ตอนที่ 30 ค่ายกล
หลงเฉินเดินไปตามทางมุ่งหน้าสู่ชั้นสองของโถงสมบัติทันที โดยมีอาวุโสหยางเดินตามไปไม่ห่าง ไม่นานนัก หลงเฉินก็มาถึงปราการทดสอบพลัง
หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินตรงเข้าไป แต่เขากลับสามารถผ่านปราการนี้ไปได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่ามิได้ผ่านการทดสอบใดเลยแม้แต่น้อย..
แต่ถึงอย่างนั้นหลงเฉินก็รู้ว่าการที่ตนสามารถผ่านปราการนี้มาได้อย่างง่ายดายนั้น เป็นเพราะเขาได้เข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นห้าจริงๆแล้วนั่นเอง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้
อาวุโสหยางถึงกับยืนนิ่งด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นหลงเทียนสามารถผ่านปราการนี้ไปได้ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าหลงเทียนจักสามารถผ่านไปได้ง่ายดายเช่นนี้
อาวุโสหยางเฝ้าครุ่นคิดหาเหตุผลที่หลงเทียนสามารถผ่านปราการนี้ไปได้โดยง่าย และเขาก็สันนิษฐานได้เพียงแค่สองข้อเท่านั้นคือ หนึ่ง.. หลงเทียนจักต้องมีเครื่องรางที่ช่วยให้เขาผ่านปราการนี้ไปได้อย่างง่ายดาย หรือพูดง่ายๆก็คือเขาโกงนั่นเอง และสอง.. หลงเทียนได้เข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นห้าภายในเวลาเพียงแค่สองวันจริงๆ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาวุโสหยางจึงมิอาจห้ามปรามไม่ให้หลงเทียนเข้าสู่การทดสอบได้ อีกทั้งยังมิกล้าขอตรวจตามร่างกายของหลงเทียนด้วย นั่นเพราะหากตรวจไม่พบเครื่องรางที่เขาสงสัย หลงเหรินซึ่งเป็นประมุขตระกูลหลงคงต้องไม่พอใจเขาเป็นแน่ ที่กล้าสงสัยคลางแคลงใจในตัวหลงเทียนเช่นนี้
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าผ่านปราการมาได้แล้ว ก็จงตามข้ามา..”
อาวุโสหยางหยุดครุ่นคิดเล็กน้อย ในเมื่อหลงเทียนสามารถผ่านปราการมาได้แล้ว เขาจึงมีหน้าที่ต้องพาหลงเทียนเข้าสู่ห้องทดสอบต่อไป อาวุโสหยางพาหลงเทียนเดินไปตามทางที่คุ้นเคย..
หลงเฉินเดินตามอาวุโสหยางไปพร้อมกับหันมองไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น นั่นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ขึ้นมาบนชั้นสองนี้ ระหว่างทางที่เดินไปนั้น หลงเฉินได้เห็นอาวุธระดับวิญญาณต่ำวางเรียงรายอยู่ตามชั้นต่างๆมากมาย
“อาวุโสหยาง เหตุใดข้าจึงเห็นแต่อาวุธระดับวิญญาณขั้นต่ำเล่า มิมีอาวุธระดับวิญญาณขั้นสูงกว่านี้หรอกรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามอาวุโสหยางด้วยความสงสัย
“ฮ่าๆๆๆ ย่อมต้องมีแน่! เพียงแต่อาวุธที่แข็งแกร่งกว่านี้จักถูกแยกเก็บไว้ในสถานที่จำเพาะ เช่นเดียวกับองค์จักรพรรดิที่มิอาจอยู่เรือนชานปะปนกับสามัญชนได้ อาวุธที่แข็งแกร่งกว่านี้ล้วนถูกจัดเก็บไว้เฉพาะที่ หากวันนี้เจ้าสามารถสำแดงความสามารถของตนออกมาได้ดี ก็จักได้พบเห็นอาวุธเหล่านั้น..” อาวุโสหยางหัวเราะออกมาพร้อมกับพาหลงเทียนเดินต่อไปข้างหน้า
หลังจากเดินไปอีกครู่ใหญ่ ทั้งคู่ก็ได้มาถึงห้องซึ่งมีประตูสีดำแข็งแรงปิดไว้อย่างแน่นหนา..
“นี่คือห้องที่เจ้าจักต้องเข้าไปทดสอบ แม้จักเป็นการทดสอบพื้นๆ แต่การทดสอบในครั้งนี้ ย่อมแตกต่างจากเมื่อครั้งที่เจ้าเข้าทดสอบในชั้นที่หนึ่งของโถงสมบัติแห่งนี้เพื่อเลือกอาวุธชิ้นแรก” อาวุโสหยางบอกกับหลงเทียน
“คราแรกที่เจ้าเข้าทดสอบนั้น เป็นเพียงการทดสอบพรสวรรค์ของเจ้า ผลปรากฏว่าเจ้าอยู่ในระดับผู้ที่มีพรสวรรค์สูงสุด ครั้งนั้นเจ้าได้พิสูจน์แล้วว่าเจ้าคือผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านวรยุทธบ่มเพาะตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ครั้งนี้จะเป็นการทดสอบความแข็งแกร่งและศักยภาพของเจ้าล้วนๆ” ยังมิทันที่หลงเฉินจักเอ่ยถามสิ่งใด อาวุโสหยางก็บอกกล่าวแก่เขาจนหมดสิ้น
“ท่านลุงหยาง ไม่ทราบว่าท่านพอจะบอกกล่าวให้ข้ารู้มากกว่านี้หน่อยจะได้หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามอย่างมีมารยาท
“ย่อมได้เทียนเอ๋อ.. ในเมื่อเจ้ามุ่งมั่นตั้งใจที่เข้าทดสอบในด่านนี้ให้ได้ ข้าก็จะบอกให้เจ้าฟัง แม้ว่าการทดสอบในด่านนี้จักเป็นการทดสอบพื้นๆ แต่ก็นับว่ายากพอควร ภายในห้องนี้มีค่ายกลอยู่ด้านใน ทันทีที่เจ้าก้าวเท้าเข้าไปในห้อง ค่ายกลก็จะเริ่มทำงาน และการทดสอบในด่านนี้ก็เป็นอันเริ่มต้นขึ้น..”
“เจ้าจักต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรทั้งห้าแบบหนึ่งต่อหนึ่ง เริ่มจาก เจ้าต้องสัประยุทธ์กับคู่ต่อสู้ในระดับพลังเทียบเท่ากับเจ้า ส่วนรอบสัตว์อสูรทั้งห้า ระดับพลังของพวกมันจะบวกขึ้นอีกห้าระดับย่อยขึ้นไป ดังนั้นแล้วสัตว์อสูรทั้งห้าที่เจ้าต้องเผชิญล้วนมีระดับพลังสูงกว่าเจ้าทั้งหมด”
ผู้อาวุโสหยางกล่าวอธิบายให้หลงเฉินฟังด้วยสีหน้าจริงจัง
“หากข้าอยู่ในอาณาจักรผสานวิญญาณระดับห้า สัตว์อสูรเหล่านั้นที่ข้าต้องสัประยุทธ์ด้วยก็จะอยู่ในอาณาจักรผสานวิญญาณระดับสิบ? ข้าจักต้องเอาชนะพวกมันให้ได้หมดเพื่อที่จะผลักดันคะแนนให้สูงที่สุด? หากข้าอยู่ในอาณาจักรผสานวิญญาณระดับแปด สิ่งที่ข้าต้องเผชิญพบจะมิใช่สัตว์อสูรอาณาจักรแก่นปราณทองคำระดับสามเลยงั้นรึ?”
หลงเฉินเอ่ยถามเจือสีหน้าตื่นตระหนกตกใจยิ่ง..
“นั้นก็ต่อเมื่อเจ้าผ่านการทดสอบไปเสียก่อน เจ้าไม่จำเป็นต้องเอาชนะสัตว์อสูรทั้งห้า เพื่อรับยุทธ์ภัณฑ์วิญญาณ เพียงว่ายิ่งฝ่าเข้าสู่รอบลึกเท่าไหร่ ยุทธภัณฑ์วิญญาณที่เจ้าได้ก็จะมีระดับขั้นสูงขึ้นเท่านั้น”
“ไม่ทราบว่าเวลานี้ระดับที่มีคนสามารถทำได้สูงสุดนั้นอยู่ที่ระดับใด?” หลงเฉินเอ่ยถามหลงหยาง แววตาของเขาเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ในบรรดารุ่นของเจ้า อันดับสูงสุดคือบุตรชายของผู้อาวุโสสูงสุด หลงซู เขาสามารถเอาชนะสัตว์อสูรได้สองตัว ขณะทึ่ตอนนั้นเขามีพลังอยู่ที่อาณาจักรผสานวิญญาณระดับหก”
“นั้นก็ต่อเมื่อเจ้าผ่านการทดสอบไปเสียก่อน เจ้าไม่จำเป็นต้องพิชิตสัตว์อสูรทั้งห้าให้ครบถึงจะได้รับยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณ เพียงว่ายิ่งเจ้าผ่านรอบเข้าได้ลึกเท่าไหร่ ยุทธภัณฑ์ที่เจ้าได้จะยิ่งมีมีระดับขั้นสูงขึ้นเท่านั้น”
“เจ้าเองย่อมต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าสัตว์อสูรนั้นล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ที่มีพลังบ่มเพาะในขั้นเดียวกับมัน จนกระทั่งเวลานี้ ทายาทในรุ่นเดียวกับเจ้ายังมิมีผู้ใดสามารถผ่านการทดสอบในระดับสามไปได้เลย แต่ในรุ่นก่อนเจ้านั้นก็มี…”
อาวุโสหยางหยุดนิ่งไปเล็กน้อยพร้อมกับหันไปจ้องมองหลงเทียนอยู่ ก่อนจะกล่าวต่อว่า..
“ในรุ่นก่อนหน้าเจ้าก็มีเพียงหลงจุนบิดาของเจ้าเท่านั้นล่ะ ที่สามารถผ่านการทดสอบระดับสามไปได้เมื่อครั้งที่อยู่ในอาณาจักรผสานวิญญาณ แต่แล้วก็ติดค้างอยู่ในระดับที่สี่อยู่นาน และมิสามารถผ่านไปได้เสียที..”
“โอ้โห ท่านพ่อของข้าเก่งกาจน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้เชียวรึ? เอาล่ะ ข้าอยากจะรีบเข้ารับการทดสอบแล้ว ดูสิว่าข้าจักทำได้ดีเพียงใด?” หลงเฉินร้องบอกพร้อมกับก้าวเท้าจะเดินผ่านเข้าประตูไป
แต่ทันทีที่หลงเฉินกำลังจะเอื้อมมือเปิดประตูเข้าไปนั้น อาวุโสหยางก็ห้ามเขาไว้ และพูดต่อว่า
“ประเดี๋ยวก่อน.. ข้ายังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องบอกเจ้า ทันทีที่เจ้าจบการทดสอบ หากเจ้าผ่านเข้าสู่การทดสอบระดับสองหรือเหนือกว่านั้น แต่ปรากฏว่าพ่ายแพ้มิสามารถผ่านไปได้ ค่ายกลก็จะหยุดทำงานทันที และประตูทางด้านขวาของห้องก็จะเปิดออก”
“ประตูนั่นจะนำเจ้าไปสู่ห้องเก็บอาวุธที่เหมาะสมกับความสามารถของเจ้า ขอให้เจ้าโชคดี!”
จากนั้น หลงเฉินจึงเปิดประตูและก้าวเท้าเข้าไปด้านในทันที เหนือประตูสีดำมีผลึกใสอยู่ทั้งหมดห้าก้อน เมื่อหลงเฉินก้าวเท้าเข้าไปภายในห้อง ผลึกใสก้อนแรกก็เปล่งแสงสีเหลืองสุกสว่างขึ้นมาทันที อาวุโสหยางรู้ได้ทันทีว่า การทดสอบได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมเพื่อรอดูผลการทดสอบของหลงเทียน..
ทันทีที่หลงเฉินก้าวเท้าเข้าไปภายในห้อง เขาก็เห็นค่ายกลที่พื้นเบื้องล่างเริ่มส่องประกายแสงสว่างเจิดจ้า ห้องทั้งห้องสว่างวาบขึ้นมาทันที จากนั้นหลงเฉินก็พบว่าตนเองกำลังยืนอยู่ในทุ่งกว้างใหญ่
หลงเฉินรู้ได้ทันทีว่า การทดสอบได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!