ตอนที่ 28 คำตอบที่มิได้ตอบ
หลงจินเห็นหลิงเทียนกลับเข้าไปในห้องเช่นนั้นจึงมิได้ตามเข้าไป และตั้งใจไว้ว่าจะกลับมาหาหลงเทียนเพื่อทำความสนิทสนมกับเขาอีกครั้ง
หลงเฉินเดินเข้าไปในห้องของตนพร้อมกับหลงเหริน โดยซือหม่าจวี้อี๋เดินตามมาติดๆ
“เอาล่ะ บอกข้ามาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่? เจ้าหายไปไหนมาและฟื้นคืนกลับเป็นปกติเช่นเดิมได้อย่างไร?” หลงเหรินเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยใคร่รู้ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าของหลงเทียนในขณะที่รอคอยคำตอบ
“ท่านปู่ ข้ามิอาจบอกเล่าเรื่องนี้ให้ท่านทราบ!” หลงเฉินตอบกลับไปตามตรง
“เพราะเหตุใด?” หลังจากได้ยินคำตอบตรงไปตรงมาของหลงเทียน หลงเหรินกลับมิได้รู้สึกโกระ แต่ถามกลับไปด้วยความสงสัย เพราะมิอาจคาดเดาได้ว่าเหตุใดหลงเทียนจึงไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ตนฟังได้
“ท่านปู่ ท่านอยากฟังความจริง หรืออยากฟังเรื่องโกหก?” หลงเฉินเอ่ยถามออกไป
“ข้าย่อมต้องการฟังความจริง เหตุใดเจ้าจึงถามข้าเช่นนี้เล่า?” หลงเหรินถามกลับอีกครั้ง และพยายามที่จะทำความเข้าใจกับคำพูดและท่าทีของหลงเทียนผู้เป็นหลานชาย
“ฉะนั้น.. ข้าจักไม่บอกเล่าสิ่งใดให้ท่านฟังเวลานี้ เพราะสิ่งที่ข้าจักบอกเล่าออกไปล้วนมิใช่ความจริง แต่เป็นเรื่องที่ข้าแต่งขึ้นมาเองทั้งสิ้น ท่านเป็นคนในครอบครัวของข้า ข้าจึงไม่อาจโกหกท่านได้” หลงเฉินจ้องหน้าหลงเหรินแน่นิ่งในระหว่างที่กล่าว แต่ยังมิทันที่หลงเหรินจะได้เอ่ยอันใด หลงเฉินจึงกล่าวต่อทันที
“หาใช่ข้ามิไว้ใจท่านปู่ เพียงแต่มีบางเรื่องที่ข้าอยากเก็บไว้กับตนเองเท่านั้น ส่วนผู้ที่ทำร้ายข้า ข้าจักจัดการกับมันด้วยตัวข้าเอง และเมื่อเวลานั้นมาถึง ท่านปู่จักรู้เองว่ามันผู้นั้นเป็นใคร?” หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และแววมุ่งมั่น
หลงเหรินได้ฟังคำตอบเช่นนั้นของหลงเทียน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าคงมิอาจคาดคั้นหลานชายได้อีก หลงเทียนได้ตอบคำถามของเขาทุกอย่างด้วยการไม่บอกเล่าสิ่งใดเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าเขาต้องการที่จะปกปิดเป็นความลับ หลงเหรินจึงได้แต่จ้องมองหลงเทียนพร้อมกับอ้าปากกว้างด้วยความตกตะลึง
“เทียนเอ๋อ.. เหตุใดเจ้าจึงกล่าวเช่นนั้น? เจ้าบอกท่านปู่ไปเถิด ท่านปู่จะได้จัดการสะสางเรื่องราวครั้งนี้ให้กับเจ้าเอง แม่ไม่อาจทนเห็นเจ้าต้องตกอยู่ในอันตรายได้อีกแล้ว..” ซือหม่าจวี้อี๋ร้องบอกหลงเฉินด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความห่วงใยยิ่ง นางจับมือหลงเทียนไว้แน่น และหลงเฉินก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรักความอบอุ่นที่นางมอบให้
“เทียนเอ๋อ.. หากเจ้าต้องการสะสางเรื่องนี้ด้วยตนเอง ข้าก็จักไม่เค้นถามสิ่งใดกับเจ้าอีก แต่เจ้าต้องบอกให้ข้ามั่นใจว่าเจ้าจักจัดการเรื่องนี้โดยมิมีอันตรายเกิดขึ้นกับเจ้าอีกได้อย่างไร? มีสิ่งใดที่เจ้าต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่? เจ้าเองก็เพิ่งจะฟื้นคืนเป็นปกติ การจะร้องขอความช่วยเหลือจึงมิใช่เรื่องผิดวิสัยอันใด เทียนเอ๋อ.. เจ้าเองเพิ่งจะอายุสิบสองปีเท่านั้น มิจำเป็นต้องนำพาตนเองไปเผชิญกับอันตรายอะไรมากนัก..” หลงเหรินยังคงพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมหลงเทียน
“ท่านปู่.. ท่านแม่.. พวกท่านอย่าได้กังวลใจไปนักเลย ข้าย่อมจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเองได้ ข้ารับปากว่าจักมิให้ผู้ใดทำอันตรายข้าได้อีกแน่!” หลงเฉินบอกกับทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
ในที่สุดทั้งหลงเหรินและซือหม่าจวี้อี๋ก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจที่จะเกลี้ยกล่อมหลงเทียนอีก หลังจากสนทนากันต่ออีกครู่ใหญ่ หลงเหรินจึงได้กลับออกไป ในขณะเดียวกันบ่าวคนหนึ่งก็ได้ยกอาหารเข้ามาในห้องตามคำสั่งของหลงเฉิน เขาสั่งให้บ่าวไปจัดเตรียมอาหารและยกเข้ามาในนี้ เพราะได้ยินจากหลงจินว่าซือหม่าจวี้อี๋ไม่ยอมกินข้าวกินปลาเลยตั้งแต่ที่หลงเทียนหายตัวไป
หลงเฉินกินอาหารเป็นเพื่อนซือหม่าจวี้อี๋ หลังจากนั้นนางก็ยังต้องการอยู่กับบุตรชายในห้องต่ออีกสักพัก แต่หลงเฉินขอให้นางกลับไปพักผ่อนที่ห้อง เพราะหลายวันมานี้นางมิได้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่เลย
ระหว่างที่ซือหม่าจวี้อี๋เดินกลับออกไปนั้น หลงเฉินก็เริ่มสำรวจขั้นพลังบ่มเพาะของนาง เขาใคร่รู้มานานแล้วว่ามารดาของหลงเทียนนั้นมีพลังบ่มเพาะอยู่ในขั้นใดกันแน่? เวลานี้เขาเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณแล้ว จึงสามารถสำรวจขั้นพลังของอีกฝ่ายได้
แต่ทันทีที่หลงเฉินรู้ขั้นพลังบ่มเพาะของซือหม่าจวี้อี๋ เขาก็ถึงกับตกใจอย่างมาก นั่นเพราะนางเข้าสู่อาณาจักรแก่นปราณทองคำขั้นสุดซึ่งเป็นขั้นเดียวกับบิดาของหลงเทียน เมื่อครั้งที่หลงจุนเสียชีวิต เขามิเคยรู้ว่าซือหม่าจวี้อี๋จักแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
หลงเฉินปิดประตูห้องและเดินกลับไปที่เตียง เขาทิ้งกายลงนอนบนเตียง และรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวยิ่งนักหลังจากที่ต้องนอนบนพื้นแข็งมานานถึงสองคืน
หลังจากเอนกายลงนอนพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง หลงเฉินจึงลุกขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ เพราะชุดที่สวมใส่อยู่นั้นทั้งสกปรกและขาดวิ่น
หลงเฉินจัดการเรื่องส่วนตัวของตนเองเรียบร้อยแล้ว และในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจักต้องไปพบหลงซูแล้ว หลงเฉินก้าวออกจากห้องของตนเอง และมุ่งหน้าไปที่ห้องของหลงซู
ระหว่างทางที่หลงเฉินก้าวเดินไปนั้น หลายคนยังคงไม่สนใจเขาเช่นเคย เพราะคิดว่าเขายังคงเป็นเพียงแค่เด็กปัญญาอ่อนคนเดิม ส่วนบางคนที่ได้ข่าวคราวเรื่องที่เขาฟื้นคืนเป็นปกติแล้วก็พากันซุบซิบเสียงเบา
แต่แล้วจู่ๆก็มีใครบางคนวิ่งตรงเข้ามาหาเขาพร้อมกับกระซิบกระซาบเสียงเบา “นายน้อยเทียน ข้าได้ยินมาว่าเวลานี้ผู้คนในตำหนักต่างก็ร่ำลือเรื่องที่ท่านหายเป็นปกติแล้ว..”
“ข้าสาบานได้ ข้ามิได้เป็นผู้เปิดเผยเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย! ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าพวกเขาไปได้ข่าวนี้มาได้อย่างไร?” คนผู้นั้นกระซิบบอกหลงเทียนด้วยสีหน้าที่กังวลใจยิ่ง
หลงเฉินจ้องมองคนผู้นั้นพร้อมกับยิ้มออกมา เขาจำได้ดีว่าคนผู้นี้หาใช่ใครอื่นไม่ เขาคือหลงมั่นเทียนผู้ที่กลั่นแกล้งตนในวันแรกที่เขาเข้ามาสู่โลกใบนี้ อีกทั้งยังเป็นคนแรกที่เขาทำร้าย และได้รู้ว่าหลงเทียนมิได้ปัญญาอ่อนอีกแล้ว
เมื่อทราบข่าวว่าหลงเทียนกลับตระกูลหลงแล้ว เขาก็พยายามอยู่ห่างจากหลงเทียนให้มากที่สุด แต่ระหว่างที่เขาเดินเล่นอยู่นั้น กลับได้ยินข่าวลือว่าหลงเทียนหายจากอาการปัญญาอ่อนแล้ว เขาจึงรู้สึกหวาดกลัวจับจิตจับใจ
หลงมั่นเทียนเกรงว่าหากหลงเทียนได้ยินข่าวลือนี้เข้า จักเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นผู้นำความลับของเขาไปเปิดเผย และจักกลับมาเล่นงานตน ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นหลงเทียนเดินอยู่ จึงได้รีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับอธิบายให้เขาเข้าใจทันที
“ข้ารู้ว่ามิใช่ฝีมือของเจ้า เป็นข้าเองที่เปิดเผยเรื่องนี้!” หลงเฉินยิ้มให้ขณะที่บอกกับหลงมั่นเทียน
“แต่.. แล้วเหตุใดท่านจึงห้ามมิให้ข้าเปิดเผยเรื่องนี้ให้ผู้อื่นรู้เล่า?” หลงมั่นเทียนเอ่ยถามด้วยความงุนงงสงสัย เพราะคิดว่าหลงเทียนต้องการปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับ จึงได้ข่มขู่มิให้เขาเปิดเผยเรื่องนี้ต่อผู้ใด
“เรื่องนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้..” หลงเฉินตอบกลับไปทันทีในขณะที่เท้าก็ก้าวเดินตรงไปที่เรือนพักของหลงซู หลงมั่นเทียนจึงได้แต่ยืนมองหลงเทียนเดินจากไปด้วยสีหน้างุนงง
หลงเฉินเดินไปอีกครู่ใหญ่ในที่สุดก็ถึงเรือนพักของหลงซู เขาตรงเข้าไปเคาะประตูห้อง ผ่านไปครู่หนึ่ง ใครบางคนจึงเดินออกมาเปิดประตู
บ่าวคนสนิทของหลงซูเดินมาเปิดประตู และทันทีที่เห็นว่าเป็นผู้ใดยืนอยู่ สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นตกตะลึงขึ้นมาทันที
หลงเฉินยิ้มให้กับบ่าวคนสนิทของหลงซูที่เดินมาเปิดประตู และคนผู้นี้จะเป็นคนที่เขาจักต้องจัดการต่อจากหลงซู
รอยยิ้มของหลงเทียนนั้น ในสายตาของบ่าวรับใช้ผู้นี้ประหนึ่งหนึ่งรอยยิ้มของปีศาจ เพราะเขาคือผู้ที่นำชาผสมยานอนหลับมาให้หลงเทียนดื่มตามคำสั่งของหลงซูนั่นเอง
หลงเฉินเอื้อมมือออกไปบีบคอบ่าวคนสนิทของหลงซูไว้ พร้อมกับลากเข้าไปในห้อง ก่อนจะปิดประตูลง..