ตอนที่ 44 สมบัติใต้สระ
“เจ้าจะไปไหนงั้นรึ?” หลงเฉินจ้องมองจือเหลียงพร้อมกับร้องตะโกนถาม
“อะ.. เอ่อ.. นายน้อยเทียน ข้ากับท่านมิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เหตุใดพวกเราจึงต้องมาสู้กันด้วยเล่า? ความจริงข้าเองก็มิได้สนิทสนมกับหลงซูนัก มิหนำซ้ำยังเกลียดมันมากด้วย ไม่เหมือนกับท่าน.. ข้าชื่นชอบท่านยิ่งนัก ชื่นชอบราวกับเป็นน้องชายแท้ๆของข้าเองเลยทีเดียว จากนี้ไปข้าขอเรียกท่านว่าน้องเทียนจักได้หรือไม่?” จือเหลียงระล่ำระลักบอก
“เจ้าชื่นชอบข้าราวกับน้องชายแท้ๆงั้นรึ? เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่า ข้าเพิ่งจะสังหารพี่ชายในตระกูลเในตระกูลของข้าไป?” หลงเฉินยิ้มออกมา ในขณะที่คำพูดของเขาทำให้จือเหลียงถึงกับหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
จือเหลียงก้าวถอยหลังทันทีเมื่อได้ยินหลงเฉินกล่าววาจาเช่นนั้น..
“นะ.. น้อง.. เอ่อไม่ใช่.. นายน้อยเทียน ข้าเองก็มิเคยล่วงเกินท่าน และมิเคยแม้แต่คิดที่จะทำเช่นนั้นเลย ข้ารับปากกับท่านจะไม่บอกผู้ใดว่า ท่านเป็นคนสังหารหลงซูและคนอื่นๆที่นี่ แต่หากมีผู้ใดไต่ถาม ข้าจักบอกว่าพวกเขาตายในระหว่างต่อสู้กับสัตว์อสูร ได้โปรดเถิดนะนายน้อยเทียน อย่าฆ่าข้าเลย ได้โปรด!!!” จือเหลียงหวาดกลัวจนต้องคุกเข่าลงร้องขอความเมตตา
“เจ้าจักพูดเรื่องความตายของหลงซูกับสหายของมันเช่นใด เกี่ยวอะไรกับข้าด้วยเล่า? ในเมื่อนับตั้งแต่ที่ข้าเข้ามาในป่าแห่งนี้ ข้ายังมิเคยพบพวกมันทั้งสามคนเลย อ่อ..รวมทั้งเจ้าด้วย ฉะนั้นแล้วพวกมันจะตายเยี่ยงใดหาเกี่ยวอันใดกับข้าไม่..” หลงเฉินตอบกลับยิ้มๆ
“ไหนเจ้าลองบอกเหตุผลข้ามาสักหนึ่งข้อ.. เหตุใดข้าจึงมิควรสังหารเจ้า?” หลงเฉินเดินเข้าไปหาจือเหลียงพร้อมกับเอ่ยถามเสียงเบา
“อะ.. เอ่อ.. แม้ตระกูลของข้าจะมิได้สูงส่งดังเช่นตระกูลหลงของท่าน แต่ก็นับเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงไม่น้อยเช่นกัน มิหนำซ้ำข้ายังเป็นบุตรชายของประมุขตระกูลด้วย ขะ.. ข้ามีของกำนัลจะมอบให้นายน้อยเทียน พะ..เพื่อเป็นการเชื่อมมิตรภาพของพวกเราสองคนด้วย” จือเหลียงรีบตอบกลับทันที
“งั้นรึ? น่าสนใจดีนี่ ว่าแต่มันคือสิ่งใดกัน?” หลงเฉินเอ่ยถามจือเหลียงในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเขา
ก่อนหน้านี้หลงเฉินรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมากกับท่าทีของหลงเฉิน แต่เมื่อได้ยินเขาเอ่ยถามมาเช่นนี้ จือเหลียงจึงเริ่มมีความหวังที่จะรอดชีวิตขึ้นมาบ้าง แม้จะริบหรี่ก็ตาม
‘เจ้าปีศาจนี่ดูเหมือนจะชื่นชอบสมบัติไม่น้อย หากข้าสามารถเอาชีวิตรอดจากที่นี่ไปได้ อย่าว่าแต่สมบัติไม่กี่ชิ้นที่นำติดตัวมาด้วยเลย ข้ายินดีที่จะยกให้มันทั้งหมดเพื่อรักษาชีวิตตนเองไว้’ จือเหลียงครุ่นคิดอยู่ในใจ
“นายน้อยเทียน.. สิ่งนี้เรียกว่า ‘สร้อยพิทักษ์มาร’ ว่ากันว่าสร้อยเส้นนี้จักสามารถลดความไม่เสถียรระหว่างบ่มเพาะพลังลงได้เนื่องด้วยพลังปีศาจที่เร้นแฝงภายในกาย สิ่งนี้มีประโยชน์ต่อผู้บ่มเพาะพลังจนถึงอาณาจักรจุติพิภพยิ่งนัก
“สร้อยเส้นนี้ท่านพ่อมอบให้กับข้าในวันที่เริ่มฝึกวรยุทธบ่มเพาะ แม้จะเป็นสมบัติระดับวิญญาณขั้นต่ำ แต่ก็มีประโยชน์อย่างมากทีเดียว”
จือเหลียงระล่ำระลักบอกพร้อมกับรีบถอดสร้อยในคอของตนมอบให้กับหลงเฉินทันที..
สร้อยคอเส้นนี้มีลักษณะเป็นผลึกสีเขียวใส และถูกนำมาร้อยต่อกันด้วยสร้อยทองอีกที..
“งดงามมากเลยทีเดียว! ข้าชื่นชอบยิ่งนัก เจ้ายังมีสิ่งใดอีกหรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามในขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่สร้อยพิทักษ์มาร
“เอ่อ.. มีๆๆ ข้ายังมีดาบอีกเล่ม นี่คือดาบล่าวายุ เพียงแต่บนตัวดาบจะมีรอยร้าวที่เพิ่งเกิดขึ้นจากฝีมือของท่านเมื่อครู่ แต่ดาบนี้เป็นเพียงแค่อาวุธระดับวิญญาณขั้นต่ำเท่านั้น ช่างตีดาบทั่วๆไปน่าจะสามารถซ่อมแซมได้” จือเหลียงร้องบอกพร้อมกับมอบดาบล่าวายุที่มีรอยร้าวในมือให้กับหลงเฉินอีกเช่นกัน
‘ให้ตายเถิด!! เมื่อครู่ข้าไม่น่ารุนแรงเลย ไม่เช่นนั้นดาบล่าวายุคงจักมิแตกร้าวเสียหายเช่นนี้ แต่ถึงแม้จักเสียหายบ้าง แต่ก็ดีกว่ามิได้สิ่งใดเลย’ หลงเฉินได้แต่นึกเสียดายในระหว่างที่จ้องมองดาบล่าวายุในมือ
“นายน้อยเทียน นั่นเป็นสมบัติทั้งหมดที่ข้ามีในเวลานี้ หวังว่านั่นจักเพียงพอที่จะทำให้ท่านรับรู้ได้ถึงความจริงใจของข้า?” จือเหลียงเอ่ยขึ้นหลังจากที่ได้มอบสมบัติทั้งหมดที่ตนนำติดตัวมาให้กับหลงเฉินไปแล้ว
“อืมม.. สมบัติเหล่านี้นี้ค่อนข้างดีทีเดียว” หลงเฉินตอบพร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาของจือเหลียง
“แต่นั่นยังไม่เพียงพอต่อความเสี่ยงที่ข้าจักไว้ชีวิตเจ้า..” หลงเฉินพุ่งเข้าไปใกล้ร่างของจือเหลียง พร้อมกับปลายดาบที่ทิ่มแทงเข้าไปในลำคอของเขาจนล้มกองกับพื้น
“จะ.. เจ้า..” จือเหลียงพูดได้เพียงแค่นั้นก็สำลักโลหิต ดูเหมือนเขาพยายามที่จะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ก็สิ้นใจไปก่อนที่จะทันได้เอ่ยมันออกมา เพราะหลงเฉินแทงดาบเข้าไปที่ขั้วหัวใจของเขาซ้ำอีกครั้ง
“ข้าเสียใจด้วย นี่เป็นทางเลือกเดียวที่ข้าจักมอบให้เจ้าได้!” หลงเฉินร้องบอกพร้อมกับจ้องมองร่างไร้วิญญาณของจือเหลียง
หลังจากนั้น หลงเฉินก็จัดการฝังร่างของพวกมันทั้งหมด และเก็บสิ่งของทั้งหมดของคนเหล่านั้นเข้าไปไว้ในแหวนบรรจุของตน
“แผนที่ขุมสมบัติเช่นนี้ น่าสงสัยว่าพวกมันไปได้มาจากที่ใด? ดูเหมือนแผนที่นี้จะนำพามาที่สระแห่งนี้จริงด้วยสิ..” หลงเฉินพึมพำกับตนเองพร้อมกับจ้องมองไปยังสระน้ำด้านหน้า
…..
‘ซากศพที่ข้าพบเจอมาทั้งสองครั้ง ล้วนแล้วแต่บ่งบอกว่าเป็นฝีมือของคนคนเดียวกัน แต่ครั้งนี้กลุ่มผู้ตายดูเหมือนจะเป็นคนจากตระกูลร่ำรวย และหากสังเกตจากอาภรณ์ที่พวกเขาสวมใส่ ล้วนบ่งบอกว่ามาจากตระกูลฝูซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่แห่งแดนอุดร..’ องค์ชายเย่วหรวนจ้องมองร่างไร้วิญญาณที่นอนเกลื่อนกราดอยู่เต็มพื้น พร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย
“เหตุใดจึงได้เหี้ยมโหดเช่นนี้!” องค์หญิงเย่วเฟยอดรดนทนไม่ได้จนต้องเอ่ยออกมา
“ดูท่าเราสองคนคงจะกำลังเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกันกับคนผู้นี้เป็นแน่ ไม่แน่ว่าหากเดินทางต่อไปอีกสักพัก พวกเราสองคนอาจพบเจอคนผู้นั้นก็เป็นได้..”
องค์ชายเย่วหรวนพึมพำเสียงเบา ในขณะที่แววตาของเขากลับเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง..
……
ระหว่างนั้น หลงเฉินก็กำลังดำหาสมบัติอยู่ในสระน้ำ..
‘น่าแปลก ข้าใช้สัมผัสเทวะได้เมื่ออยู่ด้านนอก แต่ภายในสระแห่งนี้กลับไม่สามารถใช้ได้ แต่กลับสามารถมองเห็นใต้น้ำได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่าแทน ’
หลงเฉินครุ่นคิดในระหว่างที่ดำดิ่งลงไปใต้สระ และในที่สุดเขาก็เห็นวัตถุบางอย่างวางนอนอยู่ที่ก้นสระ จึงรีบดำลงไปคว้าของสิ่งนั้นขึ้นมาทันที จากนั้นจึงว่ายกลับขึ้นฝั่งไป
‘หน้ากากนี่มีอะไรพิเศษอย่างนั้นรึ?! แม้แต่สัมผัสเทวะของข้ายังสัมผัสสิ่งใดมิได้เลย..’ หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจ ในขณะที่เพ่งพินิศดูหน้ากากที่ตนเพิ่งนำขึ้นมาจาก้นสระอย่างละเอียด
หน้ากากนี้ทำจากทองคำทั้งอัน พื้นผิวมันปรากฏแสงสว่างวูบวาบคล้ายอสุนีบาตสีฟ้าวูบวาบอยู่ตลอดเวลา และแสงสว่างคล้ายสายฟ้านี้ก็จักเคลื่อนที่เปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ ทำให้หน้ากากนี้ยิ่งดูลึกลับมากขึ้น หลงเฉินมิอาจต้านทานความอยากรู้อยากเห็นภายในใจของตนได้ จึงยกหน้ากากขึ้นสวมใส่ที่ใบหน้าของตนทันที..
“ห๊ะ.. นี่มันอะไรกัน?” ทันทีที่สวมหน้ากากลงไป หลงเฉินถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ!