ตอนที่ 25 ทะลวงขั้นอย่างรวดเร็ว
ในหัวของหลงเฉินเวลานี้ได้แต่ครุ่นคิดว่า ในยามที่ชายหนุ่มชุดแดงผู้นี้ตะลุยเข้าห้ำหั่นสังหารคู่ต่อสู้ด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวนั้น ช่างดูราวกับเทพแห่งปีศาจยิ่งนัก!
ในมือของชายหนุ่มผู้นี้ถือกระบี่สีแดงดั่งโลหิตสลักตัวอักษรโบราณไว้สองสามตัว เวลานี้ตัวอักษรนั้นได้เปล่งประกายสุกสว่างยิ่ง แต่หลงเฉินมิสามารถเข้าใจความหมายของตัวอักษรเหล่านั้นได้ และไม่ว่ากระบี่เล่มนี้จะพุ่งผ่านไปในทิศทางใด ก็หามีผู้ใดเอาชีวิตรอดได้ไม่..
ทุกครั้งที่ชายหนุ่มตวัดกระบี่ในมือเข้าใส่ศัตรู ห้วงอากาศบริเวณนั้นพลันปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นทุกครั้งไป เพียงแค่หนึ่งดาบที่ฟาดฟันออกไปก็สามารถสังหารศัตรูได้นับสิบ
เหล่านักรบเกราะทองยังคงไล่ล่าจู่โจมเข้าใส่เทพปีศาจผู้นี้ไม่หยุด แม้พวกเขาจะหลอมรวมพลังเข้าด้วยกันเพื่อให้แข็งแกร่งมากขึ้น แต่ก็ยังมิอาจหยุดยั้งชายหนุ่มมิให้บุกตะลุยไปข้างหน้าได้
ไม่ว่าชายผมแดงนัยน์ตาสีโลหิตผู้นี้จะผ่านไปในทางใด เขาก็ได้ทำลายทุกสิ่งที่ขวางกั้นจนราบเป็นหน้ากอง ทำให้หลงเฉินอดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าชายผู้นี้ช่างแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
ผืนปฐพีที่ชายผมแดงนัยน์ตาดั่งโลหิตผู้นี้เคลื่อนผ่านไป อุปสรรคใดก็มิอาจขวางกั้นเขาไว้ได้ แลดูคล้ายไม่มีความหวาดหวั่นเกรงกลัวต่อความตายเลยแม้แต่น้อย
หลงเฉินยังเห็นอีกว่า แหวนบรรจุที่ชายผู้นี้สวมใส่อยู่นั้น เป็นแบบเดียวกับแหวนบรรจุที่ตนสวมใส่อยู่เวลานี้ อักษรโบราณที่สลักอยู่บนเรือนแหวนก็เป็นอักษรเดียวกัน
หลังจากที่กระหน่ำสังหารนักรบร่วมร้อยตายไปตลอดเส้นที่เคลื่อนผ่านนั้น ในที่สุดชายหนุ่มก็มาถึงหน้าพระราชวังที่ใหญ่โตงดงาม เขาเงื้อกระบี่สีแดงในมือฟันเข้าที่ประตูทันที คลื่นพลังรุนแรงพลันปรากฏขึ้นในห้วงอากาศ แล้วประตูก็เปิดอ้าออก
แต่ในขณะที่ชายผมแดงกำลังจะบุกเข้าไปในพระราชวังแห่งนี้ คลื่นพลังลูกใหญ่พลันพวยพุ่งออกมาจากด้านใน แต่ก็ปะทะเข้ากับคลื่นพลังของชายผมแดงก่อนหน้า จึงมิได้ปะทะใส่ร่างของเขาให้เป็นอันตราย
หลงเฉินพบว่ามีใครบางคนกำลังเดินออกมาจากด้านในของพระราชวัง และดูเหมือนจะตรงเข้าไปหาชายผมแดงผู้นี้ แต่ก่อนที่หลงเฉินจะทันได้เห็นอะไรมากกว่านั้น และรู้ว่ากำลังจะเกิดสิ่งใดขึ้นนั้น เขาก็พลันสะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน..
หลงเฉินรู้สึกสับสนยิ่ง เหตุใดเขาจึงฝันเห็นเหตุการณ์เช่นนี้?
“ชายผมแดงคือผู้ใดกันแน่? เหตุใดเขาจึงต้องเข่นฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าเช่นนั้นด้วย? ในความฝันครั้งแรกของข้า ชายผู้นี้ดูราวกับบัณฑิตผู้เพียบพร้อมและมีรอยยิ้มที่งดงามยิ่ง เขาโกรธเกรี้ยวเดือดดาลเรื่องใดกัน? มีเหตุผลอันใดให้ข้าต้องฝันถึงเขาเช่นนี้หรือไม่นะ?”
หลงเฉินรำพึงรำพันกับตนเองหลังจากที่ตื่นขึ้นมา และเฝ้าครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่นาน แต่ในที่สุดก็หยุดความคิดทุกอย่างไว้แล้วเริ่มฝึกวรยุทธบ่มเพาะต่อ เขาต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้..
หลงเฉินลุกขึ้นถอดเสื้อผ้า และกระโดดลงว่ายเวียนอยู่ในทะเลสาบอยู่ครู่หนึ่ง จึงกลับขึ้นมาใส่เสื้อผ้าดังเดิม
จากนั้นจึงนั่งลงขัดสมาธิและเริ่มฝึกวรยุทธบ่มเพาะต่อ ในมือของหลงเฉินกำผลึกปราณก้อนที่สองไว้แน่น ก่อนหน้านี้เขาได้เข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นสามแล้ว จึงสามารถทะลวงเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นสี่ได้ไม่ยากนัก
หลงเฉินยังคงนั่งฝึกวรยุทธบ่มเพาะต่อไปเรื่อยๆ และสามารถเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นที่ห้าได้ก่อนที่ฟ้าจะมืดสนิท แต่หลงเฉินกลับมิได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เขาต้องการหยิบยืมพลังชี่ที่เหลืออยู่ในผลึกปราณ ช่วยให้ตนเองสามารถทะลวงเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณระดับหกให้ได้
หลงเฉินเฝ้าฝีกปรือบ่มเพาะพลังอยู่ตลอดทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งเช้า และในที่สุดผลึกปราณในมือของเขาก็ไม่มีพลังหลงเหลืออยู่อีกแล้ว หลงเฉินได้แต่จ้องมองผลึกปราณในมือด้วยความเสียดาย
“เฮ้อ.. หากยังมีเหลือพอให้ข้าฝึกต่ออีกสักหน่อยแล้วล่ะก็…” หลงเฉินพึมพำออกมาด้วยความผิดหวัง
เวลานี้หลงเฉินเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นที่ห้าแล้ว อีกเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นต่อไปได้ แต่น่าเสียดายที่พลังชี่ในผลึกปราณหมดไปเสียก่อน
หลงเฉินใช้ญาณหยั่งรู้สำรวจดูมหาสมุทรลมปราณภายในร่างของตน นี่คือจุดกักเก็บพลังชี่ทั้งหมดของเขา และพบว่ามีพลังชี่กักเก็บไว้อยู่เป็นจำนวนมาก เวลานี้จิตวิญญาณผู้ฝึกยุทธของเขาก็กำลังยืนตระหง่านอยู่กลางมหาสมุทรลมปราณนี้
หลงเฉินพบว่าจิตวิญญาณผู้ฝึกยุทธของตนยังคงยืนหลับตานิ่ง ในมือถือกระบี่สีแดงโลหิต และอยู่ในชุดเกราะสีทองสุกสว่าง มันยืนตระหง่านอยู่กลางมหาสมุทรลมปราณดูประหนึ่งว่าเป็นผู้พิทักษ์ดินแดนผืนนี้ รูปลักษณ์ของจิตวิญญาณผู้ฝึกยุทธเริ่มคล้ายคลึงหลงเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ และเวลานี้ก็ดูคล้ายกับหลงเทียนมากกว่าเมื่อครั้งที่เขาเพิ่งจะสามารถทะลวงเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นสองเสียอีก
หลงเฉินถอนญาณหยั่งรู้ของตนกลับออกมา แล้วนำผลึกปราณกลับเข้าไปไว้ในแหวนบรรจุตามเดิม หลงเฉินลุกขึ้นยืนและรู้สึกว่าร่างกายของตนนั้นมีพลังอยู่เต็มเปี่ยม เขาสามารถเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นที่ห้าได้ในวัยเพียงแค่สิบสองปีเท่านั้น!
“แม้ข้าจะเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นที่ห้าได้แล้ว แต่ไม่รู้ว่ามหาสมุทรลมปราณของข้าจักมีพลังเพียงพอให้สร้างปีกมารสวรรค์ จนสามารถบินขึ้นไปถึงปากเหวได้หรือไม่? เอาล่ะ.. ได้เวลาที่ต้องลองดูอีกครั้งแล้ว” หลงเฉินบอกกับตัวเองเบาๆ
หลงเฉินปลดปล่อยพลังชี่ในกายออกมา สร้างเป็นปีกที่งดงามขึ้นทั้งสองข้าง ด้านหนึ่งเป็นสีทอง ส่วนอีกด้านเป็นสีดำ..
จากนั้นหลงเฉินจึงเริ่มบินขึ้นไปบนห้วงนภา เขาสัมผัสได้ว่าพลังชี่ภายในร่างได้ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว แต่เวลานี้มหาสมุทรลมปราณของเขาใหญ่ขึ้นมาก จึงสามารถบินได้เป็นเวลานานขึ้น
แต่ในขณะที่หลงเฉินใกล้จะถึงปากเหวนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่าพลังชี่ในร่างใกล้จะหมดลงแล้ว เขาจึงไม่มั่นใจว่าตนเองจะสามารถบินขึ้นไปจนถึงปากเหวได้หรือไม่?
หลงเฉินพยายามอย่างสุดความสามารถ และพยายามที่จะบินขึ้นไปจนถึงปากเหวให้ได้ และในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ ร่างของหลงเฉินบินขึ้นไปถึงหน้าผาสวรรค์ได้พอดีกับที่ปีกมารสวรรค์อันตธานหายไป..
“หากหน้าผาสูงกว่านี้อีกนิด หรือพลังชี่ของข้าน้อยกว่านี้อีกหน่อย ข้าคงจะต้องร่วงตกลงไปอีกครั้งเป็นแน่ ช่างพอดิบพอดีอะไรเช่นนี้!” หลงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะที่ชะเง้อมองลงไปยังก้นเหวอีกครั้ง แต่ด้วยหมอกหนาที่ปกคลุมอยู่ ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นผืนดินด้านล่างได้
“ได้เวลากลับตำหนักแล้ว..”
หลงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับจ้องมองไปยังเส้นทางที่มุ่งสู่ตำหนักตระกูลหลง จากนั้นจึงเริ่มออกเดินทางมุ่งสู่ทิศเหนือ เขารู้ว่าผาสวรรค์แห่งนี้อยู่ทางด้านทิศใต้ หากจะกลับไปตำหนักตระกูลหลงย่อมต้องมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ
ผ่านไปราวสองชั่วยาม ในที่สุดหลงเฉินก็มาถึงหน้าประตูตำหนักตระกูลหลง!