ตอนที่ 52 สู้กับสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่
“เพลงดาบยอดเซียนเจ็ดกระบวน วิถีที่สอง – คลื่นสังหาร!“
หลงเฉินฟันดาบในมือของตนเองฝ่าห้วงอากาศออกไปในทันที และพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้พวยพุ่งออกจากดาบราชัน ตรงไปยังทิศทางเบื้องหน้าที่เทอร่ายืนอยู่ เขาสัมผัสได้ถึงรัศมีพลังอันน่ากลัวที่กำลังพุ่งตรงออกมาดาบเล่มนั้น
เทอร่าเห็นรัศมีพลังพุ่งจู่โจมเข้าใส่ตนเองอย่างรวดเร็วเช่นนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าตนเองคงมิอาจหลบหลีกได้ทันเวลาเป็นแน่ จึงได้แต่ยกหอกในมือขึ้นสะกัดกั้นไว้ต่างโล่ แต่ทันทีที่กระทบกับพลังของดาบราชัน หอกของเขาก็หักสะบั้นอย่างง่ายดาย และพลังจู่โจมนั้นก็ยังคงพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของเทอร่าต่อไปอย่างมิหยุดยั้ง
ในขณะสุดท้ายที่พลังโจมตีนั้นจวนเจียนจะกระแทกเข้าใส่ร่างของเทอร่า เขาก็ได้ยกหอกที่เหลือเพียงครึ่งท่อนขึ้นสะกัดกั้นไว้ แต่ร่างของเขากลับลอยละลิ่วออกไปพร้อมกับหอกในมือ ก่อนจะร่วงลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง จนผืนดินบริเวณนั้นได้กลายเป็นหลุมเล็กๆ
“จากการต่อสู้ครั้งนี้.. ข้าพอจะคาดเดาได้ว่าพลังบ่มเพาะของเขาดูเหมือนจักด้อยกว่าผู้ฝึกยุทธอาณาจักรผสานวิญญาณขั้นสาม หรือสี่เสียอีก นี่ข้าเพียงหยิบใช้เพลงดาบยอดเซียนเจ็ดกระบวน วิถีที่สอง – คลื่นสังหารเท่านั้น หากข้าเรียกใช้วิถีที่สี่คงสามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดายเป็นแน่” หลงเฉินพึมพำกับตัวเองก่อนจะบินร่อนลงบนผืนดินดังเดิม
ทันทีที่เท้าของหลงเฉินสัมผัสกับพื้น ปีกงดงามทั้งสองข้างก็ได้อันตธานตายไปในพริบตา จากนั้นจึงย่างเท้าเดินตรงเข้าไปหาเทอร่าที่ลอยกระเด็นออกไปไกล และเมื่อไปถึงหลงเฉินก็เห็นเทอร่ากำลังดิ้นขลุกขลักพยายามปีนขึ้นจากหลุมเล็กๆนั้น
“เจ้ามิได้รับบาดเจ็บอันใดใช่หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามในทันที
“ข้ามิได้รับบาดเจ็บอันใด ขอบคุณที่ปราณียั้งมือ..” เทอร่ารีบโน้มศรีษะลงพร้อมกับเอ่ยขอบคุณหลงเฉินทันที
‘แต่ดูเหมือนร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งไม่น้อยทีเดียว แม้จะกระเด็นลอยละลิ่วร่วงลงกระแทกกับพื้นรุนแรงไม่เบา แต่ร่างกายกลับมีบาดแผลเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น’ หลงเฉินครุ่นคิดในขณะที่เพ่งพินิจสำรวจร่างกายของเทอร่าอย่างละเอียด
“เจ้ารู้ได้เช่นใดว่าข้ายั้งมือให้กับเจ้า?” หลงเฉินเอ่ยถามออกไปพร้อมกับยิ้มให้เทอร่า
“หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของท่าน ข้าก็มั่นใจว่าท่านสามารถสังหารข้าได้อย่างง่ายดายหากต้องการ อีกทั้งเป็นข้าที่เอ่ยปากท้าทายท่านก่อน แต่ท่านกลับยั้งมือทำให้ข้าบาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ข้าเชื่อว่าเมื่อครู่ยังมิใช่พลังทั้งหมดที่แท้จริงของท่าน..” เทอร่าร้องบอกหลงเฉินในขณะที่มือทั้งสองข้างก็ปัดฝุ่นที่เปื้อนตามร่างกายออกไป
“ข้าเชื่อว่าท่านคงจะเพียงแค่เล่นสนุกกับข้าเหมือนที่กล่าวไว้ตั้งแต่ต้นเท่านั้น หาไม่แล้ว.. หากท่านใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดจู่โจมใส่ข้าตั้งแต่คราแรก ท่านคงจักสามารถสังหารข้าได้เพียงการขยับแค่ครั้งเดียวเป็นแน่ แต่ดูเหมือนท่านมิได้ตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น” เทอร่ายังคงกล่าวกับหลงเฉินต่อพร้อมกับจ้องมองเขากลับไปเช่นกัน
“เยี่ยมมาก! เจ้าวิเคราะห์ได้ถูกต้องแม่นยำนัก ว่าแต่ตอนนี้เจ้าเชื่อแล้วหรือไม่ว่าข้าคือมนุษย์จริงๆ?” หลงเฉินเอ่ยถาม
“ข้าเชื่ออย่างไร้ข้อกังขาแล้วว่าท่านคือมนุษย์ในตำนานจริงๆ!” เทอร่าร้องบอกหลงเฉินพร้อมกับมองหาหอกของตนที่ตกอยู่กับพื้น และรีบเดินไปหยิบกลับคืนมาในทันที
“นี่เทอร่า.. เจ้าเลิกกล่าวคำว่ามนุษย์ในตำนานเสียทีจะได้หรือไม่? ว่าแต่เผ่าของเจ้าคงจะอยู่ในบริเวณใกล้ๆนี้สินะ? เมื่อครู่เจ้าบอกกับข้าว่าในตำราของพวกเจ้านั้นเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ไว้ ข้าอยากรู้ว่าเวลานี้ตำราเล่มนั้นยังอยู่ที่เผ่าของเจ้าหรือไม่? หากยังอยู่.. เจ้าช่วยพาข้าไปที่เผ่าของเจ้าที ข้าต้องการเห็นตำราเล่มนั้น” หลงเฉินเอ่ยถามเทอร่า
“ย่อมได้แน่นอน! ข้าว่าชนในเผ่าคงต้องตื่นเต้นตกใจอย่างที่สุด หากได้เห็นว่าข้า – เทอร่าพามนุษย์ในตำนานกลับมาพร้อมกับข้าด้วย!” เทอร่าตอบหลงเฉินกลับไปพร้อมกับยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ
“เอาล่ะ.. ถ้าเช่นนั้นก็ไปกันได้แล้ว!” หลงเฉินร้องบอก
เทอร่าถือหอกไว้ในมือ และเดินตรงไปยังกระสอบที่เขาวางไว้ก่อนหน้า หลังจากยกมันขึ้นไว้บนบ่าแล้ว เทอร่าก็ออกเดินทันทีพร้อมกับหันไปพยักเพยิดให้หลงเฉินเดินตามตนเองไปด้วย
“พวกเจ้ารู้ได้เช่นใดว่าต้องเดินทางไปในทิศทางใด? ในเมื่อที่นี่มีแต่ทะเลทรายเวิ้งว้าง มิมีทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ให้พอคาดเดาทิศทางได้” หลงเฉินเอ่ยถามออกไปในขณะที่หันมองไปรอบตัวที่ดูเหมือนกันไปหมด
“อะไรคือดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์งั้นรึ? ที่นี่พวกเราใช้วัตถุบอกทิศทาง และทุกคนที่นี่ก็ล้วนแล้วแต่มีของสิ่งนี้ติดตัวกันทุกคน มิมีผู้ใดไม่ใช่วัตถุบอกทิศทาง..” เทอร่าร้องตอบหลงเฉิน พร้อมกับล้วงเอาวัตถุบอกทิศทางที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายเข็มทิศออกมาให้หลงเฉินดู
‘น่าสนใจทีเดียว! แม้มันจักดูคล้ายกับเข็มทิศหยาบๆ แต่ก็มีวัตถุประสงค์เดียวกันกับเข็มทิศที่ใช้บนโลกก่อนหน้าของข้า เพียงแต่อาจมีหลักการในการสร้างที่แตกต่างออกไป ช่างน่าสนใจยิ่งนัก!!” หลงเฉินครุ่นคิดพร้อมกับเริ่มรู้สึกสนุกขึ้นมาไม่น้อย
“อ่อ.. เมื่อครู่ที่เจ้าใช้รากไม้โจมตีข้านั้น จู่ๆต้นไม้พวกนั้นมาจากใดกันรึ? เจ้าทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? หรือนี่เป็นวิชาเฉพาะของทุกคนในเผ่าของเจ้ากันแน่?” หลงเฉินยื่นเข็มทิศคืนให้เทอร่าพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“มิใช่เช่นนั้น.. หาใช่ทุกคนในเผ่าของข้าจักทำได้ ชนในเผ่าหาได้มีความสามารถเช่นนี้ติดตัวมาแต่กำเนิดไม่ ที่พวกเราสามารถทำเช่นนั้นก็ได้เพราะวัตถุลึกลับจากบรรพบุรุษที่ทิ้งไว้ให้ หากได้เข้าใกล้และเรียนรู้กับวัตถุลึกลับนี้สักระยะหนึ่ง ก็จักสามารถบรรลุและคลายสิ่งสะกัดกั้นภายใน ทำให้เกิดความสามารถในการควบคุมการเพาะปลูกได้ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่ได้ศึกษาเรียนรู้กับวัตถุลึกลับจักสามารถประสบความสำเร็จเช่นนี้ทุกคน..” เทอร่าตอบให้หลงเฉินหายข้องใจ
“มันยากนักที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดให้เข้าใจได้ ไว้ไปถึงเผ่าเมื่อใด ข้าจักแสดงให้ท่านดู ท่านจักได้เข้าใจมากขึ้น” เทอร่าตอบกลับพร้อมกับเหลือบมองไปทางหลงเฉิน
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าช่วยเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่า เหตุใดมนุษย์เช่นข้าจึงได้กลายเป็นตำนานที่มีอยู่เพียงแค่ในตำราไปแล้ว?” หลงเฉินเอ่ยถามออกไป
“อ่อ.. ตำนานเรื่องมนุษย์ได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเรา หรือบางทีอาจจะเกือบทุกเผ่าในที่แห่งนี้ก็เป็นได้ มันเป็นตำนานที่มนุษย์ได้ปกป้องเผ่าของเรา และเผ่าอื่นอีกมากมายบนโลกใบนี้จากการถูกทำลายล้าง เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่โลกใบนี้เคยมีมา ครั้งหนึ่งเมื่อถูกไตร่ถามมากเข้า เขาจึงได้บอกกับหัวเผ่าหลายๆเผ่าว่าเขาคือ ‘มนุษย์’..” เทอร่าเล่าให้หลงเฉินฟังเพียงแค่สั้นๆ
“แต่นั่นเป็นเรื่องของมนุษย์เพียงแค่คนเดียวมิใช่รึ? แล้วมนุษย์คนอื่นๆเล่า?” หลงเฉินถามต่อ
“ยังมิเคยมีมนุษย์ผู้อื่นปรากฏขึ้นก่อนหน้าและหลังเขาผู้นี้.. หรือจนกระทั่งวันนี้.. ที่ท่านปรากฏตัว” เทอร่าตอบกลับหลงเฉิน
‘ข้าพอจะนึกออกแล้วว่ามนุษย์ที่เทอร่าพูดถึงนั้นคือผู้ใด?’ หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจ และกำลังนึกถึงชายหนุ่มผมสีแดงขึ้นมาทันที
“มนุษย์ผู้นั้นช่วยพวกเจ้าไว้อย่างไรบ้าง?” หลงเฉินถามต่อ
“ข้าว่าผู้เฒ่าประจำเผ่าน่าจะอธิบายเรื่องนี้ให้ท่านฟังได้ดีกว่าข้า อีกไม่นานพวกเราก็ใกล้จะถึงแล้วล่ะ..” เทอร่าร้องบอกพร้อมกับก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป
หลังจากเดินต่อไปได้ครู่ใหญ่ หลงเฉินก็สังเกตเห็นว่าบริเวณนี้เริ่มมีร่องรอยของพรรณไม้ปรากฏขึ้น และมีหญ้าสีแดงเป็นหย่อมๆ ระหว่างทางที่เขาเดินผ่านไปเป็นระยะๆ
ขณะที่หลงเฉินกำลังจ้องมองการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นนี้อย่างสนอกสนใจ พลันสีหน้าของเทอร่าก็เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาทันที เขากำหอกครึ่งท่อนในมือแน่น และอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะจู่โจมศัตรู
หลงเฉินสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของเทอร่า จึงได้หยิบดาบสะบั้นบรรพตของตนออกมา และพุ่งจู่โจมในทันที!