างเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาเป็นสาย พร้อมกับจ้องมองหลงซูด้วยสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว
“ถูเย่ว.. เจ้าเป็นหญิงสาวที่งดงามและดียิ่งนัก ข้าเองก็ยังอยากจะเก็บเจ้าไว้ใช้งานนานกว่านี้ แต่เวลานี้เจ้ากลับกลายเป็นอันตรายต่อข้ายิ่ง เพราะเจ้าเป็นเพียงสิ่งเดียวที่หลงเหรินจักสาวมาถึงตัวข้าได้ เพื่อให้ข้ามีชีวิตรอด เจ้าจึงต้องสละชีวิตอย่างไรเล่า..” หลงซูเอ่ยตอบถูเย่วด้วยใบหน้าที่โหดเหี้ยม
“ขอบคุณสำหรับความสุขที่เจ้ามอบให้ข้าในช่วงสุดท้ายของชีวิต ข้ามีความสุขยิ่งนักกับเรือนร่างของเจ้า” หลงซูเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
ถูเย่วเอื้อมฝ่ามือไปสัมผัสใบหน้าของหลงซูราวกับภรรยาที่รักสามียิ่ง ดูเหมือนนางต้องการที่จะกล่าวบางสิ่งบางอย่างออกมา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ แล้วร่างของนางก็ร่วงลงไปกองกับพื้น
หากถูเย่วสังเกตสักนิด นางคงจะสัมผัสกลิ่นอายสังหารที่พวยพุ่งออกจากตัวหลงซูได้ และคงจะสามารถเอาชีวิตรอดไปได้ แต่เพราะนางมิได้ทันฉุกคิดว่าหลงซูจะคิดสังหารตน จึงมิทันได้ระมัดระวังตัว และมิได้เดินลมปราณป้องกันร่างกายไว้ จึงถูกสังหารตายง่ายดายเช่นนี้
“ตอนนี้ก็ไม่มีสิ่งใดที่สาวมาถึงตัวข้าได้อีกแล้ว ข้าควรต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อน” หลงซูจ้องมองถูเย่วอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหยิบผ้าขึ้นมาปิดคลุมใบหน้าก่อนจะรีบออกจากห้องไป
หลงซูก้าวออกจากโรงเตี๊ยมไปด้วยท่าทางปกติไร้พิรุธ เขาเดินตรงไปยังบริเวณที่รถม้าจอดไว้ทันที และพบว่าคนขับรถม้าได้รอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว
ทันทีที่ขึ้นไปบนรถม้าได้ หลงซูก็ถอดผ้าคลุมหน้าออก และเปลี่ยนมาสวมใส่อาภรณ์สีทองงดงามดังเดิม จากนั้นจึงสั่งให้กลับไปที่ตำหนักตระกูลหลงทันที
รถม้าของหลงซูเคลื่อนที่มุ่งหน้ายังตำหนักตระกูลหลง..
….
ณ ก้นเหวลึกของผาสวรรค์ หลงเฉินยังคงมุ่งมั่นฝึกวรยุทธบ่มเพาะเช่นเคย และเวลานี้เขาก็ได้เขาสู่ขั้นสูงสุดของอาณาจักรผสานวิญญาณแล้ว และเป็นช่วงเวลาที่เขาดูดซับพลังจากผลึกปราณเข้าไปจนหมดพอดี
หลงเฉินตัดสินใจหยุดการฝึกปรือไว้เพียงเท่านี้ และตั้งใจว่าในวันรุ่งขึ้นจึงค่อยเริ่มฝึกวรยุทธบ่มเพาะอีกครั้ง หลงเฉินเห็นว่าตนเองนั้นก้าวหน้ารวดเร็วจนเกินไป จึงต้องการใช้เวลาอีกเล็กน้อยหลอมรวมอาณาจักรพลังเสียก่อน อีกทั้งเวลานี้ก็มืดค่ำแล้ว
หลงเฉินลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเดินไปที่ริมฝั่งทะเลสาบ เขานั่งลงบนก้อนหินหันหน้าเหม่อมองไปทางผิวน้ำพร้อมกับครุ่นคิดว่า ตนหายจากตระกูลหลงมาเช่นนี้ ผู้คนในตระกูลจะเป็นเช่นใดกันบ้าง? โดยเฉพาะมารดาและปู่ของหลงเทียน ทั้งสองคงจักต้องกังวลใจยิ่งนัก..
“แม้ข้าจักมิใช่บุตรชายของนาง แต่เวลานี้ข้าก็อยู่ในร่างของหลงเทียนแล้ว ครอบครัวของหลงเทียนย่อมเป็นครอบครัวของข้าด้วยเช่นกัน ข้าไม่อาจปล่อยให้พวกเขากังวลใจนานมากไปกว่านี้ได้..” หลงเฉินบอกกับตนเองด้วยสีหน้ามุ่งมั่น และจะต้องกลับตระกูลหลงให้ได้โดยเร็วที่สุด
แต่แล้วจู่ๆ เสียงท้องของหลงเฉินก็ร้องดังขึ้น เพราะมิได้มีอะไรตกถึงท้องเป็นเวลานานแล้ว เขายิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับเรียกผลไม้ทองคำออกมาจากแหวนบรรจุ
หลังจากที่กัดกินผลไม้ทองคำจนอิ่มหนำแล้ว หลงเฉินจึงเข้านอน..
ในคืนนั้น หลงเฉินได้เข้าสู่ห้วงความฝันอีกครั้ง และความฝันในครั้งนี้ก็แตกต่างจากครั้งก่อน..
คืนก่อนนั้นเขาฝันว่าตนเองเข้าไปอยู่ในห้องของชายหนุ่มผู้หนึ่ง แต่ครั้งนี้เขากลับอยู่ในเมืองที่งดงามยิ่งนัก ภายในเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยอาคารใหญ่โต ทุกหลังล้วนแล้วแต่ทำด้วยวัสดุที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน มันดูแข็งแกร่งและงดงามยิ่งนัก
ภายในเมืองดูโกลาหลวุ่นวาย เขาเห็นผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งนับร้อยๆคน ทุกคนล้วนสวมชุดนักรบสีทอง ในมือต่างถือกระบี่เหาะพุ่งเข้าใส่คนผู้หนึ่ง หลงเฉินไม่อาจคาดเดาขั้นพลังของพวกเขาได้ เขารู้เพียงแค่ว่าทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งยิ่งนัก นั่นเพราะทุกคนล้วนเหาะไปในห้วงอากาศได้ด้วยความเร็วที่สูงยิ่ง
คนที่เหล่านักรบชุดทองไล่ล่าอยู่นั้น เป็นชายหนุ่มที่มีนัยน์ตาสีแดงโลหิต มีผมสีแดง และหน้าตาหล่อเหลามีเสน่ห์ยิ่งนัก
ชายผู้นี้ก็คือชายหนุ่มชุดแดงที่เขาเห็นในความฝันครั้งก่อน เวลานี้นัยน์ตาที่เคยเป็นสีทองสุกสว่างได้เปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิต ในความฝันครั้งก่อนของหลงเฉินนั้น ชายหนุ่มผู้นี้ดูคล้ายบัณฑิตรูปงามเสียมากกว่า แต่ในความฝันครั้งนี้ เขาดูราวกับผู้ที่กระหายเลือด และคล้ายกำลังโกรธเกรี้ยวอะไรบางอย่าง หรือใครบางคนอย่างที่สุด ตลอดเส้นทางที่เขาผ่านไปนั้น หากมีผู้ใดกีดขวางทาง เขาจักสังหารเข่นฆ่าจนสิ้น ราวกับว่าเขานั้นคือเทพเจ้าแห่งความตาย
ด้านหน้าของชายหนุ่มคือพระราชวังขนาดใจที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแห่งนี้..